ตอนที่ 963 กลับสู่กิจการเดิม
พวกเฉินฉือทั้งสามคนทำได้เพียงรอ และบัดนี้พวกเขาก็รอถึง 1 ชั่วยามแล้ว
ท้องนภามืดมิด ทว่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งสามมิมีท่าทีจะเลิกสนทนากันเลย
ในที่สุดขุนนางใหญ่ทั้งสามคนก็จบการสนทนา ปี้ตงลากลับไปแล้ว ส่วนต่งคังผิงยังคงอยู่เพราะเรื่องต่อจากนี้เกี่ยวข้องกับกรมคลังเช่นกัน
เยี่ยนซือเต้าต้มชาหนึ่งกาพลางจ้องมองหัวหน้าตระกูลใหญ่ทั้งสามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“บัดนี้ข้าขอมิปิดบังพวกเจ้า… กิจการในมือของพวกเจ้าทั้งหมดล้วนเป็นฝีพระหัตถ์ของฝ่าบาททั้งสิ้น”
พวกเฉินฉือตกตะลึงไปชั่วขณะ…แน่นอนว่าฝ่าบาทพระองค์นี้ก็คือฟู่เสี่ยวกวน ทว่าพระองค์ทรงประทับอยู่ที่เมืองกวนหยุนซึ่งห่างออกไปหลายพันลี้ คาดมิถึงว่าจะวางหมากไว้ในหุ้นของจินหลิง !
“ที่เชิญพวกเจ้ามาก็เป็นพระประสงค์ของฝ่าบาท สถานการณ์ในตอนนี้ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าก็เข้าใจดี ข้าขอแนะนำพวกเจ้าอีกคราว่า… อย่ามีลูกล่อลูกชนต่อฝ่าบาท เพราะในใต้หล้านี้มิมีผู้ใดสามารถหลอกลวงฝ่าบาทได้”
เยี่ยนซือเต้ารินชาให้พวกเขาหนึ่งถ้วย หลู่เฟิงรีบเอ่ยขึ้นมาทันทีว่า “ข้าน้อย… ข้าน้อยมิกล้าหักหลังฝ่าบาทอีกต่อไปแล้วขอรับ ! ”
เฉินฉือและโจวสวินก็รีบโค้งคำนับเช่นกัน “พวกข้าน้อยก็มิกล้าหักหลังฝ่าบาทอีกแล้วขอรับ”
เยี่ยนซือเต้าเลิกคิ้วขึ้น “พวกเจ้าจะซื่อสัตย์ต่อฝ่าบาทหรือไม่มิสำคัญ ต่อจากนี้พวกเจ้าจงฟังให้ดี”
เยี่ยนซือเต้าทำหน้าเคร่งขรึม จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงขึงขัง “กิจการในอดีตของพวกเจ้ายังคงมอบให้พวกเจ้าเป็นผู้จัดการ แต่จงจำเอาไว้ว่า… กิจการทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของฝ่าบาททั้งสิ้น พระประสงค์ของฝ่าบาทคือผลกำไร ดังนั้นกำไรที่ได้จากกิจการเหล่านี้จำนวนสองส่วนถือเป็นของพวกเจ้า ส่วนเรื่องของบัญชีก็ให้เสนาบดีต่งแห่งกรมคลังส่งคนไปช่วยทำ”
“สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำคือการผลิตและค้าขาย พระประสงค์ของฝ่าบาทคือมิสนใจว่าจะมีขั้นตอนเยี่ยงไร ทว่าพระองค์จะดูผลลัพธ์ในตอนสิ้นปี… หากพวกเจ้าทำได้มิดี เกรงว่า… เกรงว่าพระองค์จะเปลี่ยนให้ผู้อื่นมาจัดการแทนได้อย่างง่ายดาย ทว่าพวกเจ้าคงมิอาจรักษาชีวิตเอาไว้ได้อีกต่อไป”
ทั้งสามคุกเข่าลงพร้อมกันดังปึก “ข้าน้อยยอมแล้วขอรับ ข้าน้อยจะดูแลกิจการเหล่านี้ของฝ่าบาทให้ดีขอรับ ! ”
“ข้าเชื่อมั่นในความสามารถของพวกเจ้า จากนี้เป็นต้นไป…จงตั้งใจทำงานเพื่อฝ่าบาทเถิด จักรพรรดิพระองค์นี้ของพวกเราทรงมีเมตตา มิเช่นนั้น…คงบั่นศีรษะพวกเจ้าทั้งตระกูลไปแล้ว ! ”
“เรื่องกิจการพวกเจ้าสามารถดำเนินการได้อย่างอิสระ ดูแลคนของตนให้ดีโดยเฉพาะเครือญาติสายหลัก บัดนี้ยุคสมัยได้แปรเปลี่ยนไปแล้ว ! พวกเจ้าไปเถิด”
ทั้งสามจึงโค้งคำนับและขอตัวลาพร้อมกับจิตใจที่หนักอึ้งราวกับมีหินถ่วงเอาไว้ เมื่อได้ฟังคำเอ่ยนี้แล้วจึงได้เข้าใจความหมายของฝ่าบาทอย่างแจ่มชัด
แท้จริงแล้วกำไรสองส่วนก็อู้ฟู่มากพอแล้ว ด้วยเหตุนี้เหล่าลูกหลานในตระกูลจึงมิต้องแยกย้ายกันไป พวกเขาสามารถทำงานหาเงินอยู่ในโรงงานเหล่านั้นต่อไปได้
นี่คือธุรกิจเก่าแก่ของพวกตนเปรียบเสมือนรถม้าที่วิ่งบนถนนที่คุ้นเคย ทั้งยังสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาและความเสี่ยงในการทำธุรกิจอื่นได้อีกด้วย
“ฝ่าบาท…พวกกระหม่อมขออภัยพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“ดังนั้นในภายภาคหน้าจะตั้งใจทำงานอย่างหนัก ! ”
“พวกอันธพาลในครอบครัว ข้าจะส่งไปขุดเหมืองบนภูเขาทั้งหมด มิให้อยู่ที่จินหลิงเพื่อสร้างปัญหาให้แก่ข้าอีก… ! ”
……
……
ในฐานะเมืองหลวงรองของประเทศต้าเซี่ย มิได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์วังหลวงของเมืองจินหลิงแต่อย่างใด
หยูเวิ่นหวิน ต่งชูหลานและเยี่ยนเสี่ยวโหลวกลับมาแล้ว ตามขนบธรรมเนียมพวกนางจะต้องพักที่พระราชวังแห่งนี้
อดีตองค์หญิงใหญ่แห่งราชวงศ์หยู ด้วยพระราชโองการแต่งตั้งของฟู่เสี่ยวกวน พระนางจึงได้กลายเป็นองค์หญิงใหญ่แห่งประเทศต้าเซี่ย เรื่องนี้ค่อนข้างแปลกประหลาด ทว่าก็เข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาดีจึงมิมีผู้ใดคัดค้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)