ตอนที่ 975 อุดมการณ์ของข้า
บริเวณตรอกแห่งนี้มีเรือนสี่ประสานตั้งอยู่ข้างทางหลังหนึ่ง
ประจวบเหมาะกับเป็นยามอาทิตย์อัสดง สายลมในฤดูใบไม้ร่วงพัดเอื่อยเฉื่อยรู้สึกเย็นสบายมากยิ่งนัก
ใจกลางลานของเรือนสี่ประสานมีโต๊ะหินอ่อนตั้งอยู่และมีคนสี่คนนั่งล้อมรอบโต๊ะนั้นไว้
พวกเขาคือเผิงยวี๋เยี่ยน กวนเสี่ยวซี หยูรั่วซิงและหวานเหยียนเสวี่ยเหลียน
เผิงยวี๋เยี่ยนต้มชานมหนึ่งกา กวนเสี่ยวซีจ้องมองนางด้วยท่าทีเลื่อนลอย
“ข้าดูชราขึ้นใช่หรือไม่ ? ”
กวนเสี่ยวซีส่ายหน้า “ไม่ขอรับ…เพียงแค่ดูสุขุมมากยิ่งขึ้น มิได้ดูสดใสเหมือนในความทรงจำของข้าแล้ว”
หวานเหยียนเสวี่ยเหลียนมิเข้าใจ พวกเขามิใช่แม่ลูกกันหรอกหรือ ? มิได้เจอกันนาน ทว่าเหตุใดจึงไร้ซึ่งความตื่นเต้นหรือดีใจที่ควรจะมีหลังจากที่มิได้พบกันนานเลย ?
หยูรั่วซิงเคยใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหลวงรองจินหลิง ทว่าเขามิเคยพบกวนเสี่ยวซีเช่นกัน นางย่อมทราบว่ามารดามิได้มีบุตรนอกสมรสแต่อย่างใด คาดว่าจะเป็นลูกศิษย์ที่รับมาเมื่อในอดีต
“หากเมืองที่เจ้าอยู่มีใบชา คราหน้าก็ส่งมาให้ข้าสักหน่อยเถิดเพราะชานมนี้… ข้าดื่มจนชินแล้ว เพียงแต่รู้สึกว่ารสชาติของใบชาดีกว่าเล็กน้อย”
“ได้ขอรับ ! คราหน้าข้าจะส่งมาให้อย่างแน่นอน”
เผิงยวี๋เยี่ยนรินชานมใส่ถ้วยสี่ใบ จากนั้นก็ส่งให้ทุกคน หลังจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพลางจ้องมองไปทางกวนเสี่ยวซี ปรากฏรอยยิ้มรักใคร่เอ็นดูผุดขึ้นมาบนใบหน้าของนาง
“ที่ผ่านมาข้ามิเคยเสียใจเลยที่ได้ปล่อยเจ้าไป ในที่สุดตอนนี้เจ้าก็มีอนาคตที่ดีแล้ว หากมิใช่เพราะความสัมพันธ์ของพวกเรา… เจ้าอาจจะมีอนาคตที่ยิ่งใหญ่กว่านี้แล้วด้วยซ้ำ”
“ไม่ขอรับ ข้ารู้สึกว่าเป็นเยี่ยงนี้ก็ดีอยู่แล้ว เพราะถึงเยี่ยงไรฝ่าบาทก็ได้ดำริมาดีแล้ว พระองค์จึงมิได้ให้ข้าเลือกเองแต่อย่างใด”
หญิงสาวทั้งสองที่ได้ฟังรู้สึกงุนงงมากยิ่งนัก มิเข้าใจว่าพวกเขากำลังสนทนาถึงเรื่องอันใดอยู่ เพียงแต่คำเอ่ยเหล่านี้เชื่อมโยงไปถึงฝ่าบาทจึงรู้สึกว่าช่างลึกซึ้งมากยิ่งนัก
“เขาเป็นคนฉลาด เจ้าเองก็เป็นลูกน้องที่ทำงานได้ดี ก่อนจะเกิดเรื่องนั้นขึ้นมา เขาให้จัวตงหลายนำจดหมายมาส่งถึงข้าหนึ่งฉบับ นี่คือการคำนึงถึงมิตรภาพเก่า ๆ เพียงแค่จดหมายนี้มาช้าไปเล็กน้อย ข้าจึงตามไปมิทัน…”
“เมื่อมานั่งคิดในตอนนี้ การที่ข้าตามไปมิทันก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะหากตามไปทัน…”
เผิงยวี๋เยี่ยนเหยียดยิ้ม “หากตามไปทัน เจ้าคิดว่าข้าจะช่วยผู้ใด ? ”
“ข้าต้องช่วยสามีแน่นอนอยู่แล้ว ถึงเยี่ยงไรก็ต้องตายอยู่ดี”
กวนเสี่ยวซีสูดลมหายใจเข้าลึก เงยหน้าขึ้นมองท้องนภาสีคราม ผ่านไปชั่วครู่จึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “กองทัพชายแดนใต้ ทหารนับสามแสนชีวิต…”
เผิงยวี๋เยี่ยนขมวดคิ้วมุ่น “กวนเสี่ยวซี ! ”
น้ำเสียงของนางแข็งกร้าวขึ้นมาทันพลัน นางเอ่ยอย่างจริงจังว่า “นี่คือสงครามระหว่างแคว้น ! ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจเรื่องนี้ได้บ้าง ! ”
“หยูเวิ่นเต้าที่รู้ว่าอาจจะต้องตายในสงครามได้ใช้ชีวิตทหารในกองทัพกว่าหกแสนนายมาเดิมพันกับชะตากรรมของราชอาณาจักร หากหยูเวิ่นเต้าเป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะในที่ราบฮวาจ้ง เยี่ยงนั้นฝั่งผู้เสียชีวิตก็จะเป็นราชวงศ์อู๋ ทว่าผลคือหยูเวิ่นเต้าพ่ายแพ้ สามีของข้าก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งบนกระดานเท่านั้น กองทัพชายแดนใต้ทั้งสามแสนนายและกองทัพสวรรค์ฆาตอีกสามแสนนายต่างก็เป็นหมากในกระดานเช่นเดียวกัน ! ”
“ในเมื่อการเดินหมากจบสิ้นแล้ว หมากย่อมถูกปัดทิ้ง นี่จึงมิเกี่ยวกับความยุติธรรมและมิควรใช้ความรู้สึกของตนเองมาเกี่ยวข้อง ! ”
“ข้ารู้สึกยินดีมากยิ่งนักที่เจ้ามาหาข้า ทว่าเจ้ากลับมีความคิดเยี่ยงนี้… กวนเสี่ยวซี เชิญเจ้ากลับไปเถิดและใบชาของเจ้า ข้าก็มิต้องการแล้ว ให้ถือเสียว่าข้ามิรู้จักเจ้าก็แล้วกัน”
ในความทรงจำของหวานเหยียนเสวี่ยเหลียนคือท่านหัวหน้าชนเผ่ามักมีรอยยิ้มเปี่ยมสุขประดับอยู่บนใบหน้าเสมอมา นี่เป็นคราแรกที่นางได้เห็นท่านอาจารย์โกรธ น้ำเสียงมิได้แข็งกร้าวแต่ก็ให้ความรู้สึกหนาวเหน็บ
กวนเสี่ยวซีตื่นตกใจขึ้นมาทันใด เขาจึงก้มหน้าหลบสายตา
“แม้ท่านจะลาออกจากการเป็นแม่ทัพใหญ่แล้ว ทว่าภายในใจของท่าน…”
“เจ้าหุบปาก ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายน้อยเจ้าสำราญ (逍遥小地主)