อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน นิยาย บท 17

กุ้ยเฟย ซึ่งมีพระนามว่าฮัวหย้วน เป็นแสงจันทร์สีขาวในใจของมู่เสี่ยว เหตุผลที่เขาปฏิบัติต่อเสิ่นเนี่ยนหย้วนแตกต่างจากคนอื่น ๆ เนื่องจากนางมีความคล้ายคลึงกับฮัวหย้วน ที่เขายอมรับเสิ่นเนี่ยนหย้วนมาเป็นหวางเฟยรองของในชาติที่แล้วก็เพราะเหตุนี้

ซูเมิ่งเยียนขึ้นไปบนเกี้ยว มุ่งหน้าไปที่พระราชวัง

ก่อนที่นางจะจากไปนางก็คิดในใจว่า นางกับกุ้ยเฟยในพระราชวังนั้นไม่รู้จักกัน หากจะว่าไป นางมีแค่มีความสัมพันธ์กับมู่เสี่ยวเท่านั้น ดังนั้นนางจึงขอให้ชิวงซวงไปที่จวนอ๋องหย่งอันเพื่อแจ้งให้ทราบ

นางไม่ได้คาดหวังว่ามู่เสี่ยวจะเข้าวังเพื่อนาง แต่อีกฝ่ายคือฮัวหย้วน ดังนั้นเขาจะมาอย่างแน่นอน

หลังจากเข้าไปในพระราชวัง ซูเมิ่งเยียนก็ไม่กล้าฝ่าฝืนอะไร นางเดินตามหลังขันทีอย่างเชื่อฟัง

ในชาติก่อน นางมักจะไปที่วังเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงในวัง แต่หลังจากได้รู้ความคิดของมู่เสี่ยวที่มีต่อฮัวหย้วน นางก็ไม่มีความสนใจที่จะมาที่นี่เพื่อดูทั้งสองคนเกี้ยวพาราสีกันอีกต่อไป

หลังจากเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูตำหนัก ขันทีก็เข้าไปรายงาน

ชิวซวงไม่ได้ตามมา ดังนั้นซูเมิ่งเยียนจึงรออยู่ที่ทางเข้าตำหนักประมาณหนึ่งก้านธูปคนเดียว หน้าผากนางเต็มไปด้วยเหงื่อบาง ๆ และน่องของนางเริ่มเมื่อย ขันทีถึงมากล่าวว่า " กุ้ยเฟยเชิญเข้าไป"

ซูเมิ่งเยียนตามเข้าไปในตำหนัก ทุกสิ่งที่นางเห็นนั้นงดงามมาก

แน่นอนว่า สำหรับลูกสาวของมหาเศรษฐีเช่นนาง ไม่มีของอะไรหายาก หากจะบอกว่าของอะไรที่หายากสักหน่อย ก็คงจะเป็นเก้าอี้หงส์ตัวนั้น

มังกรและหงส์เป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์ คนทั่วไปไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้

ขณะนั้นเอง บนเก้าอี้หงส์นั้นมีสตรีผู้สง่างามและหรูหรานั่งอยู่

ถึงแม้ว่านางจะเคยเห็นฮัวหย้วนในชาติที่แล้ว แต่ชาตินี้เป็นครั้งแรกที่ซูเมิ่งเยียนได้เห็นฮัวหย้วนอย่างใกล้ชิด

นางสวมชุดพระราชวัง ดวงตาบิกโพลงเล็กน้อย เผยถึงเสน่ห์ของนาง คิ้วที่เต็มไปด้วยความกล้าหาญ ซึ่งทำให้นางมีเสน่ห์เป็นพิเศษ

นี่คือผู้หญิงที่สวยงามน่าทึ่งคนหนึ่งเลยทีเดียว

“บังอาจ! เจ้าไม่เห็นหน้ากุ้ยเฟยแล้วทำไมไม่ไหว้?” ขันทีที่อยู่ด้านข้าง ตวาดอย่างดุดัน

ซูเมิ่งเยียนคุกเข่าลงและโค้งคำนับ "หม่อมฉันคำนับกุ้ยเฟย กุ้ยเฟยอายุนับพันปี พัน ๆ ปี"

แต่ฮัวหย้วนเพียงแค่หยิบถ้วยชาที่ด้านข้าง คลุมด้วยแขนเสื้อกว้าง จากนั้นดื่มชาอย่างเงียบ ๆ แล้วก็วางมันลงอย่างช้าๆ

ซูเมิ่งเยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย

นางไม่ค่อยคุกเข่า ตระกูลซูมีกฎไม่มากนัก และเนื่องจากท่านพ่อของนางมีฐานะ เมื่อออกไปข้างนอก คนเขาก็ถือสา ไม่มีใครกล้าให้นางคุกเข่า

แม้แต่ในชาติที่แล้ว นางก็เป็นหวางเฟยอ๋องหย่งอัน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้รับการคำนับของนาง นับประสาอะไรต้องนานขนาดนี้?

แต่หลังจากคิดเรื่องนี้ ฮัวหย้วนเข้าวังมาได้สองปี นางก็ขั้นตำแหน่งจากไฉเหริน เป็นเจาอี๋ เป็นเฟย จนกระทั่งเป็นกุ้ยเฟยในตอนนี้เป็นนางสนม แค่คิดก็รู้ว่ามีฝีมือไม่เลว

ไม่รุ้ว่าคุกเข่าเป็นเวลานานเท่าใด ในที่สุดฮั่วหย้วนถึงพูดว่า "เงยหัวขึ้นแล้วให้ข้าดูหน่อย"

ซูเมิ่งเยียนเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ในที่สุดก็เห็นฮัวหย้วนอย่างชัดเจน

“ได้ยินว่าแม่นางซูแสดงความสามารถในตำหนักของท่านหญิงเมื่อวานนี้ ข้าจึงสงสัยในตัวเจ้าเล็กน้อย”

ฮัวหย้วนมองนางอย่างระมัดระวังครู่หนึ่ง จากนั้นค่อย ๆ มองไปทางอื่น "เพื่อให้เจ้ากับมู่เซียวได้อยู่ด้วยกัน ข้าได้พูดสิ่งดี ๆ มากมายกับฝ่าบาท ข้าใส่ใจแม่นางซูมาโดยตลอด เพราะว่าเจ้ากับมู่เสี่ยวมีผลประโยชน์ร่วมกัน"

ฮัวหย้วนช่วยให้นางแต่งงานกับมู่เสี่ยว?

ซูเมิ่งเยียนรู้สึกประหลาดใจ

ทำไมกัน?

ก่อนที่ฮัวหย้วนจะเข้าวัง นางกับมู่เสี่ยวไม่ได้ตกหลุมรักกันหรอกหรือ?

นางเต็มใจให้ผู้ชายที่ตนเองชอบแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น?

ในขณะที่ซูเมิ่งเยียนรู้สึกประหลาดใจอยู่นั้น ทันใดนั้นนางก็เข้าใจว่าเหตุใดมู่เสี่ยวตัดสินใจไม่ถอนหมั้น

หากถอนหมั้น ฮัวหย้วนซึ่งเป็นแม่สื่อในการแต่งงานก็คงจะได้รับผลกระทบไปด้วยใช่ไหมล่ะ?

"แปลกใจ?" ฮัวหย้วนยิ้มเบา "ตอนที่ข้าเข้าวัง ตระกูลซูได้บริจาคเงินออกแรงมากมาย ตอนนี้แม่นางซูมีเรื่องต้องการความช่วยเหลือ ข้าก็ต้องช่วยบ้าง"

ซูเมิ่งเยียนอึ้ง

ที่แท้ฮัวหย้วนคิดว่าตระกูลซู จ่ายเงินให้นางเพื่อหาเส้นสาย?

"ดูความทรงจำของข้าสิ"

ทันใดนั้นฮัวหย้วนก็เหมือนคิดอะไรออก จึงโบกมือ "ข้ามัวแต่คุย จนลืมไปว่าแม่นางซูยังคงคุกเข่าอยู่ เอาที่นั่งมา"

นางลืมที่ไหนกันล่ะ เห็นได้ชัดว่าจงใจ

ในขณะนั้น ซูเมิ่งเยียนรู้สึกเห็นร่องรอยของความสุขในดวงตาของฮัวหย้วน

"ปกติไม่เห็นเขามา แต่พอวันนี้แม่นางซูมาที่นี่ เขาก็เลยตามมาด้วย" ฮัวหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม และชำเลืองมองไปที่ซูเมิ่งเยียน

ซูเมิ่งเยียนก้มหัวลงอย่างรวดเร็ว

“ให้เขาเข้ามา” ฮัวหย้วนกล่าว

ขันทีรับคำสั่ง ไม่นานมู่เสี่ยวก็เข้ามาด้านใน

หันหน้าไปทางฮัวหย้วน เขาไม่ได้คุกเข่าเพื่อแสดงความเคารพ และไม่ได้เหลือบมองซูเมิ่งเยียนที่อยู่ด้านข้าง " ถวายบังคมกุ้ยเฟย"

“ท่านอ๋องหย่งอันมาทันเวลาพอดี”

ฮัวหย้วนยิ้ม "แม่นางซูทำกำไลหยกที่ฝ่าบาทมอบให้แตก บอกข้าทีว่า ควรทำอย่างไร?"

เมื่อพูดจบ ในตอนท้ายของคําพูดยังเพิ่มความเขินอายของหญิงสาวไปเล็กน้อย

มู่เสี่ยวเข้าใจอารมณ์ของฮัวหย้วนเป็นอย่างดี “ข้าจะสั่งให้คนไปตามหาที่เหมือนกับกำไลอันนี้เด๊ะ ๆ ”

“จริงหรือ?” ฮัวหย้วนแสดงความดีใจ

“จริงสิ” มู่เสี่ยวพยักหน้า

ฮัวหย้วนยิ้ม รอยยิ้มนั้นบริสุทธิ์มาก "เช่นนี้ ปัญหาของกำไลหยกจะได้รับการแก้ไข แต่ว่ามู่เสี่ยว เจ้าคิดว่าแม่นางควรถูกลงโทษเช่นไร"

ทันทีที่ซูเมิ่งเยียนได้ยินคำพูดของฮัวหย้วน ก็รู้ว่าเธอกำลังวางแผนอะไรอยู่

ในฐานะที่ฮัวหย้วนอยู่ในวังหลัง มีนางสนมมากมาย แต่ฮ่องเต้มีเพียงผู้เดียว นางต้องลงทุนอย่างหนักเพื่อแข่งขันกับผู้หญิงมากมาย เดิมทีก็ลำบากอยู่แล้ว ยิ่งมาได้ยินว่าคู่หมั้นของสุดที่รักของนางเปล่งประกายเมื่อวานนี้ แน่นอนยิ่งไม่มีความสุข

สิ่งที่นางทำในวันนี้ เพียงเพื่อให้ตัวเองเห็นอย่างชัดเจนว่า ในใจของมู่เสี่ยวนั้น นางมีความสำคัญยิ่งกว่าซูเมิ่งเยียน นางก็ยังเป็นคนที่อยู่ในใจของมู่เสี่ยวฮัวหย้วน มาลงโทษซูเมิ่งเยียน

ไม่ว่าจะเป็นความหยิ่งยโสของฮัวหย้วน หรือความไม่เต็มใจของเธอที่มีต่อมู่เสี่ยวเมื่อ ซูเมิ่งเยียนรู้ถึงระดับนี้ เธอก็พบว่ามันไร้สาระ

ฮัวหย้วนไม่รู้เลยว่า นางไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ นางก็เป็นคนพิเศษที่สุดในหัวใจของมู่เสี่ยวอยู่แล้ว

ขณะนั้นเอง มู่เสี่ยวมองไปที่ฮัวหย้วน แม้แต่หางตาก็ไม่มองซูเมิ่งเยียนเลยไม่แต่น้อย เขาพูดตามตรงว่า "ในเมื่อเป็นสมบัติที่ฝ่าบาทประทานให้ ให้นางคุกเข่านอกห้องโถงเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามเถิด"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน