เสียงดัง "เพล้ง" ถ้วยชากระแทกกับบางอย่างและตกลงไปที่พื้น ถ้วยชากลิ้งบนผ้ากำมะหยี่หนาอยู่หลายรอบแต่ทว่ามันไม่แตก
ซูเมิ่งเยียนละสายตาของนางลงอย่างเงียบ ๆ โดยยังคงยืนอยู่ต่อหน้ามู่เสี่ยวความเจ็บปวดอย่างรุนแรง
นางไม่รู้ว่าทุกครั้งที่เข้าวังหลวงมามีดวงไม่สมพงษ์หรือไร ต้องโดนหน้าผากทุกครั้ง เหตุใดหน้าผากของนางถึงได้รับบาดเจ็บทุกครั้งที่เข้าวัง?
ภายในตำหนักหยางซินเตี้ยน มีความเงียบงัน
ทุกคนมองไปที่ซูเมิ่งเยียน รวมถึง... หน้าผากของนางซึ่งกลายเป็นสีแดงอย่างรวดเร็วโดยมีเลือดไหลซึมออกมา โชคดีที่ไม่มีการบาดเจ็บร้ายแรง
มู่หรงที่ได้สติ ก็เหลือบมองไปที่ซูเมิ่งเยียนและเหอะเบา ๆ
"ฝ่าบาท ใจเย็นก่อน" ซูเมิ่งเยียนคุกเข่าลงบนพื้นอย่างช้า ๆ "ท่านอ๋องทรงเคยชินกับงานราชการต่างๆ วันนี้ได้เห็นฝ่าบาทจึงประหม่าอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นจึงพูดตรงไปตรงมาไปหน่อย"
อย่างไงชื่อเสียงของมู่เสี่ยวไม่ดีอยู่แล้ว นางจึงไม่สนใจที่จะพูดคำที่แปดเปื้อนไปมากกว่านี้
มู่หรงก็รู้ดีกว่าเมื่อครู่เขาทำเกินไป เรื่องการลดตำแหน่งตระกูลเฉิน ทางราชสำนักก็มีคนบ่นมานานแล้วว่าตระกูลเฉินถูกผลักไส อีกทั้งโดนลูกชายมากล่าวกาต่อหน้า เขาจึงระบายความโกรธออกมา แต่ถูกซูเมิ่งเยียนขัดขวางเช่นนี้ แต่ก็ว่าหาบันไดลงได้ เขาสะบัดแขนเสื้อคลุมมังกร พร้อมกับเหอะเบา ๆ "รู้ตัวก็ดี" แล้วหันตัวจากไป
ฮองเฮาเหลือบอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมเดินตามฮ่องเต้ออกไป
ส่วนกุ้ยเฟยสองคนที่เห็นฮ่องเต้พิโรธก็ตกใจ จึงรีบจากไปเพราะกลัวว่าจะโดนด้วย
สีหน้าของมู่เสี่ยวมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน บาดแผลบนหน้าผากของนางมีสีแดงและบวมเล็กน้อย นางมายืนขวางหน้าเขาอีกครั้ง
ไม่รู้ทำไม... ในใจรู้สึกแปลก ๆ
ฮัวหย้วนที่ด้านข้างจ้องมองการแสดงออกของมู่เสี่ยวอย่างใกล้ชิด สีหน้าซีดขาวลงเล็กน้อย แต่ทว่านางก็ยังคงสนใจเกี่ยวกับความแตกต่างของสถานะ จึงปิดปากและกระแอม ลุกขึ้นแล้วจากไป
ความคิดของมู่เสี่ยวก็ได้สติกลับพร้อมกับเสียงกระแอม สีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติ
ระหว่างทางกลับ ทั้งสองยังคงเงียบ แต่มันต่างกับตอนที่พวกเขามา คราวนี้เป็นมู่เสี่ยวที่มองซูเมิ่งเยียนอยู่บ่อยครั้ง
ขณะที่เขามองนางครั้งที่สี่ ซูเมิ่งเยียนอดไม่ได้อีก นางเงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า "ท่านอ๋องต้องการพูดอะไรหรือ?"
มู่เสี่ยวตกตะลึงกับคำถามของนาง แต่เมื่อเขาเห็นดวงตาที่สงบนิ่งของนาง เขารู้สึกหงุดหงิดใจเล็กน้อย "ครั้งที่แล้วเจ้าบอกว่าที่เจ้าปกป้องข้าเพราะข้าแต่งงานกับเจ้า เช่นนั้นแล้วครั้งนี้ล่ะ?" จงใจประชดประชัน แอบซ่อนความสุขในใจไว้เล็กน้อย
ซูเมิ่งเยียนฟังความหมายแฝงของเขาไม่ออก นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "จากนี้ไป ท่านอ๋องได้โปรดอย่าประมาทแบบนี้อีก!"
มู่เสี่ยวตกใจ "ทำไม?"
"วันนี้ในตำหนักหยางซินเตี้ยน เหตุใดท่านอ๋องถึงพูดคำเหล่านั้นออกมา?" ซูเมิ่งเยียนถามกลับ
"..." มู่เสี่ยวเงียบไป
ซูเมิ่งเยียนหัวเราะอย่างเย้ยหยัน เขาไม่พูดแล้วจะเป็นเช่นไร? นางรู้ดีอยู่แก่ใจ เพราะฮัวหย้วน
ในเวลาที่ฮัวหย้วนถูกฝ่าบาทไถ่ถาม สีหน้าซีดขาว นางแค่มองไปที่มู่เสี่ยวอย่างรวดเร็วราวกับขอความช่วยเหลือ และเขาก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยนาง จึงกระตุ้นความโกรธของฝ่าบาทได้อย่างง่ายดาย
ทั้ง ๆ ที่เป็นอ๋องหย่งที่ใจเย็นและพยายามซ่อนความสามารถเอาไว้ ต้องเผยตัวตนเพราะฮัวหย้วนคนเดียว
อดีตกับปัจจุบันก็เหมือนกันทุกประการเลย
"นับจากนี้ไป หากท่านอ๋องต้องการปกป้องผู้อื่น เลือกเวลาตอนที่ข้าไม่อยู่" ซูเมิ่งเยียนเปลี่ยนสายตาพร้อมหันไปมองที่ผ้านม่านเกี่้ยว "ข้าไม่ได้มีหลายชีวิตที่จะปกป้องได้มากนัก"
มู่เสี่ยวอึ้งเล็กน้อย ปกป้องเขา?
มันเป็นเรื่องประหลาดมากสำหรับเขา
ไม่เคยมีใครพูดแบบนั้นมาก่อน และเขาก็ไม่ต้องการการปกป้องจากใคร
พระราชบิดาไม่เคยเจริญหูเจริญตาเมื่อมองเขา แต่ตอนนี้มีแต่จะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองยิ่งแย่ลงไปอีก ยิ่งเขาตอนนี้มีกำลังเพียงพอ ถึงวันนี้จะเปิดเผยได้ หากทุ่มสุดตัวก็คงจะไม่แพ้
พระราชบิดาก็คงจะรู้สึกบ้างเช่นกัน หลายวันมานี้จึงได้แอบเตือนเขาว่าอย่าคิดไม่ซื่อสัตย์ เมื่อเทียบกับความเฉยเมยก่อนหน้านี้ มันผิดปกติเกินไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน
อัพต่อหน่อยจ้าา...
อัพต่อด้วยค่ะ อยากอ่านต่อ...
อัพอีกหน่อยค่า อยากอ่านต่อ...
4/4/2567 ใครช่วยตอบที ไม่อัพตอนเพิ่มแล้วใช่ไหมค่ะ.... อยากอ่านต่ออะ 😢😢😢...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ หายไปเลย รออยู่นะคะ...
ไม่อัพแล้วหรอครับ...