อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน นิยาย บท 57

เมื่อคิดถึงชีวิตที่แล้ว อารมณ์ที่มีความสุขของซูเมิ่งเยียนก็ลดลง จากนั้นก็โยนจดหมายลงบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา "ฮัวกุ้ยเฟยกล่าวว่ารู้สึกเหงามากเมื่ออยู่เพียงผู้เดียวในตำหนักในของวังหลัง ต้องการให้ข้าเข้าวังไปเป็นเพื่อนเล่นกับนาง"

มู่เสี่ยวขมวดคิ้วของเขาเล็กน้อย

แต่ซูเมิ่งเยียนกลับสังเกตเห็น มุมปากของนางยกขึ้นพลางกล่าว "ทำไม? ช่วงนี้ท่านไม่ได้ไปเยี่ยมนางเลยเช่นนั้นหรือ?"

"ซูเมิ่งเยียน!" ดวงตาและคิ้วของมู่เสี่ยว มีความโกรธเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลย

"เหตุใดต้องตอบสนองซะใหญ่โตเช่นนี้" ซูเมิ่งเยียนถอนสายตากลับมาก แล้วจ้องมองไปที่จดหมายกระดาษนั้นอย่างเงียบงัน "สตรีนางหนึ่งที่สามารถเรียกท่านออกไปหาได้ในคืนวันแต่งงาน สตรีนางหนึ่ง...ที่ท่านสามารถเล่นหมากรุกเป็นเพื่อนนางได้ทั้งคืน มู่เสี่ยว ท่านคิดว่าท่านจะสามารถปกปิดผู้ใดได้เช่นนั้นหรือ?"

เกาลัดในวันนี้ ทำให้นางยังรู้สึกว่าเขานั้นก็มิได้ใจร้ายกับตนเองถึงเพียงนั้น แต่ทว่าจดหมายฉบับนี้กลับสามารถดึงสติของนางกลับมาได้อย่างง่ายดาย

มู่เสี่ยวก็คือมู่เสี่ยว เหมือนกับชีวิตที่แล้ว ในหัวใจของเขามีเพียงแต่ฮัวหย้วนเท่านั้น

สีหน้าของมู่เสี่ยวสงบลงแล้ว เขาไม่ได้สนใจต่อจดหมายฉบับนั้น เขาลุกขึ้นเพียงเล็กน้อย เสื้อคลุมสีขาวนั่นทำให้ดูสง่างามอยู่ไม่น้อย จากนั้นเขาก็มองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าพลางกล่าวว่า "ในเมื่อมีรับคำสั่งให้เข้าวัง เจ้าก็ไปก็พอแล้ว"

หลังจากที่จบคำนี้ เขาก็เดินออกจากประตูไป

เมื่อซูเมิ่งเยียนได้ยินเสียงปิดประตูเงียบไป จากนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะเป็นเวลานาน

นางไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดฮัวหย้วนต้องการที่จะพบนาง เพียงแต่หลังจากที่ได้ยินชื่อของฮัวหย้วนแล้ว ดูสีหน้าของมู่เสี่ยวจะไม่ปกติ ซึ่งนางก็เห็นมันอยู่ในสายตาได้อย่างชัดเจน เกาลัดที่อยู่เบื้องหน้ากลายเป็นของบาดตา ถึงจะยังคงหอมหวน แต่นางกลับไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย

"คุณหนู..." ชิวซวงเดินเข้ามาจากด้านนอก

ซูเมิ่งเยียนยัดเกาลัดเข้าไปในมือของชิวซวงแล้วกล่าวว่า "เจ้ากับคนภายในเรือนเหล่านั้น เอาของนี้ไปแบ่งกันกินเถอะ"

ในเมื่ออาหารเย็นนั้นไม่ได้ทาน นางจึงผล็อยหลับไป

รุ่งเช้าวันต่อมา ท้องฟ้าขมุกขมัวเล็กน้อย

ตั้งแต่เช้าตรู่ เก้าอี้เสลี่ยงขนาดเล็กจากพระราชวังก็สั่นโงนเงนมารับคนที่สวนด้านหลัง

ซูเมิ่งเยียนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้เสลี่ยง และคนเหล่านั้นก็แบกนางเดินโงนเงนเข้าไปในพระราชวัง

กำแพงวังนั้นสูงใหญ่ เมื่อเข้าไปแล้วจึงทำให้คนรู้สึกอึดอัดใจ ซูเมิ่งเยียนขมวดคิ้ว แล้วหลับตาลงเพื่อพักผ่อนจนงีบหลับไป แล้วมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีเสียงของขันทีน้อยดังขึ้นมาจากด้านนอก "หวางเฟย ลงเกี้ยวเถิดขอรับ"

จากนั้นซูเมิ่งเยียนก็ได้เดินตามหลังของขันทีน้อยผู้นั้นไป และเหลียวซ้ายแลขวาไปตลอดเส้นทางเดินที่ทอดยาว สุดท้ายก็มาถึงส่วนพระราชวัง

เมื่อมองไปที่สาวงามที่ยังคงนั่งอยู่บนบัลลังก์หงส์อย่างเกียจคร้านนั้น ซูเมิ่งเยียนจึงต้องคุกเข่าลงอย่างลังเล "ถวายบังคมพระสนมกุ้ยเฟย..."

ครั้งนี้ฮัวหย้วนไม่เหมือนกับครั้งที่แล้ว รีบก้าวขึ้นมาข้างหน้าเพื่อช่วยพยุงนางลุกขึ้นเสียแล้ว "หลังจากนี้ไปต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เหตุใดต้องมีพิธีรีตองถึงเพียงนี้กันเล่า"

ซูเมิ่งเยียนที่ถูกฮัวหย้วนประคองด้วยมือในแข็งทื่อ และรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินคำว่า "ครอบครัวเดียวกัน" ประโยคนั้น

จากนั้นก็ดึงมือกลับมาอย่างไร้ร่องรอย แต่ยังคงโน้มตัวเล็กน้อยพลางกล่าวว่า "เป็นอย่างที่พระสนมกุ้ยเฟยกล่าว"

"ดูการวางตัวของเจ้าสิ ตอนที่เข้ามาถวายน้ำชาในพระราชวังครั้งที่แล้วก็สุภาพเรียบร้อยมาก" ฮัวหย้วนส่งเสียงหัวเราะอย่างแผ่วเบา

ซูเมิ่งเยียนไม่ได้ตอบกลับไป "ไม่ทราบว่าที่พระสนมเรียกหม่อมฉันมาที่นี่..."

"ไม่มีเรื่องอะไรหรอก เพียงแค่ภายในวังหลังไม่ได้มีคนให้พูดคุยด้วยได้มากนัก ฝ่าบาทก็ทรงงานยุ่ง ข้ากับหวางเฟยขององค์ชายพระองค์อื่นก็พูดคุยกันได้ไม่มาก เมื่อลองไตร่ตรองดูแล้ว ก็รู้สึกคุ้นเคยกับแม่นางซูเท่านั้นแล้ว"

แม่นางซู...

ซูเมิ่งเยียนสังเกตถึงคำที่เอาไว้ใช้เรียกนางเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าตอนนี้มู่เสี่ยวจะยังไม่เคยพูดเพื่อแสดงอำนาจ แต่ทว่าเมื่อคนภายในวังเห็นนางก็จะเรียกว่า "หวางเฟย" ทว่าฮัวหย้วนเรียกนางว่า "แม่นาง" ตามปกติ...อาจจะเป็นเพราะไม่รู้ถึงสถานะของนางเลยสินะ

"ที่พระสนมระลึกถึงหม่อมฉัน ก็เป็นเกียรติแก่หม่อมฉันแล้วเพคะ" นางก้มศีรษะลง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งมาก

"ที่สำคัญก็คือเราทั้งสองมีอายุไล่เลี่ยกัน" ฮัวหย้วนโบกมือไปมา "เมื่อไม่กี่วันก่อนมีคนจากต่างแดนส่งของบางอย่างมาเป็นเครื่องบรรณาการ ฝ่าบาทโปรดปรานข้า จึงได้ให้ข้าเลือกบางอย่างมาด้วย ข้าได้เลือกพวกแป้งแต่งหน้าที่สตรีเหล่านั้นชอบใช้กัน..."

ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีหญิงรับใช้ภายในวังถือกล่องผ้าเดินเข้ามาทีละคน กล่องเหล่านั้นต่างก็ถูกปิดเอาไว้ด้วยผ้าสีแดง อีกทั้งยังได้กลิ่นหอมหวานมาแต่ไกลด้วย

ซูเมิ่งเยียนขมวดคิ้วมุ่น

"ใบหน้าของแม่นางซูประณีตละเอียดอ่อน เพียงแต่ค่อนข้างที่จะจืดซีดไปเสียหน่อย หากแต่งหน้าสักเล็กน้อย กลัวว่าจะยิ่งสวยมากขึ้นอีก" ฮัวหย้วนหัวเราะเล็กน้อย "มีสตรีที่ไหนบ้างไม่ชอบความสวยความงามกันล่ะ วันนี้พวกเราก็อย่ามองว่าเป็นคนนอกกันเลย ครอบครัวของแม่นางซูร่ำรวย มีประสบการณ์และความรู้ที่กว้างขวาง ช่วยข้าดูทีว่าแป้งแต่งหน้านี้ใช้ดีหรือไม่..."

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน