ภายในห้องนางเงียบสงัด
ซูเมิ่งเยียนเหล่ตามองไปที่เปลวเทียนขนาดเท่าเมล็ดถั่วที่อยู่บนโต๊ะนั้น แสงเงาสลัว และเงาร่างของมู่เสี่ยวก็ส่องสะท้อนอยู่บนหน้าต่าง รูปร่างสูงใหญ่เป็นที่สุด
นางถามว่า เขาเชื่อนางหรือไม่
แต่เขาก็ไม่ได้ตอบกลับแต่อย่างใด
อันที่จริงแล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องตอบกลับมาแล้ว ภายในใจของนางรู้ดีว่าเขามีความคิดเช่นไร
มันไม่มีอะไรมากไปกว่า...ไม่เชื่อเท่านั้น
"ข้ารู้แล้ว" ในที่สุด นางก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า และเปลี่ยนตำแหน่งของเปลวเทียนที่ด้านข้าง เนื่องจากเปลวเทียนที่อยู่ข้างกายมู่เสี่ยวนั้น ทำให้ภายในใจของนางรู้สึกหนักอึ้งอยู่เสมอ
มู่เสี่ยวสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของนาง และเม้มปากไม่กล่าวอะไรออกมา
"ท่านอ๋องยังมีอะไรอยากจะพูดอยู่อีกหรือไม่?" เขายังคงไม่ออกไปไหน และซูเมิ่งเยียนก็ไม่ได้มีอารมที่จะพักผ่อนอีกต่อไปแล้ว จึงค่อย ๆ เงบหน้าขึ้น แล้วกล่าวถามเขา
คิ้วของมู่เสี่ยวขมวดแน่น
"หรือจะบอกว่า ท่านอ๋องต้องการให้ข้าเข้าไปรับสารภาพผิดในพระราชวังเช่นนั้นหรือ?" ซูเมิ่งเยียนบ่นพึมพำกับตนเอง
ในที่สุดครั้งนี้มู่เสี่ยวก็มีการตอบสนองกลับมาเสียที เขาเหลือบมองไปที่นาง จากนั้นก็หันหน้าเดินออกไปจากห้องด้วยความรวดเร็ว ชุดคลุมสีขาวของเขาสะบัดเงาสีขาวท่ามกลางความมืดสลัว ช่างเย็นชายิ่งนัก
ประตูห้องได้เปิดและปิดลงไปอีกครั้ง
ซูเมิ่งเยียนนั่งอยู่ข้างโต๊ะอย่างเงียบเฉียบ จากนั้นก็หยิบแก้วชาบนโต๊ะขึ้นมา ถึงแม้ว่าชานั้นจะเย็นชืดไปแล้ว แต่นางก็ไม่ได้ตระหนักถึงมันแต่อย่างใด และก็เงยหน้าดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง แล้วสติก็เริ่มตื่นตัวขึ้นมาไม่มากเลยทีเดียว
ชีวิตที่แล้ว นางเพียงแค่เคยได้ยินมาว่าพระสนมฮัวหย้วนกุ้ยเฟยนั้นงดงามจนล่มเมืองได้ และตอนที่ได้รู้ความจริงว่านางคือคนที่อยู่ในใจของมู่เสี่ยว ก็เป็นเรื่องหลังจากที่แต่งงานมามากกว่าหนึ่งปีแล้ว
เช่นนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นบนร่างกายของฮัวหย้วน นางจะต้องไม่รู้อยู่แล้ว และชีวิตที่แล้วฮัวหย้วนเสียโฉมหรือไม่ นางก็ยิ่งไม่รู้เลย
ความคิดของนางสับสน นางก็นอนลงบนเตียง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็หลับไม่ลงอยู่ดี
สายตาที่เคลือบแคลงใจของมู่เสี่ยวและข้อมูลการเสียโฉมของฮัวหย้วนเมื่อครู่นี้ ยังคงสะท้อนอยู่ภายในหัวของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เขาไม่เคยที่จะเชื่อใจนางเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับฮัวหย้วน เขาก็ยิ่งไม่แม้แต่จะลังเลที่จะมาคิดบัญชีกับนางเลยแม้แต่น้อย
แม้แต่ความลังเลเขาก็ไม่มี...
วินาทีต่อมา ซูเมิ่งเยียนก็ลุกขึ้นนั่งอยู่บนเตียงในทันที
ภายในสมองของนางมีความคิดถึงแวบเข้ามา และได้ถูกนางจับไว้ได้แล้ว
ในชีวิตที่แล้ว หลังจากที่ทั้งสองคนแต่งงานแล้วสองสามเดือน และมู่เสี่ยวก็ยังคงถูกเรียกว่า "อ๋องแห่งความเกียจคร้าน" อยู่ เขาก็ใช้ชีวิตอย่างพักผ่อนทุกวี่ทุกวัน
ตอนนั้นนางได้เค้นสมองเพื่อครอบครองรอบกายเขาไว้ และทนรอไม่ไหวที่จะอยู่ข้างกายเขาอยู่ตลอดเวลา แต่มีอยู่วันหนึ่ง ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น อยู่ ๆ มู่เสี่ยวก็เปลี่ยนไปเป็นคนที่ดูยุ่งวุ่นวายขึ้นมา
ในช่วงเวลานั้น ซูเมิ่งเยียนยากมากที่จะได้เห็นเงาของมู่เสี่ยวอยู่ในภายในจวนอ๋อง แม้ว่าจะได้พบ แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะมองมาที่นาง ทั้งยังรีบร้อนเดินผ่านไปอีกด้วย
ในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง นางป่วยเป็นหวัด และนางก็สั่งให้ชิวซวงไปเชิญมู่เสี่ยวให้มาเยี่ยมนาง แต่เขากลับปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า และเมื่อตอนที่นางใกล้จะหายดี เขาถึงมาพบนาง เมื่อเห็นว่าสีหน้าของนางเป็นปกติดี เขาก็หันตัวจากไปอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
เมื่อได้ยินชิวซวงกล่าวว่า มีหมอคนแล้วคนเล่าถูกเชิญมาที่จวนอ๋อง นางก็ยังเคยแอบดีใจเลยด้วยซ้ำ คิดไปว่ามู่เสี่ยวหาหมอมาเพื่อนาง และอยากจะบอกเขาว่า อาการหวัดของนางหายดีแล้ว แต่กลับได้ยินเขาสั่งกับหมอเหล่านั้นว่าให้ศึกษาพิษที่เรียกว่า "หยานกู่" จากนั้นก็ได้ให้ปรุงยาเพิ่มเสริมความงามขึ้นมา
และเขา ก็ได้เข้าไปในพระราชวังครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากนั้น สุดท้ายแล้วเขาก็ได้ไปยังวัดชิงซานที่อยู่ในเขตชานเมือง และไปหาปรมาจารย์คงเจี้ยนเพื่อหาครีมขวดหนึ่ง แล้วคลายความร้อนใจของเขา
เช่นนั้นซูเมิ่งเยียนจึงเข้าใจได้อย่างชัดเจน นั่นก็เป็นเพราะ...ที่วัดชิงซานนั้น ก็ยังเป็นนางขอไปเป็นเพื่อนกับเขาเอง แล้วนางยังไปที่พระราชวังเป็นเพื่อนเขา แต่ก็เพียงแค่รอเขาอยู่ที่หน้าประตูวังเท่านั้น เขาเข้าไปเพียงผู้เดียว
หลังจากที่รอมามากกว่าหนึ่งชั่วยาม เขาถึงจะออกมา และเพราะไปๆ มาๆ เป็นเวลาหลายวัน เขาก็เหน็ดเหนื่อยและหลับตาพิงอยู่ภายในรถม้า
และนางก็ได้ถามเขาอย่างระมัดระวังว่า "มู่เสี่ยว ยาขวดนั้นท่านเอาไปให้ผู้ใดหรือ?" นางในตอนนั้น ถึงแม้จะยังไม่รู้ความรู้สึกที่เขามีต่อฮัวหย้วน แต่กลับมองความใส่ใจของเขาออก
มู่เสี่ยวตอบกลับมาว่าอย่างไรกันนะ...
ซูเมิ่งเยียนอดที่จะเหล่ตาไปมองเขาไม่ได้
เขาตอบกลับมาเพียงแค่ว่า "มีคนในวังได้รับบาดเจ็บ และเขาก็ได้รับสั่งให้เป็นคนหายาเท่านั้น"
แต่ทว่าภายในพระราชวังนั้น คนที่เขาให้ความห่วงใยนั้นมีน้อยมาก และตอนนี้เมื่อลองครุ่นคิดดูแล้ว ก็มีเพียงแค่ฮัวหย้วนผู้เดียว...
ที่จริงแล้ว ในชีวิตที่แล้วฮัวหย้วนเคยเสียโฉมมาก่อนหรือไม่?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน
อัพต่อหน่อยจ้าา...
อัพต่อด้วยค่ะ อยากอ่านต่อ...
อัพอีกหน่อยค่า อยากอ่านต่อ...
4/4/2567 ใครช่วยตอบที ไม่อัพตอนเพิ่มแล้วใช่ไหมค่ะ.... อยากอ่านต่ออะ 😢😢😢...
ไม่อัพเดตแล้วหรอค่ะ หายไปเลย รออยู่นะคะ...
ไม่อัพแล้วหรอครับ...