อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน นิยาย บท 63

บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าได้ดื่มซุปร้อน ๆ ก่อนนอน เลยทำให้ซูเมิ่งเยียนรู้สึกถึงความอบอุ่นที่อยู่ในปอด และก็หลับไปหลังจากที่นอนไปได้ไม่นาน

นางหลับสนิทมาก ไม่มีฝันร้ายเลย เพราะว่าไม่ได้ฝันถึงชีวิตที่แล้วอีกด้วย

และเดิมทีแล้วมันก็ควรที่จะเป็นเช่นนั้นต่อไป

แต่กลับไม่คาดคิดว่า ท้องฟ้ายังไม่ทันจะสว่าง ด้านนอกของเรือนหลังจะมีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นมาเช่นนี้ได้

ซูเมิ่งเยียนขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็ยังไม่ได้ตื่นขึ้นมา

ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงของชิวซวงที่เต็มไปด้วยความกังวลและสั่นเครือ จากนั้นนางก็ลืมตาขึ้นมาในทันที

สื่งที่ชิวซวงกล่าวก็คือ "ท่านอ๋อง ร่างกายของคุณหนูยังไม่ฟื้นดี ท่านยังคงพักผ่อนอยู่เจ้าคะ"

แต่เห็นได้ชัดเจนว่า นางพูดค่อนข้างเบา จนแทบที่จะไม่มีใครได้ยินคำพูดของนาง และจากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าที่มั่นคงยืนมาหยุดอยู่ตรงนอกประตู

สีหน้าของมู่เสี่ยวแข็งท่องและซีดเซียว และเดินเข้ามาในห้องด้วยแววตาที่เย็นชาของเขา ในตอนที่เขากำลังจะเปิดประตู เขาก็เหมือนว่าจะคิดอะไรบางอย่างออก จากนั้นก็เหลือบมองไปทีหลัง "ซวนหยวน เจ้าเฝ้าข้างนอกเอาไว้"

"ขอรับ"

เมื่อเปิดประตูออก บนเตียงนอน มีหญิงสาวที่สวมเพื่อเสื้อทับในสีขาวตัวหนึ่งนั่งอยู่บนเตียงจริง ๆ ด้วย และใบหน้าที่มองเห็นได้ไม่ชัดเจนท่ามกลางความมืด ผมตรงสลวยนางที่ยาวลงมาไม่มีหยักศก แผ่กระจายอยู่ด้านหลัง ไม่คาดคิดว่าจะให้ความรู้สึกที่อ่อนแอเช่นนี้

มู่เสี่ยวตะลึงงันไปเล็กน้อย แต่กลับมีการตอบสนองที่รวดเร็วมาก เขาหมุนตัวไปหยิบตะบันไฟ จากนั้นก็จุดเทียน ทำให้ภายในห้องสว่างขึ้นมากในทันที

"ไม่ใช่ว่าท่านอ๋องไม่อยากเห็นข้าแล้วเช่นนั้นหรือ?" น้ำเสียงของซูเมิ่งเยียนค่อนข้างที่จะแหบพร่า

"เดิมทีข้าก็ไม่ต้องการพูดอ้อมๆ กับเจ้า" มู่เสี่ยวยืนอยู่ข้างเตียง จากนั้นก็ก้มมองลงมาที่นางจากมุมสูง "เจ้าเปลี่ยนยาที่ข้าจะส่งเข้าไปในวังเช่นนั้นหรือ?"

ซูเมิ่งเยียนเลิกคิ้วเล็กน้อย และดวงตาก็เต็มไปด้วย "คนงุนงง" "ที่ท่านอ๋องพูดคือยาอะไร?"

"ซูเมิ่งเยียน!" ทันใดนั้นเขาก็ยกกรามของนางขึ้นมา มู่เสี่ยวบีบนางด้วยมือข้างหนึ่ง และบังคับให้นางเงยศีรษะขึ้นมา ราวกับว่าต้องการที่จะตบนางอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นเขาก็พูดทีละคำว่า "ยา ที่ข้ามอบให้กับหย้วนหย้วนนั้น!"

หย้วนหย้วน...

ขนตาของซูเมิ่งเยียนสั่นไหวเล็กน้อย

ชีวิตที่แล้ว หลังจากที่เขายึดอำนาจได้ เขาก็เรียกฮัวหย้วนเช่นนี้ แต่ทว่า...นอกจากเวลาที่เขาต้องการจะใช้ประโยชน์จากนาง แม้แต่คำว่า "เมิ่งเยียน" ก็ยังเรียกน้อยครั้งมาก

"ข้าคิดว่าท่านอ๋องจะมาขอบคุณข้าเสียอีก" ซูเมิ่งเยียนพยายามขัดขืนอยู่ครู่หนึ่ง แต่กลับไม่อาจหลุดพ้นไปได้ โชคดีที่การเคลื่อนไหวโดยการที่ยกศีรษะอยู่ ทำให้เสียงของนางแผ่วเบา

"ขอบคุณรึ?" แต่ทว่ามู่เสี่ยวกลับเยาะเย้ยราวกับเป็นเรื่องตลก แต่ภายในดวงตานั้นกลับไม่ได้ตลกด้วยเลยสักนิด "พูดเช่นนี้ก็หมายความว่า เจ้าเปลี่ยนยาที่ข้าจะส่งเข้าไปในวังวันนี้จริง ๆ อย่างนั้นสินะ?"

"..." ซูเมิ่งเยียนไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ซึ่งนั้นก็คือการยอมรับไปโดยปริยาย

"เจ้านี่...มีความคิดที่ชั่วร้ายอยู่ในจิตใจจริง ๆ!" มู่เสี่ยวยิ่งขยับเข้าไปใกล้นางมากขึ้น แต่คำพูดแต่ละคำที่พูดออกมานั้น ต่างก็ราวกับช้อนออกมาจากน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้น "เมื่อก่อนเจ้าก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่ จนไม่มีใครจัดการเจ้าได้ ตอนนี้ เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่า เจ้าจะสามารถทำเช่นนั้นต่อไปได้อีก?"

"...ท่านหมายความว่าอย่างไร?" ซูเมิ่งเยียนขมวดคิ้วมุ่น นางไม่เข้าใจคำเยาะเย้ยในคำพูดของมู่เสี่ยวว่ามีความหมายว่าอย่างไร

"เมื่อครู่นี้ เจ้าไม่ได้พูดว่าข้าจะต้องขอบคุณเจ้าเช่นนั้นหรือ?" ในที่สุดมู่เสี่ยวก็ปล่อยนาง และหยิบผ้าเช็ดหน้าข้างตัวขึ้นมาเช็ดมือด้วยความรังเกียจ "ข้าควรที่จะขอบคุณที่เจ้าทำให้ใบหน้าของหย้วนหย้วนเสียโฉมอย่างสมบูรณ์เช่นนั้นหรือ?"

อะไรนะ?

ซูเมิ่งเยียนตกใจเป็นอย่างมาก "นี่มันเป็นไปไม่ได้!"

"ตอนนี้หมอหลวงก็ไปดูแล้ว แล้วยังมีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้อีกล่ะ?" มู่เสี่ยวยิ้มเยาะ "ยาที่ข้าส่งเข้าไปในวัง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ผลใด ๆ เลย แต่ก็ไม่ได้ทำอันตรายต่อนางเลยแม้แต่น้อย รับรองได้ว่าไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน แล้วเหตุใดคืนนี้ หลังจากที่เจ้าเปลี่ยนยาแล้ว ใบหน้าของนางก็เสียโฉมไปอย่างสมบูรณ์เลยล่ะ?"

ไร้ข้อผิดผลาด...

ขนตาของซูเมิ่งเยียนสั่นไหวเล็กน้อย นี่คือการรับประกันของมู่เสี่ยวที่มีต่อฮัวหย้วน

ช่างน่าซาบซึ้งเสียจริง

"และสิ่งที่ดีที่สุดในการต่อสู้พิษด้วยพิษ ในการแก้พิษ จำเป็นที่จะต้องทำให้พิษระเหยออกมาเสียก่อน" ทันใดนั้นคำพูดของท่านเจ้าอาวาสก็ดังขึ้นมาในหูของซูเมิ่งเยียน

นางชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่คลุมเครือว่าพลางถามว่า "หากข้าบอกว่า ข้าไม่เคยมีความคิดที่อยากจะทำร้ายนางเลย เพียงแค่ต้องการที่จะลบล้างโทษของข้าก็เท่านั้น และใบหน้าของนาง สุดท้ายแล้วก็จะดีขึ้นล่ะ?"

"เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว ไม่รู้สึกว่ามันสายเกินไปแล้วหรือ?" มู่เสี่ยวมองมาที่นาง สีหน้าของเขาสะท้อนอย่างคลุมเครือใต้แสงเทียน "ซูเมิ่งเยียน เรื่องที่กุ้ยเฟยเสียโฉม ตอนนี้ฝ่าบาทก็รู้แล้ว และเกรงว่าองครักษ์ในพระราชวังกำลังเดินทางมาแล้ว เจ้าคิดว่า พวกเขาจะฟังเจ้าเล่นสำบัดสำนวนเช่นนั้นหรือ?"

เล่นสำบัดสำนวน...

ซูเมิ่งเยียนฟังคำนี้ของมู่เสี่ยว ภายในใจก็สงบลงไม่น้อยเลย

นางเงยหน้าขึ้นมองไปที่เขา "เช่นนั้น ท่านอ๋องกำลังเป็นห่วงใบหน้าของกุ้ยเฟย หรือว่าเป็นห่วงว่าข้าจะทำให้ท่านอ๋องเดือดร้อนกันแน่ล่ะ?"

"..." มู่เสี่ยวถูกนางขัดขวางด้วยคำพูดนี้ ดวงตาของเขาก็แข็งทื่อไปทันที

เขารู้คำตอบนั้น และมันก็ใช่ทั้งคู่ แต่ทว่า...ทั้งสองมือที่อยู่ข้างกายของเขากลับกำแน่นเล็กน้อย ยังมีอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ...นางจะต้องถูกคุมขังไว้ชั่วคราว จนกว่าฮัวหย้วนจะหายดี และค่อยมีการไต่สวน

"มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้า" ในที่สุดเขาตอบกลับมาเช่นนี้

ซูเมิ่งเยียนคลี่ยิ้มออกมา "มันต้องเกี่ยวกับข้าแน่นอนอยู่แล้ว เช่นนั้นเรื่องของข้า ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับท่านอ๋อง ถึงแม้ว่าฝ่าบาทจะส่งองครักษ์มานำตัวข้าไปแล้วจะทำไมล่ะ? ท่านอ๋องโปรดวางใจ ข้าเพียงแค่บอกว่าข้าทำเพียงผู้เดียว ท่านอ๋องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็เพียงพอแล้ว"

สีหน้าของมู่เสี่ยวบูดบึ้งไปเล็กน้อย และรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก!

และเขาก็ไม่เคยไม่พอใจมากเช่นนี้มาก่อน

แต่เหตุผลไม่ใช่เพราะว่านางสร้างความเดือดร้อนให้จวนอ๋อง แต่เป็น...คำพูดของนาง เขาไม่เกี่ยวข้องเช่นนั้นหรือ เหมือนกับว่า...ชีวิตของเขาถูกแยกเอาไว้ข้างนอกอย่างไรอย่างนั้น

ทั้งๆ ที่นางเป็นคนร้องห่มร้องไห้อยากที่จะแต่งงานกับเขา และนางยังใช้อุบายปีนขึ้นมาบนเตียงของเขาอีก แต่ในตอนนี้ นางบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับเขาเช่นนั้นหรือ?

"เมื่อตอนที่เจ้าแต่งเข้ามาในจวนอ๋อง การแสดงออกของเจ้าทั้งหมด ก็ถือว่าเป็นหน้าตาของจวนอ๋องหย่งอันแล้ว!" ในที่สุด เขาก็พูดออกมาเช่นนี้ ด้วยน้ำเสียงที่ตึงเครียด

"..." ซูเมิ่งเยียนนิ่งเงียบลงไปทันที

ในตอนที่มู่เสี่ยวคิดว่านางจะไม่พูดอะไรออกมา นางกลับเอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า "ใช่แล้ว ท่านอ๋อง"

มู่เสี่ยวตกใจครู่หนึ่ง แล้วจ้องมองไปที่นาง

แต่นางกลับไม่รู้ว่ามองไปที่ใด แววตานั้นว่างเปล่า "ท่านอ๋อง ข้าทำให้ท่านเสียหน้า ข้าทำให้จวนอ๋องหย่งอันต้องเสียหน้า และมันก็เป็นเช่นนี้เสมอมา..." ในขณะที่กล่าวอยู่นั้น สายตาของนางก็ค่อย ๆ หันไปมองที่มู่เสี่ยว

ชีวิตที่แล้ว เมื่อตอนที่นางก่อปัญหา สีหน้าของเขาก็มักจะดูหงุดหงิดอยู่เสมอ "ซูเมิ่งเยียน เจ้าอย่ากำเริบเสิบสานนัก รอให้หลังจากหย่ากับเจ้าแล้ว ข้าจะไม่สนใจเจ้าอีก"

เขาพานางไปงานเลี้ยงที่เป็นทางการ และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เขาพานางไป ซึ่งนางตื่นเต้นเป็นอย่างมาก จนนางทำแก้วเหล้าร่วงลงไปบนพื้น เขาขมวดคิ้วแน่นพลางกล่าวว่า "ซูเมิ่งเยียน เจ้ารักษาได้บ้างหรือไม่?"

หลังจากนั้น ตอนที่เขาได้กลายเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพื่อหน้าตาของจวนอ๋อง จากในตอนแรกเขาที่เฝ้ารอจะหย่าร้างอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่กลับส่งนางให้ไปตายอยู่ที่หลิงหย้วนแทน และเขาก็ไม่ได้มอบหนังสือหย่าร้างมาให้ เนื่องจากว่า ตำแหน่งที่เขาอยู่ในตอนนี้ การหย่าร้างเป็นเรื่องที่น่าขายหน้ามากเกินไป

นางมักจะทำเรื่องน่าขายหน้าอยู่เสมอ

มู่เสี่ยวสบไปที่แววตาของหญิงสาว สีหน้าของเขางุนงง เป็นสายตาเช่นนี้อีกแล้ว ราวกับสงสารตนเองอย่างปวดใจ มันเหมือนกับกำลังมองคนอื่นผ่านตัวของเขา และการจ้องมองเช่นนี้ก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาภายในใจ

"ท่านอ๋อง คนในพระราชวังมาแล้ว" ด้านนอกประตู มีเสียงของซวนหยวนดังขึ้นมา และมันก็ได้ขัดจังหวะความคิดของมู่เสี่ยว

สติของเขาคืนกลับมาทันที เขากล่าวอย่างแผ่วเบา "อืม" หลังจากนั้นก็หันหน้ากลับมา มองไปที่ซูเมิ่งเยียน

ซูเมิ่งเยียนหลุบตาลง และไม่ได้มองมาที่เขาอีกต่อไปแล้ว นางหยิบชุดคลุมที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็สวมจนเรียบร้อย และนางก็ได้หยิบเอาปิ่นปักผมไม้อันหนึ่งขึ้นมาม้วนผมยาวของนางไว้อย่างเรียบร้อย การเคลื่อนไหวของนางนั้นดุสะอาดสะอ้านและคล่องแคล่วเป็นยิ่งนัก

มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างเป็นระเบียบ

"ท่านอ๋อง ฝ่าบาทได้เชิญท่านเข้าไปในพระราชวังขอรับ" เสียงเคร่งขรึมของคนแปลกหน้าดังขึ้นมา

ซูเมิ่งเยียนทำท่าเหมือนยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้มแล้วเหลือบมองไปที่มู่เสี่ยว จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากประตูไป

นางหว่านสิ่งใดไว้ นางก็ต้องรับผิดชอบผลของมันด้วย

ด้านหน้า กลับมีเงาสีขาวเพิ่มมาอีกหนึ่งคน มู่เสี่ยวขวางหน้านางเอาไว้ ด้วยดวงตานิ่งสงบ และสีหน้าที่ไร้อารมณ์

ซูเมิ่งเยียนขมวดคิ้ว ด้วยความงงงวย

มู่เสี่ยวจ้องเขม็งมาที่นาง และราวกับว่ามีแสงวูบวาบภายในด้วยตาของเขา จากนั้นแสงนั้นก็หายไป และเหลือไว้เพียงแต่ความมืดมิดเท่านั้น "ข้าจะไปเดี๋ยวนี้"

เขาไม่ชอบสายตาของนางที่มองนางเมื่อครู่นี้ มันราวกับว่าได้ยอมแพ้ไปแล้วทุกสิ่ง

คำพูดนั้นพูดกับคนนอก แต่สายตานั้นกลับมองมาที่นาง

ซูเมิ่งเยียนตื่นตกใจ เมื่อมองไปที่ดวงตาของเขาเหมือนโดนผีหลอก ก็ไม่อาจขยับเขยื้อนได้เลยแม้แต่น้อย

แต่ทว่ามู่เสี่ยว กลับมองไปที่ประตูทางเข้าอย่างเฉยเมย จากนั้นก็เปิดประตูห้อง แล้วเดินออกไป เสื้อคลุมสีขาวของเขาแกว่งไกวไปตามการก้าวเดินของเขาเล็กน้อย และร่างเงาสีขาวก็ร่องลายผ่านไป พร้อมกับร่างที่สูงตระหง่านของเขา

และก็เหลือเพียงซูเมิ่งเยียนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ด้วยนิ้วที่สั่นเทาเล็กน้อย

ไม่คิดว่าเขา...จะปกป้องนางอย่างนั้นหรือ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน