อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน นิยาย บท 62

เตียงของมู่เสี่ยวนั้นนุ่มมาก ถึงซูเมิ่งเยียนจะไม่เจ็บเท่าไรนัก

เพียงแต่สมองที่ถูกกระตุ้นเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้วิงเวียนมากยิ่งขึ้น หน้ามืดทันที และมองสิ่งของไม่ชัดเจนไปครู่หนึ่ง จากนั้นเมื่อเงยหน้าก็มองไปเห็นแววตาที่เย็นยะเยือกนั้นของมู่เสี่ยว

ดวงตาของเขางดงามมาก ดวงตาหงส์เบิกขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าความสุกสกาวจะไหลเวียนเคลื่อนไหวอยู่เล็กน้อย

สีหน้าเขาไม่แสดงออกเป็นปกติ ทั้งให้ความรู้สึกที่สง่างามภายในแววตาด้วย แต่ทว่า นางกลับยิ่งรู้สึกว่า เมื่อเวลาที่มู่เสี่ยวอ่อนโยน ดวงตาทั้งคู่ของเขามีเสน่ห์มากที่สุด

แต่ทว่ากลับมีน้อยครั้งนักที่นางจะได้เห็นความอ่อนโยนของเขา และมีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น...ในเมื่อเผชิญหน้ากับฮัวหย้วน หรือเมื่อตอนที่เขาทำลายตระกูลซูในชีวิตที่แล้ว

ซูเมิ่งเยียนส่ายหัวเล็กน้อย แล้วใช้แรงพยุงตนเองขึ้น และยังอยู่ในความมึนงงอยู่ตลอดเวลา

"นี่เจ้าเล่นอะไรอีกแล้ว?" มู่เสี่ยวก้มหน้าลง แล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้นาง แล้วกล่าวถามด้วยเสียงเย็นชาทีละคำ

ซูเมิ่งเยียนจ้องมองไปยังผู้ชายที่เข้ามาใกล้ นางยิ่งมองเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าความไม่พอใจของเขาชัดเจนอยู่ในแววตา

เขามักจะ...ไม่พอใจนางอยู่เสมอ...

นางเหม่อลอยเล็กน้อย แล้วยื่นมือออกไป เพื่ออยากที่จะแน่ใจว่าคนที่อยู่ตรงหน้านางนั้นจริงหรือไม่

มีเสียง "เพี๊ยะ" ดังขึ้นมาอย่างแผ่วเบา เมื่อมือนางใกล้มาถึงแก้มของมู่เสี่ยว ก็ถูกเขาจับเอาไว้อย่างฉับไว และระยะห่างระหว่างทั้งสองก็แยกจากกันไกล

ปลายนิ้วของเขาเย็นเฉียบ และเมื่อซูเมิ่งเยียนถูกเขาจับไว้เช่นนี้ ก็ดูเหมือนสติจะตื่นขึ้นมาทันที จนอาการเหม่อลอยภายในดวงตาของนางจางหายไป เหลือไว้แต่ความเย็นยะเยือก "ขอโทษเจ้าคะ ท่านอ๋องดูยั่วยวนเกินไปแล้ว" นางตอบเขาไปอย่างแผ่วเบา

ดวงตาทั้งคู่ของมู่เสี่ยวจ้องเขม็งมาที่นาง สีหน้าของนางยังคงดูซีดเซียวอยู่ แต่ทว่าดวงตาของนางนั้นเต็มไปด้วยความดื้อรั้น และเมื่อกล่าวคำชมเขาออกมา ภายในดวงตากลับเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย

ภายในใจของเขาก็ยิ่งไม่พอใจมากยิ่งขึ้น "ข้าเกลียดคนโกหกมากที่สุด!" เขากล่าวอย่างแผ่วเบา และสลัดมือนางทิ้ง จากนั้นก็หมุนตัวเดินออกจากประตูห้องไป เสื้อคลุมสีขาวสะท้อนเงาอยู่ภายในห้องที่มืดมิด แล้วหายไปชั่วพริบตาเดียว

ซูเมิ่งเยียนหรี่ตาลง หลังจากผ่านไปนาน นางก็ผายมือออก เป็นขวดยาที่ควักออกจากเสื้อมู่เสี่ยวตอนที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาเมื่อครู่นี้ 

ดูเหมือนว่ามู่เสี่ยวจะถูกนางทำให้โกรธไม่น้อย ที่จริงแล้วเขาเป็นคนรอบคอบมาก  ไม่คาดคิดเลยว่าจะไม่สังเกตเห็นแม้แต่การกระทำนี้ของนาง

นางหัวเราะอย่างแผ่วเบา เมื่อชีวิตที่แล้วนางชื่นชมเขาอยู่ตลอด ชีวิตนี้กลับทำให้เขาโกรธเช่นนี้ได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากเลยทีเดียว

ซูเมิ่งเยียนไม่พลาดเวลาไปมากนัก นางรีบเปิดขวดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เทยาที่อยู่ในขวดออกจนหมด แล้วก็เทครีมที่ได้จากเจ้าอาวาสวัดชิงซานใส่กลับเข้าไปในขวดยาอย่างระมัดระวัง

ทันทีที่นางกระทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ประตูห้องก็ถูกใครบางคนเปิดออกอีกครั้ง

ซวนหยวนยืนอยู่หน้าประตูด้วยความลำบากใจ "หวางเฟย ท่านอ๋องได้ทำ...ขวดยาขวดหนึ่งหล่นไว้ที่นี่หรือไม่ขอรับ?" ท้ายที่สุดแล้วยาขวดนี้ ท่านอ๋องต้องการที่จะมอบให้ผู้อื่น เมื่อต้องมาพูดเรื่องเช่นนี้ต่อหน้าหวางเฟย ภายในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่อึดอัดใจ

อย่างไรก็ตาม ท่านอ๋องให้ความสนใจยาขวดนี้มาก และ...ท่านอ๋องก็โกรธเป็นอย่างมาก จนไม่ยอมแม้แต่เข้ามาภายในห้องนอนนี้เลยด้วยซ้ำ ในตอนแรกนั้นเขาก็ยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อเห็นว่าหวางเฟยยืนอยู่ข้างเตียงโดยที่ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย ก็รู้อะไรบางอย่างได้ในทันที

"ตัวนี้หรือ?" ซูเมิ่งเยียนหยิบขวดลายครามออกมาจากมือ "ข้าหยิบมันขึ้นมาจากพื้นข้างเตียงเมื่อครู่นี้ คิดว่าน่าจะเป็นของที่ท่านอ๋องทำหายไปใช่หรือไม่?"

"ตัวนี้แหละขอรับ!" ดวงตาของซวนหยวนเป็นประกาย จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วรับขวดยามา ก่อนออกเดินทางกลับคิดอะไรบางอย่างได้ ก่อนจะกล่าวแผ่วเบาว่า "หวางเฟย ท่านอ๋องโกรธมากเลย เขา...เกลียดการถูกคนอื่นหลอกที่สุด"

ทันทีที่พูดจบ เขาก็รีบร้อนออกไปทันที

ซูเมิ่งเยียนหรี่ตาขอนางลง นางต้องรู้ว่ามู่เสี่ยวเกลียดการถูกคนหลอกมากที่สุดอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ซวนหยวนไม่รู้ก็คือ สิ่งที่มู่เสี่ยวเกลียดมากที่สุดก็คือนางเอง ดังนั้น คนที่เกลียดทำเรื่องที่เกลียด ก็ไม่มีอะไรที่ผิด สุดท้ายแล้ว...อย่างมากที่สุดก็เพียงแค่เพิ่มความเกลียดชังของเขาให้มากขึ้นเท่านั้นเอง

...

กลางคืน ภายในพระราชวัง

ฮัวหย้วนนั่งเงียบอยู่หน้ากระจก แล้วจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่ในกระจกทองสัมฤทธิ์

รูปร่างหน้าตายังคงเป็นดั่งกับภาพวาด นางถูกคนเรียกว่า "คนที่งดงามที่สุดในเมืองหลวง" มาตั้งแต่เด็ก คำชื่นชมประเภทนี้ แม้ว่านางชอบที่จะฟังเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายแล้วนางก็เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ก็มีความคิดที่ทระนงต่อตนเองบางอย่าง

แต่ทว่าในครั้งแรกที่รู้สึกถึงความต่ำต้อยในตนเอง ก็เป็นตอนที่ได้เห็นมู่เสี่ยว

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยชื่อชอบคุณชายที่ร่ำรวยเหล่านั้นเลย และท่าทางที่ดื้อรั้นของพวกคุณชายนั้นรุนแรงเกินไป แต่ทว่า...เมื่อตอนที่นางได้เห็นมู่เสี่ยว เขาสวมใส่ชุดคลุมสีขาวที่ทำมาจากแพรต่วนอย่างหลวมๆ แล้วยังมีท่าทางที่ดูเหมือนลูกผู้ลากมากดี ทั้งยังมีสายตาที่เย็นยะเยือกคู่นั้น มันทำให้ดึงดูดผู้คนได้โดยไม่รู้ตัวเลย

มู่เสี่ยวงดงามมาก ไม่ได้งดงามเฉกเช่นหญิงสาว แต่ทว่าเป็นคนที่มีเสน่ห์ทำให้คนหลงใหล

แต่ทว่า เนื่องจากได้รับสมญานามว่า "หญิงสาวที่งามที่สุดในเมืองหลวง" และนางก็กลายเป็นเป้าหมายของคนมีชื่อเสียงและพวกผู้ดีคนรวย สุดท้ายแล้ว...ก็ต้องถูกส่งเข้าพระราชวัง โดยตระกูลซู...แล้วยังช่วยติดต่อกับคนในพระราชวังแทนท่านพ่อของนางอีกด้วย

และซูเมิ่งเยียน กลับได้แต่งงานกับมู่เสี่ยว

มันอยุติธรรมมากเพียงใดกันล่ะ?

ฮัวหย้วนยื่นมือออกไปสัมผัสแก้มของตนเองอย่างเงียบเฉียบ ใต้คิ้วของนาง มีผื่นแดงอยู่บนแก้มของนางใหญ่มาก ช่างน่าหวาดกลัวมากจริง ๆ แต่นางกลับยิ้มออกมาเล็กน้อย

มู่เสี่ยวเย็นชาต่อซูเมิ่งเยียนมาโดยตลอด นางรับรู้มานานแล้ว แต่ทว่า เมื่อนางได้รับรายงานมาจากขันทีน้อย เรื่องตอนที่มู่เสี่ยวซื้อเกาลัดให้กับซูเมิ่งเยียน นางก็เกิดความลนลานขึ้นมา

การเรียกตัวซูเมิ่งเยียนเข้ามาในพระราชวัง เพื่อต้องการจะวางกลอุบาย นางไม่ได้คิดที่จะจัดการกับซูเมิ่งเยียน เพียงแค่อยากจะทำให้ซูเมิ่งเยียนได้รู้ว่า ระหว่างพวกนางทั้งสองคน ทางเลือกของมู่เสี่ยวจะไม่ใช่ซูเมิ่งเยียนตลอดไปเท่านั้นเอง

และในตอนนี้ นางก็ได้ทำสำเร็จแล้ว

"กุ้ยเฟย นี่เป็นยาที่ท่านอ๋องส่งเข้ามาวันนี้..." ขันทีน้อยปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าของม่านด้วยความเคารพนอบน้อม

มือที่ขาวเนียนและนิ้วที่เรียวยาวยื่นออกมาจากภายในผ้าม่าน "เอาเข้ามาเถอะ"

ขันทีน้อยส่งมอบขวดยาลายครามไปข้างหน้าด้วยความเคารพนอบน้อม จากนั้นก็โค้งคำนับแล้วหมุนตัวออกไป

ฮัวหย้วนจ้องมองไปที่ขวดกระเบื้องเคลือบตรงหน้า นี่ก็ไม่รู้ว่าเท่าไรแล้ว เขาทุ่มเททำมากขนาดไหน นางได้เห็นมาเสมอ เพียงแต่ ยาแก้พิษหยานกู่นี้ นางก็มีอยู่ในตำหนักของตนเองเช่นกัน แต่กลับยังไม่ได้ใช้ในขณะนี้เท่านั้นเอง

นางค่อย ๆ ควักยาออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ทาลงไปบนใบหน้าของนาง เมื่อทาเสร็จแล้ว นางก็ยังคงอยู่ที่หน้ากระจกทองสัมฤทธิ์ แต่ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด นางก็ต้องขมวดคิ้วในทันที เมื่ออยากที่จะสัมผัสแก้มของตนเองแต่ก็ไม่กล้า ดวงนางหลุบต่ำลง แล้วจ้องมองไปที่ครีมที่อยู่ในมือ มันไม่ได้เหมือนกับน้ำค้างหยกที่มีไว้เพื่อบำรุงผิวในอดีต ครั้งนี้เมื่อทาไปแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะทำให้เจ็บปวดเล็กน้อย

"กรี๊ดด——" ภายในพระราชวังอันงดงามยามค่ำคืน อยู่ ๆ ก็มีเสียงของหญิงสาวกรีดร้องดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง

นางกำนัลและขันทีต่างก็พากันตกอกตกใจ จากนั้นทุกคนต่างก็มองเข้าไปในตำหนัก "กุ้ยเฟย กุ้ยเฟย พระองค์เป็นเช่นไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ?" น้ำเสียงเหล่านั้นเต็มไปด้วยความกังวล

แต่ทว่าภายในกลับไม่มีเสียงออกมา และมีแต่เพียงเสียงขวดที่ถูกทำให้แตกเท่านั้น

"กุ้ยเฟย..." คนในตำหนักก็ผลักประตูเปิดเข้าไปด้วยความเป็นห่วง

ภายในม่านนั้น กลับมีเสียงที่ดุร้ายของหญิงสาวดังออกมา "ข้าไม่อนุญาตให้เข้ามา!" น้ำเสียงนั้นแหบแห้งเล็กน้อย

คนภายในตำหนักยืนอยู่ข้างนอกอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ฮัวหย้วนมองดูหน้าของตนเองที่อยู่ภายในกระจก เดิมทีแล้วเป็นเพียงแค่ผื่นแดงเท่านั้น แต่ทว่าตอนนี้...ผื่นแดงเหล่านั้นต่างก็แตกออกมาโดยไม่คาดคิด และมันได้กลายเป็นแผลเป็นสีดำไปแล้ว...

นางไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน ใบหน้าของนาง ใบหน้าของนาง...

"เพล้ง" มีเสียงหนึ่งดังขึ้น นางใช้แรงโยนกระจกทองสัมฤทธิ์ลงไปบนพื้น แต่กลับทำให้มุมของผ้าม่านขยับ และทำให้ผ่านม่านที่บางเบาถูกพัดเปิดออกเล็กน้อย

คนที่อยู่ภายในตำหนักต่างก็เฝ้ามองหญิงสาวที่อยู่หลังผ้าม่านด้วยความกังวล และในตอนนี้ ได้เห็นกันหมด

ใบหน้านั้น...ดูเหมือนว่าใบหน้านั้นจะมีเลือดไหลออกมาอย่างไรอย่างนั้น...

คนที่อยู่ภายในตำหนักตกใจเป็นอย่างมาก จากนั้นก็หันกลับไปร้องตะโกนว่า "ไปตามหมอหลวงมา รีบไปตามหมอหลวงมาเร็วเข้า!"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน