อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน นิยาย บท 61

หลังจากที่กลับมาจากวัดวัดชิงซาน ซูเมิ่งเยียนก็ยังคงสับสนมึนงงอยู่เล็กน้อย

คำพูดของเจ้าอาวาสนั้นผิดปกติเกินไปแล้ว แล้วยังมีสายตาของเขาคู่นั้น ที่ทั้งลุ่มลึกและดูโอบอ้อมอารีจนทำให้คนมองอะไรภายในนั้นไม่ออกเลย ราวกับว่าเขานั้นรู้สิ่งทุกอย่าง และทุกสิ่งทุกอย่างต่างก็อยู่ในสายของเขา

"คุณหนู ไม่เป็นอะไรนะเจ้าคะ?" น้ำเสียงของชิวซวงดังขึ้นมาเล็กน้อย ตั้งแต่เมื่อครู่นี้คุณหนูก็ใจลอยมาโดยตลอด จนตอนนี้มาถึงหน้าประตูจวนอ๋องแล้ว ก็ยังคงเป็นเช่นนี้อยู่

เมื่อสติของซูเมิ่งเยียนกลับมา ก็ชำเลืองมองประตูใหญ่ของจวนอ๋องที่อยู่นอกเก้าอี้เสลี่ยง จากนั้นก็นวดที่หว่างคิ้วเล็กน้อย "ไม่เป็นไร เพียงแค่...ข้ายังรู้สึกปวดหัวอยู่นิดหน่อยเท่านั้น"

หลังจากที่พูดจบก็เดินตรงไปยังเรือนหลัง

ตอนนี้ ก็ขอยาแก้พิษมาได้แล้ว เพียงแต่...ควรที่จะมอบมันให้กับมู่เสี่ยวอย่างไร?

ซูเมิ่งเยียนขมวดคิ้วมุ่น มือข้างหนึ่งกุมขมับไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ถือชาร้อนแก้วหนึ่งพลางครุ่นคิด

หากมอบให้มู่เสี่ยวโดยตรง ความสงสัยที่นางทำร้ายฮัวหย้วนจนเสียโฉมยิ่งเพิ่มขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ดูเหมือนว่าจะทำได้เพียง...แอบเปลี่ยนมันเท่านั้น

ในเมื่อคิดได้เช่นนี้ ซูเมิ่งเยียนที่แทบจะพยุงตนเองเอาไว้ไม่อยู่กล่าวว่า "ชิวซวง ไปเรือนหน้าดูมาว่าท่านอ๋องจะต้องเข้าไปในพระราชวังอีกหรือไม่"

"คุณหนู?" ชิวซวงไม่เข้าใจเลย ช่วงไม่กี่วันนี้ดูเหมือนว่าคุณหนูจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องของท่านอ๋องมากเกินไป แต่ทว่า...ตอนนี้ร่างกายของคุณหนูกำลังป่วยอยู่ ท่านอ๋องไม่แม้แต่จะบอกว่ามาเยี่ยมด้วยซ้ำ ทำให้นางขุ่นเคืองภายในใจเป็นอย่างมาก

"เรื่องนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ฉะนั้นเจ้าเพียงแค่บอกว่าไปหาท่านหมอเพื่อสอบถามอาการป่วยของข้าเท่านั้น อย่าบอกว่าข้าสั่งให้เจ้าไป" ซูเมิ่งเยียนจะรู้ได้อย่างไรว่าชิวซวงรู้สึกขุ่นเคืองใจแทนนาง และก็ยังคงกำชับอยู่

"คุณหนู!" น้ำเสียงของชิวซวงจริงจังเป็นอย่างมาก "ตอนนี้อาการหวัดของท่านกำลังรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ท่านไม่ต้องไปสนใจเรื่องของท่านอ๋องอีกแล้ว แต่ท่านควรที่จะใส่ใจตัวท่านเองนะเจ้าคะ!"

ซูเมิ่งเยียนตกใจไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองชิวซวง ในที่สุดก็ได้รู้แล้วว่าเหตุใดนางถึงผิดปกติ จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ "ร่างกายของตัวข้าเองเป็นเช่นไรข้าย่อมรู้แก่ใจ เอาล่ะชิวซวง เจ้าช่วยไปดูให้ข้าหน่อยเถอะ"

และนอกจากนี้ สิ่งนางสนใจก็ไม่ใช่มู่เสี่ยว แต่เป็นชื่อเสียงของตนเองต่างหาก

สุดท้ายชิวซวงก็ไปถึงเรือนหน้าแล้ว

...

คนของที่เรือนหน้านั้นก็ยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่ คิ้วของมู่เสี่ยวขมวดมุ่น เนื่องจากหลายวันนี้อากาศกำลังเข้าเป็นฤดูใบไม้ร่วงจากฤดูร้อน ร่างกายของฝ่าบาทจึงไม่สบาย แต่ทว่าตอนนี้กลับดีขึ้นมากแล้ว เกรงว่าอีกไม่นานจะต้องสังเกตเห็นเรื่องของฮัวหย้วนแน่นอน

หากเรื่องนี้โดนเปิดเผย เกรงว่าคงไม่อาจกดลงไปได้โดยง่ายแน่

"ผู้ใด?" ด้านนอก เสียงของซวนหยวนก็ดังขึ้นมา

สติของมู่เสี่ยวก็คืนกลับมาในทันที จากนั้นก็หันหน้ากลับไปมองที่ประตูทางเข้า และก็ได้เห็นสาวใช้ยืนอยู่ตรงนั้นพอดี เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาของเขาก็ต้องตัวหดเล็กลงด้วยความหวาดกลัว แต่ก็ยังเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ จากนั้นก็ยืดคอมองมาที่เขา

คนผู้นี้ก็คือชิวซวงจากเรือนในของซูเมิ่งเยียน เขาจึงถามด้วยใบหน้าบึ้งตึงว่า "มีเรื่องอะไร?"

ใบหน้าของชิวซวงขาวซีด คุณหนูไม่ต้องการให้นางบอก แต่นางก็จะต้องบ่นแทนคุณหนูบ้าง เมื่อก่อนตอนที่คุณหนูเป็นหวัด ถึงนายท่านจะงานยุ่งอยู่ข้างนอกก็ยังต้องรีบกลับมา แต่ทว่าตอนนี้...ท่านอ๋องไม่แม้แต่จะมาดูคุณหนูเลยสักครั้งจริงๆ

"ท่านอ๋อง คุณหนูรู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมาก โปรดท่านอ๋องไปเยี่ยมนางเถอะเจ้าคะ" ชิวซวงกล่าวขณะที่คุกเข่าลงบนพื้น

มู่เสี่ยวจ้องมองไปที่ร่างนั้น "ข้ามีเรื่องบางอย่างที่ต้องจัดการ"

"คุณหนูอยากที่จะพบท่านอ๋อง..."

คำพูดยังไม่ทันที่จะพูดจบ ก็เห็นหมอที่อยู่ด้านข้างคนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ว ในมือถือขวดลายครามเอาไว้ "ท่านอ๋อง น้ำค้างหยกนี่..."

"เสร็จแล้วหรือ?" มู่เสี่ยวเดินผ่านชิวซวงออกไปข้างหน้า

"เรียนท่านอ๋อง สิ่งนี้น่าจะได้ผลขอรับ" หมอกล่าวด้วยถ้อยคำที่รอบคอบเป็นอย่างมาก

"อืม" มู่เสี่ยวกล่าวตอบอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็เดินไปที่หน้าประตูทางเข้าของจวนอ๋อง

แต่ทว่าฝีเท้าของเขาต่างก็ต้องชะงักลงเมื่อมาถึงประตูนอก

เนื่องจากว่ามาร่างที่ผอมบางยืนอยู่ตรงนั้น สายลมของฤดูใบไม้ร่วงพัดกระโปรงและเส้นผมที่ยาวสลวยของหญิงสาว ให้ล่องลอยขึ้นมาเล็กน้อย ราวกับว่ามันกำลังจะพัดพานางให้ลอยออกไปก็มิปาน

ซูเมิ่งเยียน

สีหน้าของมู่เสี่ยวบึ้งตึง ไม่กี่วันมานี้มีหมอไปที่เรือนหลังอยู่ไม่น้อยเลย เหตุใด...สีหน้าของนางไม่ได้ดูดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย? เหตุใดถึงยังซีดเซียวได้ถึงเพียงนี้?

"ท่านอ๋องจะออกจากจวนใช่หรือไม่? " ซูเมิ่งเยียนถามเขาด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น

มู่เสี่ยวจ้องมองไปที่นาง และรู้สึกว่างเปล่าเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ได้ แต่ยังคงตอบกลับไปด้วยเสียงแผ่วเบาว่า "อืม"

"เข้าวังหรือ?" ซูเมิ่งเยียนยังคงถามต่อ

ครั้งนี้มู่เสี่ยวไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่กลับขมวดคิ้วมุ่นแล้วจ้องมองมาทางนาง

แต่ซูเมิ่งเยียนกลับส่งเสียงหัวเราะออกมา "คนนอกปวดไม่สบาย ท่านอ๋องมีท่าทางร้อนรุ่มใจถึงเพียงนี้ แต่ภรรยาของตนเองป่วย ท่านอ๋องไม่แม้แต่จะมาดู ไม่รับรู้และไม่ไถ่ถาม..."

มู่เสี่ยวขมวดคิ้วมุ่น "นี่มันไม่เหมือนกัน" ใบหน้าของหย้วนหย้วน ไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไรถึงจะหายได้ แต่อาการหวัดของนาง ผ่านไปเพียงไม่กี่วันก็ตีขึ้นแล้ว

รอยยิ้มของซูเมิ่งเยียนแข็งค้าง นางรู้มู่เสี่ยวคิดอะไรอยู่ ว่าอาการหวัดมันเป็นเพียงแค่ป่วยเล็กน้อยเท่านั้น ไม่คู่ควรแก่การที่เขาจะมาเยี่ยมได้ และนางก็ไม่ใช่คนที่สำคัญอะไรนัก จึงยิ่งไม่ควรค่าที่เขาจะต้องมาสนใจ

เพียงแต่ว่า...ชีวิตที่แล้วนั้น นางก็เป็นหวัดเช่นนี้ และมันก็ค่อย ๆ ทำให้นางป่วยเป็นวัณโรค จนสุดท้ายก็ตายอยู่ในหลิงหย้วนยะเยือก

เขาไม่รู้ ชีวิตที่แล้วเขาก็ไม่รู้ แล้วนางจะหวังให้เขาจะรู้อะไรในชีวิตนี้กันล่ะ

ทันใดนั้นคำพูดของเจ้าอาวาสที่พูดว่า "ต่อวาสนา" ก็ดังเข้ามาในหู จะมาต่อวาสนาอะไรอีก ชีวิตนี้ เห็นได้ชัดว่าจะให้นางเป็นคนที่ตัดวาสนานี้ด้วยตนเองเท่านั้น!

"อื้ม ไม่เหมือนกัน" ซูเมิ่งเยียนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเล็กน้อย 

มู่เสี่ยวยังคงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และสุดท้ายก็ยังคงเดินหน้าต่อไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อตอนที่เขากำลังจะเดินผ่านซูเมิ่งเยียน ร่างกายของนางก็สั่นเทาเล็กน้อย

มู่เสี่ยวตกใจขึ้นมาทันที

ก็เห็นซูเมิ่งเยียนเป็นเหมือนใบไม้ที่ร่วงหล่นในสายลมของฤดูใบไม้ร่วงอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นจึงค่อย ๆ เป็นลมล้มไปอีกข้างหนึ่ง

เขายื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัว ร่างพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่า เขาได้โอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนเสียแล้ว

และสีหน้าที่ซีดเซียวของนาง ยังคงหลับตาแน่น สีของริมฝีปากของนางใกล้จะโปร่งใสเต็มที

"ท่านอ๋อง?" ซวนหยวนรีบร้อนเดินมาข้างหน้าก็เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ "ท่านอ๋องยังต้องออกจากจวนอีกไหมขอรับ?"

"..." ริมฝีปากของมู่เสี่ยวเม้มแน่น และไม่กล่าวอะไรสักคำ

ซวนหยวนชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง "...ให้ข้าน้อยพาหวางเฟยไปส่งให้ท่านหมอหรือไม่?" น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความลังเล

ท่านอ๋องไม่ชอบหวางเฟย แต่ทว่าหวางเฟยก็ได้เคยช่วยชีวิตของท่านอ๋องเอาไว้ครั้งหนึ่ง เช่นนั้นหากทำให้เกิดความล่าช้าเช่นนี้ก็ไม่ดี

"..อืม" เป็นเวลานาน สุดท้ายแล้วมู่เสี่ยวจะตอบกลับมาอย่างแผ่วเบา

ซวนหยวนเดินตรงเข้ามาข้างหน้า และได้เอื้อมมือออกมาเพื่อจะรับซูเมิ่งเยียนเอาไว้

มู่เสี่ยวเหล่ตาเล็กน้อย นางเบามาก ร่างกายของนางก็ผอมบาง ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่านางจะผอมแห้งได้ถึงเพียงนี้ ในอดีตที่นางใช้อำนาจบาตรใหญ่ราวกับเป็น "เสือกระดาษ" เท่านั้น

บางที...ในตอนนี้เขาเพิ่งจะสังเกตได้ว่า นางก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น...

ในวินาทีที่ซวนหยวนกำลังจะเอื้อมมือมารับซูเมิ่งเยียนไปนั้น มู่เสี่ยวก็ลุกขึ้นมาในทันทีและอุ้มหญิงสาวเอาไว้ "ข้าจะไปส่งนางเอง"

เขาหันหน้า แล้วเดินตรงไปยังห้องนอนของนาง

ซวนหยวนรู้สึกประหลาดใจ และก็ได้แต่จ้องมองไปที่เบื้องหลังของท่านอ๋อง แล้วเดินตามไปในที่สุด

ประตูของห้องนอนเปิดและปิดลง

"ไปเชิญหมอมา" เสียงของมู่เสี่ยวออกคำสั่ง

ซวนหยวนเดินออกไปด้านนอก

ซูเมิ่งเยียนกำลังอยู่ในอ้อมกอดของเขา และขนตาของนางก็สั่นระริก หากไม่ใช่มู่เสี่ยวแล้วละก็ อ้อมกอดนี้คงจะเต็มไปด้วยความอบอุ่นเป็นอย่างมาก

แต่เขาก็คือมู่เสี่ยว

การเป็นลมเป็นเพียงแค่การเสแสร้งเท่านั้น แม้ว่าตอนที่อยู่หน้าประตูเมื่อครู่นี้ ร่างกายของนางจะไม่ไหวเข้าจริง ๆ ทั้งนางยังรู้สึกวิงเวียนไปชั่วขณะอีกด้วย

ดูเหมือนว่า นางจะประสบความสำเร็จแล้ว อย่างน้อยที่สุด...มู่เสี่ยวก็ยังไม่ได้เข้าวัง

มู่เสี่ยวก้มตัวลงคิดอยากที่จะวางหญิงสาวไว้บนเตียง แต่กลับไม่สามารถทำให้สำเร็จได้

มู่เสี่ยวขมวดคิ้ว แล้วหันหน้าไปมองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขน และไม่รู้ว่านางฟื้นขึ้นมาเมื่อใด สายตาที่ยั่วเย้าจ้องมองมาที่เขา ไม่หลงเหลือความอ่อนแออย่างเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย 

นาง...กำลังแกล้งป่วยหรือ นางกำลังหลอกเขา?

ก้นบึ้งหัวใจของมู่เสี่ยวตะลึงไปครู่หนึ่ง ต่อมาใบหน้าของเขาก็แข็งค้าง "หวางเฟยนี่หมายความว่าเช่นไร?"

"ท่านอ๋อง" ซูเมิ่งเยียนหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ นางใช้มือประคองตัวอยู่ในอ้อมก้อนของเขาอย่างเอื่อยเฉื่อย "ดูเหมือนว่าตอนนี้ ท่านอ๋องจะยังสนใจข้างอยู่บ้างนะ..."

ยังไม่ทันที่จะพูดจบ ข้างหลังก็เจ็บขึ้นมาเล็กน้อย เนื่องจากว่านางได้ถูกมู่เสี่ยวโยนลงมาบนเตียงแล้ว และเขา ก็ยืนตัวตรงจ้องมองมาที่นาง "เมื่อครู่นี้ แกล้งป่วยเช่นนั้นหรือ?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน