อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน นิยาย บท 66

ซูเมิ่งเยียนไม่ได้ต้องการที่จะร้องไห้

แต่ทว่า เมื่อตระหนักได้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงประตูนั้นคือผู้ใด ทันใดนั้นน้ำตาก็ได้ร่วงหล่นลงมา

มู่เสี่ยว

เขาสวมชุดสีขาวแล้วยืนอยู่ตรงนั้น ลมเย็นยะเยือกที่นอกประตู พัดชุดคลุมสีขาวของเขาให้ปลิวไสว ชั่วขณะหนึ่งเป็นเหมือนกับเทวดากำลังโบยบินมาอย่างไรอย่างนั้น

เป็นฉากที่เหมือนกับความฝันเป็นอย่างมาก

ในชีวิตที่แล้ว นางเฝ้ารอฉากนี้เฝ้าร้อนมานานแสนนาน รอจนวันที่นางตายนางก็ยังไม่ได้เห็นมัน —— เขามาปรากฏตัวอยู่ที่หลิงหย้วน และได้ช่วยชีวิตนางออกมาราวกับเทวดาตนหนึ่ง และเขาก็สามารถที่จะยอมรับความผิดพลาดของตนเองต่อนาง และทำดีต่อนาง...

แต่กลับไม่คิดมาก่อนว่า มันจะปรากฏขึ้นมาในชีวิตนี้อย่างไม่คาดคิด

ซูเมิ่งเยียนค่อย ๆ ลุกขึ้นมาจากเตียงไม้อย่างไม่เต็มใจ ร่างกายของนางผอมแห้งกว่าก่อนหน้านี้มาก จากนั้นก็เดินโซซัดโซเซไปตรงประตูทางออก

มู่เสี่ยวไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแต่ยืนพร้อมกับหรี่ตาอยู่ตรงนั้น จึงทำให้ไม่มีผู้ใดเห็นอารมณ์ที่แท้จริงของเขาในตอนนี้ได้ ด้านหลังของเขา มีองครักษ์ไล่ตามมา แต่เขากลับไม่ได้ตระหนักถึงมันเลย

ทันใดนั้น ขาของซูเมิ่งเยียนก็อ่อนลงเล็กน้อย จนล้มลงไปบนพื้น

เกือบจะล้ม แต่ไม่ได้ล้ม เนื่องจากว่า...แขนของนางได้ถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้ได้ในทันที จากนั้นก็พยุงนางให้ลุกขึ้น

ซูเมิ่งเยียนเงยหน้าขึ้น แล้วได้จ้องมองไปที่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของนาง "มู่เสี่ยว..." นางพึมพำ ขอบเขตระหว่างความจริงกับความฝัน เริ่มเลือนรางมากขึ้นเรื่อย ๆ

"..." มู่เสี่ยวไม่ได้กล่าวอะไรเลยสักคำ แต่ทว่ากลับมีความโกรธเคืองซ่อนอยู่ภายในดวงตาของเขา

"มู่เสี่ยว..." ซูเมิ่งเยียนยังคงพึมพำอยู่ ทันใดนั้น นางก็เอื้อมมือออกไปกอดเขาเอาไว้

ร่างของมู่เสี่ยวแข็งค้าง แล้วยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับแม้แต่มือของเขา ไม่ได้ตอบกลับและไม่ได้หลบเลี่ยง ความโกรธเคืองภายในใจของเขาเมื่อครู่ถูกแช่แข็งไปในทันที

ก่อนหน้านี้ หน้ามักจะชอบที่จะแนบชิดกับเขา ถึงแม้ว่าคนจะมาก นางก็จะยืนอยู่เคียงข้างเขาเสมอ แต่หลังจากที่แต่งงานไปแล้ว การกระทำที่ใกล้ชิดสนิทสนมเช่นนี้ก็ไม่มีอีกเลย

เมื่อคิดมาถึงตอนนี้ การเริ่มโอบกอดอย่างไม่รู้ตัวของนางเช่นตอนนี้ ไม่คาดคิดเลยว่าจะเป็นเรื่องก่อนหน้านี้เมื่อนานมากมาแล้ว

"ท่านรู้หรือไม่...ข้าคิดว่า ข้าจะต้องตายอีกครั้งเสียแล้ว..." ซูเมิ่งเยียนกระซิบกล่าว "ความจริงแล้ว รสชาติของความตาย ไม่ได้น่าพอใจเลยสักนิดเดียว..." นางแสร้งทำเป็นสงบเยือกเย็นได้อย่างไรในชีวิตที่แล้ว แต่ร่างกายของนางโกหกไม่ได้ อวัยวะทั้งหมดภายในร่างกายอ่อนล้าเล็กน้อย ทว่ายังคงมีสติอยู่ นางจึงทำได้แค่เพียงปล่อยให้ร่างกายของตนเองต้องเจ็บปวดทรมานอย่างช่วยไม่ได้

สุดท้ายแล้ว นางก็ต้องตายไปอย่างเจ็บปวดทรมาน

"พวกเขาทรมานเจ้าหรือไม่?" ร่างของมู่เสี่ยวหยุดไปขณะหนึ่ง น้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือกลงเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อย ๆ เหลือบมองไปที่คนที่อยู่เบื้องหลัง

เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงความเย่อหยิ่งและอวดดี ขึ้นภายในพระราชวัง

องครักษ์ที่อยู่โดยรอบเบื้องหลังสั่นสะท้านภายในหัวใจ และกำดาบที่อยู่ในมือไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว

"...ไม่มีหรอก" ซูเมิ่งเยียนส่ายหัวเล็กน้อย เมื่อผ่านไปนานนางก็กระซิบพูดอย่างแผ่วเบาว่า "...หิวจัง"

"..." มีความเงียบสงัดปกคลุมไปทั้วเหนือศีรษะ

มู่เสี่ยวจ้องมองไปที่ขวัญที่มีอยู่อันเดียวบนศีรษะของนาง หลังจากนั้นเป็นเวลานานจึงขยับตัวเล็กน้อย "ประคองหวางเฟยที"

"ขอรับ" ซวนหยวนรีบมาข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว

เมื่อครู่นี้ซูเมิ่งเยียนเพิ่งจะสังเกตเห็น ว่าซวนหยวนยืนอยู่ข้างหลังของมู่เสี่ยวด้วย เขารีบมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า "หวางเฟย ขออภัยขอรับ" หลังจากที่พูดจบ ก็จับไปที่แขนของซูเมิ่งเยียนทันที

เมื่อซูเมิ่งเยียนออกจากอ้อมกอดของมู่เสี่ยวแล้ว ก็ไม่มีการปิดกั้นของมู่เสี่ยวอีก และเมื่อลมหน้าจากภายนอกประตูพัดผ่านเข้ามา ทำให้สติของนางตื่นขึ้นมาไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าร่างกายจะยังคงอ่อนแออยู่มาก แต่ดวงตาทั้งสองก็ชัดเจนแจ่มแจ้งขึ้นมาบ้าง

สายตาของนางมองไปที่ซวนหยวนที่ประคองมือของตนเองเอาไว้ รวมไปถึงมู่เสี่ยวที่ขยับตัวออกไป มันชัดเจนมากเกินไปแล้ว

เขาสงสารร่างกายที่อ่อนแอของนาง จึงได้ไม่สลัดนางทิ้ง แต่สุดท้ายก็ไม่ยอมที่จะให้นางเข้าไปใกล้ชิดเขามากจนเกินไป

"ขออภัยเพคะ" ซูเมิ่งเยียนกล่าวอย่างแผ่วเบากับร่างที่อยู่ด้านหน้า

มู่เสี่ยวหันกลับมาพร้อมกับร่างกายที่แข็งทื่อไป "อะไรนะ?" เขาหันมา จ้องมองไปเบื้องหน้า และไม่ได้มองหญิงสาวอย่างนางแล้ว สายตาของนางไม่มีความใกล้ชิดเมื่อครู่อยู่อีกแล้ว แต่กลับ...ดูแปลกแยกเหมือนก่อนหน้านี้ก็มิปาน

และภายในใจก็รู้สึกไม่มีความสุขอย่างมากอย่างอธิบายไม่ถูก!

"ขออภัย ที่เมื่อครู่นี้กอดท่านอ๋องเพคะ" ซูเมิ่งเยียนยังไม่ได้สังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของเขา และยังคงพูดอย่างแผ่วเบาต่อไปอีกว่า "เมื่อครู่นี้ข้า...เพียงแค่ยืนไม่มั่นคงเท่านั้น..."

พูดยังไม่ทันจบ นางก็เซไปอีกครั้ง

ซวนหยวนตื่นตระหนก จึงจับแขนนางไว้แน่น แล้วใช้อีกมือหนึ่งประคองไหล่ของนางเอาไว้

แววตาของมู่เสี่ยวเย็นยะเยือกขึ้นในทันที แล้วกวาดสายตามองไปยังไหล่ของนางอย่างไม่ได้ตั้งใจ

และซวนหยวนก็รีบคลายมือออกทันที

ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาอีก ก่อนที่มู่เสี่ยวจะทำเสียงฮึดฮัดแล้วหมุนตัวเดินจากไปทันที

"หวางเฟย พวกเรามารับท่านกลับแล้วขอรับ" ซวนหยวนกล่าวอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็ประคองนางเดินไปข้างนอก

ที่ด้านนอกของประตู เหล่าองครักษ์ก็ยังคงเฝ้าอยู่ตรงนั้น

"กลับไปรายงานพระสนมกุ้ยเฟย ในเมื่อพระองค์พูดได้ว่าดีขึ้นมาบ้างแล้ว ฉะนั้น ข้าจะขอพาคนออกไปก่อน" มู่เสี่ยวกล่าวเช่นนี้ ก่อนที่จะครุ่นคิดอยู่หนึ่ง แล้วกล่าวเสริมไปอีกว่า "ขอให้พระสนมรักษาพระวรกายของตนเองให้ดีด้วย"

ที่ด้านหลัง ซูเมิ่งเยียนตกใจเล็กน้อย ที่จริงแล้วฮัวหย้วนต้องใจจะให้นางถูกขังอยู่ที่ตำหนักต้องห้ามอย่างนั้นหรือ? มู่เสี่ยวเพิกเฉยต่อความตั้งใจของฮัวหย้วน แล้วมาหาคนในพระราชวังเช่นนั้นหรือ? แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยังคงเป็นห่วงฮัวหย้วนอยู่ดี และยังไม่ลืมที่จะของให้นางดูแลสุขภาพตนเองให้ดีอีกด้วย...

รถม้าของจวนอ๋องหย่งอันจอดอยู่ที่หน้าประตูพระราชวัง ซูเมิ่งเยียนถูกประคองขึ้นไปบนรถม้า และนางก็นั่งพิงผนังเก้าอี้เสลี่ยงอย่างอ่อนเพลีย

และมู่เสี่ยวก็เดินเข้ามา แต่กลับนั่งอยู่ตรงข้ามนางเท่านั้น เขาจ้องมองมาที่นาง ริมฝีปากบางเม้มแน่น แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่กล่าวอะไรออกมา

ซูเมิ่งเยียนเลียริมฝีปากของตนเองโดยไม่รู้ตัว หลายวันยังไม่ได้ทานอะไรเลย นางรู้สึกว่าสติของตนเองนั้นเริ่มเลือนรางไปเล็กน้อยแล้ว

หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง มู่เสี่ยวก็ก้มตัวลง แล้วก็หยิบถุงกระดาษใบหนึ่งออกมาจากช่องเก็บของของรถม้า จากนั้นก็วางมันเอาไว้บนโต๊ะ

ซูเมิ่งเยียนตกใจเล็กน้อย เมื่อเปิดถุงกระดาษแล้ว ก็พบว่ามันคือห่อขนม และในเวลานั้นนางก็ไม่รีรอ หยิบขนมชิ้นหนึ่งใส่เข้าไปภายในปาก จากนั้นก็กินอย่างตะกละตะกลาม แต่มันก็เป็นเหมือนน้ำเพียงหยดหนึ่งเท่านั้น และหลังจากที่กินเข้าไปหลายชิ้นติดต่อกัน นางก็รู้สึกดีขึ้นบ้างเล็กน้อย เมื่อผ่านไปครู่หนึ่งจึงเงยหน้าขึ้นมา พลางกล่าวว่า "ขอบคุณท่าน..." และเสียงนั้นก็หยุดลงกะทันหัน 

มู่เสี่ยวกำลังจ้องมองมาที่นาง หรือจะพูดอีกนัยหนึ่ง คือตั้งแต่ที่เขาขึ้นมาบนรถม้า เขาก็เอาแต่มองนางอย่างพินิจพิเคราะห์มาโดยตลอด

ราวกับว่า...กำลังครุ่ยคิดอะไรบางอย่างอยู่

"ท่านอ๋องมีอะไรหรือเพคะ?" น้ำเสียงของซูเมิ่งเยียนเบาลงเล็กน้อย สายตาของนางหลุบลง และยังคงคาบขนมชิ้นหนึ่งเอาไว้ภายในปาก

"..." ดวงตาทั้งสองข้างของมู่เสี่ยวหรี่เล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

นางอยู่ในสภาพที่น่าขายหน้าเป็นอย่างมาก ใบหน้าซีดเซียว ร่างกายที่เคยเป็นหวัดมาก่อนหน้านี้ ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะยิ่งอ่อนแอมากขึ้นไปอีก เส้นผมสีดำสลวยก็ดูกระเซอะกระเซิง เครื่องแต่งกายบนร่างกายก็เต็มไปด้วยฝุ่น ไม่เหมือนกับคุณหนูใหญ่จากบ้านตระกูลซู และยังไม่เหมือนกับหวางเฟยหย่งอันเข้าไปใหญ่...

แต่...มันกลับทำให้เขาไม่มีความสุขเอาเสียเลย

"หวางเฟยภาคภูมิใจมากนักหรือ?" มู่เสี่ยวเอ่ยปากขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“อะไรหรือ?” ซูเมิ่งเยียนงุนงง

"หากเป็นก่อนหน้านี้ ในตอนนี้ภายในหัวใจของเจ้าก็คงจะภาคภูมิใจมากเลยซินะ" มู่เสี่ยวยืนตัวตรง และจ้องมองมาที่นางโดยที่ไม่ละสายตาไปเลยแม้แต่น้อย "วันนี้ เพื่อที่จะตามหาเจ้า ข้าถึงขั้นเข้าไปอาละวาดอยู่ภายในพระราชวัง และแม้กระทั่งเพิกเฉยต่อหย้วนหย้วน..."

ซูเมิ่งเยียนตกใจไปครู่หนึ่ง และหลังจากนั้นนางก็หัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน แล้วเงยหน้าถามกลับไปว่า "ท่านอ๋องเพิกเฉยต่อพระสนมกุ้ยเฟยเช่นนั้นหรือ?" หากเพิกเฉยจริง จะยังบอกให้นางดูแลตนเองให้ดีด้วยอย่างนั้นหรือ?

มู่เสี่ยวนิ่งเฉย เขารอนางอยู่ที่จวนอ๋องมาแล้วสามวัน แต่สุดท้ายแล้วซูเมิ่งเยียนก็ยังไม่ถูกปล่อยให้ออกมา จึงได้มีการคำนวณอยู่ในใจอยู่แล้ว

วันนั้นฮ่องเต้ตรัสว่าคุมขังเพียงสามวัน ซึ่งเป็นคำที่ตรัสอย่างจริงจัง และในช่วงไม่กี่วันมานี้แม้แต่ภายในห้องโถงใหญ่ พระองค์ก็ไม่ได้ตรัสถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเลย เห็นได้ชัดว่าการคุมขังทั้งสามวันนั้นยังคงรักษาสัจจะอยู่

ใบหน้าของฮัวหย้วนค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างช้า ๆ เช่นนั้นหลังจากสามวัน ซูเมิ่งเยียนจึงสมควรที่จะถูกปล่อยกลับมาที่จวนอ๋อง แต่สุดท้ายแล้วนางก็ยังไม่ได้กลับมา

เช่นนั้น เมื่อเขาไปหาฮัวหย้วน แล้วบอกนางว่าต้องตามหาคน ฮัวหย้วนจึงถามกลับเขามาว่า : เหตุใดตอนที่นางถูกคนในครอบครัวส่งเข้ามาในพระราชวัง เจ้าถึงไม่ออกหน้าว่าต้องการคนผู้นี้? แต่เหตุใดวันนี้ถึงมาได้?

เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

แต่ในตอนนี้ เมื่อเขาได้มองเห็นซูเมิ่งเยียน ความรู้สึกที่ไม่สบายใจอย่างอธิบายไม่ได้ผนวกเข้ากับอารมณ์ที่กระสับกระส่ายเล็กน้อยที่อยู่ก้นบึ้งภายในหัวใจ ก็ได้ระบายออกมาในที่สุด...

"ใช่แล้ว" เข้าพยักหน้าตอบกลับเล็กน้อย

ขนตาของซูเมิ่งเยียนสั่นระริก มือที่ถือขนมไว้ของนางหนักอึ้งขึ้นมาเล็กน้อย

และมู่เสี่ยวก็ก้มตัวลงเล็กน้อย แล้วโน้มตัวลงมามองที่นาง พลางถามอย่างอ่อนโยนว่า "เจ้าภูมิใจมากสิ?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน