องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1

“องค์ชาย เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

เหมันต์ฤดูเดือนสิบสอง หนาวเหน็บทุกหย่อมหญ้า

ตำหนักปีกในวังลึก ขันทีเฒ่าอายุอานามเกินครึ่งร้อยคนหนึ่งมารายงานด้วยสีหน้าร้อนรน

หลี่จุ่นอยู่ในชุดคลุมขนปุยสีขาว ยืนอยู่ตามลำพัง สายลมหนาวเสียดเข้ากระดูกพัดมาถึงใบหน้า ราวกับใบมีดที่เชือดเฉือน

เขามองเกล็ดหิมะที่ดุจดั่งปุยดอกหยางหลิวโปรยปรายลงมา ทอดถอนใจทีหนึ่ง ดวงหน้าหล่อเหลาดูซีดขาวเล็กน้อย

“หัวหน้าขันทีหยาง พระประสงค์ของเสด็จพ่อคือ ในงานชุมนุมกลอนวันนี้ ถ้าข้าไม่สามารถแต่งกลอนดี ๆ ได้สักบทก็จะส่งข้าไปเป็นนายอำเภอที่เมืองหลินซุ่นหรือ”

ขันทีเฒ่าหยางจงผงกศีรษะ กล่าวด้วยความร้อนใจ “ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย จะทำอย่างไรดี...”

หลี่จุ่นเซ็ง

เขาทะลุมิติมาราชวงศ์โบราณที่ไม่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ วิญญาณเข้าร่างหลี่จุ่นที่มีชื่อแซ่เดียวกันหนึ่งปีแล้ว

แล้วมันบังเอิญจริง ๆ หลี่จุ่นคนนี้ยังเป็นองค์ชายคนหนึ่งด้วย จัดอยู่ลำดับที่หก

แค่ว่า...เป็นลูกที่ไม่ได้เกิดจากฮองเฮา

เกิดจากการที่คุณพ่อฮ่องเต้คนนั้นของตัวเองไปฟิทเจอริ่งกับนางกำนัลคนหนึ่ง เพราะอย่างนี้ก็เลยถูกเหม็นขี้หน้ามาตลอด

ตอนที่หลี่จุ่นเพิ่งทะลุมิติมา คิดว่าถูกปฏิบัติตัวด้วยแย่หน่อยก็ช่างเถอะ อย่างน้อยยังเป็นองค์ชายคนหนึ่ง แค่ใช้ฐานะนี้ก็เดินกร่างได้แล้ว

แต่ความเป็นจริงกลับโจมตีเขาอย่างหนัก

รอบรั้ววังหลวงมีองค์ชายอยู่หกคน องค์หญิงสามคน พวกเขาต่างเหม็นขี้หน้าเขา โดยเฉพาะองค์ชายสามกับองค์ชายห้าที่ชอบหาเรื่องเขาตลอด

แต่นี่มันยังไม่สำคัญที่สุด!

ที่สำคัญที่สุดคือ เขาไม่เป็นที่รักใคร่ของอีตาคุณพ่อฮ่องเต้เผียนอี (เผียนอีในภาษาจีนแปลว่าถูก ในที่นี้หมายถึงได้พ่อคนนี้มาแบบฟรี ๆ) คนนั้นเลย คิดแต่จะถีบเขาออกจากเมืองหลวง

นี่ไง

อาศัยงานชุมนุมกลอนของเมืองหลวง คิดจะตะเพิดเขาไปเมืองหลินซุ่น แถบพื้นที่วุ่นวายที่มีโจรผู้ร้ายอาละวาด หลุดแหล่ไม่หลุดแหล่จากการควบคุมของราชสำนัก!

ความจริงส่งนายอำเภอปลัดอำเภอไปที่บ้า ๆ นั่นหลายต่อหลายคนแล้ว แต่ก็ถูกโคตรโจรเก็บไปหมด ราชสำนักส่งทหารไปล้อมโจมตีไม่รู้สักกี่รอบ ก็ยังควบคุมเมืองหลินซุ่นอย่างเบ็ดเสร็จไม่ได้สักที!

ตอนนี้ฮ่องเต้อยากส่งเขาไปเป็นนายอำเภอที่นั่น จากเรื่องนี้เห็นได้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่

แต่นี่ก็เป็นเพราะหลี่จุ่นหาเรื่องใส่ตัวนั่นแหละ

หลี่จุ่นในสมัยก่อนไม่เป็นที่รัก ด้านหนึ่งเพราะไม่ได้เกิดจากฮองเฮา แต่ที่สำคัญที่สุดคือบุ๋นไม่ได้บู๊ไม่ไหว ไม่เอาถ่านแบบสุดขั้ว!

บวกกับถูกบรรดาองค์ชายองค์หญิงรังแกแต่เด็ก นิสัยอ่อนแอ นอกจากจะมีหน้าตาที่หล่อระเบิดระเบ้อแล้วก็ไม่มีข้อดีอะไรเลย!

องค์ชายที่ไม่เอาถ่านอย่างนี้ ฮ่องเต้ท่านนั้นก็เลยอยากเตะเขาออกจากเมืองหลวง ให้อยู่ตามยถากรรม นี่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

แต่ก็นะ

หลี่จุ่นในเวลานี้ไม่ใช่หลี่จุ่นในสมัยก่อนอีกแล้ว!

เขาหลี่จุ่นทะลุมิติมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ใช่คนไม่เอาถ่านที่ไหน!

แต่งกลอนเหรอ

บังเอิญจริงนะ ก่อนที่เขาทะลุมิติมาเป็นถึงซูเปอร์อัจฉริยะภาควิชาภาษาจีน!

อารยธรรมจีนห้าพันปี เพลงกวีอันแพรวพราวตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ถึงเขาจะแต่งไม่เป็น แต่จะลอกไม่ได้เหรอ

อยากให้เราไปตายที่เมืองหลินซุ่น ไม่มีทางซะหรอก!

หนึ่งปีที่ทะลุมิติมา เขาหลี่จุ่นแค่อยากใช้ชีวิตเงียบ ๆ สุขสบายกับยุคโบราณเท่านั้น ทำไมต้องบังคับเขาด้วย!

แต่ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นก็จะให้พวกคุณได้เห็นกันสักหน่อย ว่าอะไรที่เรียกว่าอนาคต!

“หัวหน้าขันทีหยาง นำทางเถอะ”

หลี่จุ่นเปิดปาก นัยน์ตาฉายรอยยิ้มนิด ๆ

หยางจงตัวสั่นเทา พลันพูดว่า “พ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย...”

ดูท่าองค์ชายหกจะปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมแล้ว

หยางจงรู้สึกเห็นใจเล็กน้อย พร้อมกันนั้นก็เศร้าใจนิด ๆ ด้วย

หลี่จุ่นบุ๋นไม่ได้บู๊ไม่ไหวแต่เล็ก จะแต่งบทกลอนดี ๆ อะไรได้

และถึงจะเป็นเรื่องสัมผัสอะไร ก็คงจะไม่เป็นเหมือนกัน

สงสัยวันนี้ต้องขายหน้า ต้องไปเมืองหลินซุ่นนั่นแน่แล้ว

มันช่างน่าสลดและน่าทอดถอนใจโดยแท้

หยางจงติดตามหลี่จุ่นมาแต่เล็ก พอเห็นนายของตัวเองมีจุดจบเช่นนี้ ก็ทำใจไม่ได้อยู่เหมือนกัน

“องค์ชาย งานชุมนุมกลอนในวันนี้ องค์ชายองค์อื่น ๆ ก็จะเสด็จมาด้วย ถึงตอนนั้นต้องกดขี่องค์ชาย หัวเราะเยาะองค์ชายแน่ องค์ชายโปรดอดทนให้มากด้วย ”

หยางจงพาหลี่จุ่นเดินออกจากวังพลางตักเตือนเบา ๆ

หยางจงกลัวว่าจะซ้ำรอยเดิม เรื่องทั้งหมดที่หลี่จุ่นเคยทำจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

หลี่จุ่นในสมัยก่อนพอถูกองค์ชายองค์อื่น ๆ รังแก โดยรวมแล้วก็คือตีไม่เอาคืน ด่าไม่สวนกลับ แต่ช่วงก่อนหลี่จุ่นถูกองค์ชายห้าเล่นงาน ถึงกับตอบโต้เดี๋ยวนั้น ทำองค์ชายห้าโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน