ตำหนักเฟิงหยาง ตำหนักของฮ่องเต้
ยามดึกอันเงียบสงัดไร้เสียงผู้คน หลี่เจิ้งยังคงทอดตัวทำงานอยู่บนโต๊ะ พลางฟังรายงานของหวังเหลียนไปด้วย
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ข่าวมาว่า องค์ชายหกกับองค์หญิงใหญ่ยังคงร่วมมือกันต่อไป คาดว่าพวกเขาจะยุติความร่วมมือในสองวันสุดท้าย”
หลี่เจิ้งขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้นว่า “เหวินจวินทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไร หากยังช่วยเหลือเจ้าหกต่อไป ไม่เอาชนะรัชทายาทไปด้วยกัน ก็แพ้ให้รัชทายาทไปด้วยกัน หากแพ้สุดท้ายแล้วนางจะเลือกตัวเองจนถึงที่สุด หรือว่าจะยังเลือกเจ้าหกกันนะ”
หวังเหลียนเย้ยหยันขึ้นเดี๋ยวนั้น “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายหกกับองค์หญิงใหญ่ไม่มีทางแพ้ให้องค์รัชทายาทแน่...”
หลี่เจิ้งพลันหัวเราะเสียงเย็น แล้วเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าคิดว่าข้าไม่เข้าใจรัชทายาทหรือ ข้ารู้จักเขาดี การแสดงออกที่เจ้าเห็นในสองวันนี้ เขาจงใจแสร้งทำก็เท่านั้น หากเหวินจวินกับเจ้าหกร่วมมือกันต่อไป รัชทายาทไม่มีทางออมมือต่อไปเช่นนี้แน่”
เขาเป็นรัชทายาทได้ คงไม่ง่ายขนาดนี้กระมัง
“ฝ่าบาทตรัสได้ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ...” นัยน์ตาของหวังเหลียนฉงนเล็กน้อย
ที่องค์รัชทายาทสามารถเป็นรัชทายาทได้ ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
แม้มักจะพูดว่าองค์หญิงใหญ่หลี่เหวินจวินเป็นผู้มีปัญญาล้ำเลิศที่หนึ่งในใต้หล้า แต่ไม่ได้แปลว่าองค์รัชทายาทจะเป็นคนโง่
องค์รัชทายาทเองก็เป็นองค์ชายที่อัจฉริยะจนผู้คนตกตะลึงเช่นกัน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถนั่งอยู่ในตำหนักบูรพาได้อย่างมั่นคงมาตลอดหรอก!
“ฝ่าบาท วันนี้ยังมีอีกเรื่องที่น่าสนใจพ่ะย่ะค่ะ” จู่ๆ หวังเหลียนก็นึกขึ้นมาได้ แล้วรีบเอ่ยปากอย่างมีลับลมคมใน
หลี่เจิ้งมองเขาทีหนึ่ง เห็นหวังเหลียนทำท่าอึกอักไม่พูด จึงเอ็ดขึ้นด้วยความโมโหเล็กน้อย “เจ้าจะพูดก็พูดมา เหตุใดต้องมาทำให้ข้าอยากรู้ด้วย ระวังข้าจะลงโทษเจ้าฐานปั่นหัวข้าเล่น แล้วให้รางวัลเจ้าด้วยการโบยสักร้อยสองร้อยที!”
“กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ!”
สีหน้าของหวังเหลียนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นโดยพลัน ทว่าใบหน้ากลับเผยรอยยิ้ม “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ได้ยินว่าวันนี้ตอนเช้าองค์ชายหกขึ้นไปบนภูเขา ใช้หินทุบกวางตายไปสิบแปดตัว เรื่องนี้ลือสะพัดไปทั่วแล้ว”
“อะไรนะ ใช้หินทุบกวางตายไปสิบแปดตัวอย่างนั้นหรือ เหลวไหลสิ้นดี!” หลี่เจิ้งตกตะลึงป่นไม่เชื่อไปในคราวเดียวกัน
หวังเหลียนพูดขึ้นพลางยิ้ม “เมื่อวานมีองครักษ์เห็นองค์ชายหกทุบกวางตายไปตัวหนึ่งกับตา พวกกวางที่องค์ชายหกนำกลับมาในเช้าวันนี้ล้วนมีแผลราวกับถูกหินทุบไปทั่ว! เรื่องนี้แม้จะดูไม่มีเหตุผล แต่องค์ชายหกทรงยอมรับด้วยองค์เองแล้ว”
“จริงหรือ”
สีหน้าของหลี่เจิ้งตกตะลึง พลันขมวดคิ้วมุ่น ในแววตามีความเย็นยะเยือกและถมึงตึงอยู่เล็กน้อย เขารีบเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“รีบส่งคนไปตรวจสอบพวกกวางที่เจ้าหกทุบตายเดี๋ยวนี้ ดูว่าแผลพวกนั้นมีความไม่ชอบมาพากลหรือไม่”
“เอ่อ ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ นี่...” หวังเหยียนหลังตกตะลึงไปโดยพลัน
“รีบไปสิ!” หลี่เจิ้งหน้าคล้ำดำเขียว
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท...” หวังเหลียนรีบถอยออกไปจัดแจง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างงงๆ เช่นนี้ ทำให้หวังเหลียนตกตะลึงไปด้วย
หลี่เจิ้งแค่นเสียงฮึเสียงหนึ่ง แววตาเคร่งขรึมขึ้นป่นเดือดดาล พูดกับตัวเองพึมพำ
“ใช้หินทุบมั่วๆ จนกวางตายสิบแปดตัวอย่างนั้นหรือ เห็นข้าเป็นไอ้งั่งหรืออย่างไร ตบตาผู้อื่นได้แต่ตบตาข้าไม่ได้หรอก!”
หลี่เจิ้งรู้จักฝีมือการยิงธนูและฝีมือการขี่ม้าของหลี่จุ่นดี หากไม่ได้ใช้หินทุบไปมั่วๆ จนตาย เช่นนั้นหลี่จุ่นใช้วิธีการไหนถึงล่าเหยื่อได้มากมายถึงเพียงนั้น
ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่!
หลี่เจิ้งนึกถึงเหตุการณ์ประหลาดบนเขาเมื่อเช้านั่น ส่งคนไปตรวจสอบแล้วก็ไม่พบสาเหตุ ตอนนี้หลี่จุ่นยังทำเรื่องประหลาดพวกนี้อีก เรื่องในใต้หล้าคงมิได้บังเอิญขนาดนี้กระมัง
สองเหตุการณ์นี้อาจมีความเกี่ยวข้องกัน
“ทูลฝ่าบาท ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์เย่หงขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ!”
ขณะนี้เอง เสียงร้องขานของขันทีผู้หนึ่งก็แว่วดังมาจากข้างนอก
หลี่เจิ้งเงยหน้า แล้วรีบเอ่ยขึ้นว่า “ให้เขาเข้ามา”
“ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”
เย่หงที่สวมชุดเกราะ บุคลิกดูองอาจสง่าผ่าเผยสาวเท้าก้าวเข้ามาในตำหนัก เขารีบคุกเข่าลงกับพื้น “ถวายบังคมฝ่าบาท!”
หลี่เจิ้งมองเย่หงแล้วถามขึ้นว่า “ผู้บัญชาการเย่ มาหาข้าดึกๆ ดื่นๆ มีธุระอันใดหรือ”
“กระหม่อมสมควรตายยิ่งนัก!” น้ำเสียงของเย่หงดังก้อง คุกเข่าอยู่กับพื้นพร้อมทั้งตะโกนว่าสมควรตาย
หลี่เจิ้งตกตะลึง รีบให้เขายืนขึ้นแล้วถามขึ้นว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”
“ฝ่าบาท กระหม่อมได้รับคำสั่งให้ปิดล้อมอุทยานและวางแนวป้องกัน แต่ไม่นึกเลยว่าคืนนี้ ลูกน้องของกระหม่อมสองคนจะต้องตายอย่างเวทนาด้วยน้ำมือของหัวขโมย เวลานี้เกรงว่าหัวขโมยที่ฆ่าลูกน้องของกระหม่อมจะเข้ามาในอุทยานแล้ว...ขอฝ่าบาททรงลงอาญากระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” เย่หงเอ่ยพลางคำนับอย่างหนัก
“อะไรนะ?!”
หลี่เจิ้งตกตะลึงโดยพลัน “ผู้บัญชาการเย่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงมีหัวขโมยเข้ามาในอุทยานหลวงของข้าได้ แล้วลอบทำร้ายด้วยเหตุใด?!”
“กระหม่อมสมควรตาย กระหม่อมมิทราบพ่ะย่ะค่ะ! แต่ว่า กระหม่อมส่งคนไปตรวจสอบอุทยานแล้ว คิดว่า...จะมีผลลัพธ์แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
เย่หงกัดฟันพูด
การล่าสัตว์ฤดูหนาวกำลังดำเนินไป จู่ๆ ก็มีคนพยายามบุกเข้ามา ต้องคิดกระทำการใหญ่เป็นแน่ ไม่แน่ว่าอาจจะบุกเข้ามาหาฮ่องเต้!
ในใจเย่หงย่อมกลัวอย่างไร้ที่เปรียบ!
เขารับผิดชอบเป็นองครักษ์ แต่กลับปล่อยให้คนบุกเข้ามาได้ ความผิดนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว!
หากทำไม่ดีหัวจะร่วงลงพื้นได้...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน
ขอบคุณครับที่ลงให้อ่าน...
ลงเลยครับเรื่องนี้สนุกมาก...