องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 737

สรุปบท ตอนที่ 737 เว้นเสียแต่จะบินได้ ?: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน

อ่านสรุป ตอนที่ 737 เว้นเสียแต่จะบินได้ ? จาก องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน โดย Toey

บทที่ ตอนที่ 737 เว้นเสียแต่จะบินได้ ? คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนติกโบราณ องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Toey อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ภูมิประเทศของชายแดนตะวันตกนั้นล้วนแต่เป็นหน้าผาชัน มีภูเขาเต็มไปหมด ไม่ค่อยมีพื้นที่ราบสักเท่าใดนัก

โดยเฉพาะจากจวนชายแดนตะวันตกไปถึงด่านฝานหลงนั้นห่างกันสามสิบลี้ ทั้งสองด้านล้วนเป็นผาชัน นอกจากสัตว์ปีกที่บินได้แล้ว ลำพังด้วยกำลังของมนุษย์นั้นคงไม่มีทางข้ามไปได้ เว้นเสียแต่จะบินได้

ด้วยเหตุนี้ หากว่าบินไม่ได้ละก็ กลยุทธ์โจมตีจากตรงกลางก็ไม่อาจทำได้

แต่ถ้าย้ายกำลังพลทั้งหมดเข้าภายในด่าน โจมตีจากในด่านไปจนถึงชายแดนตะวันตก เช่นนั้นโจวชิงเองก็สามารถถอยไปยังด่านฝานหลงและถอยไปตั้งหลักที่แคว้นหลางต่อได้เช่นกัน

ตอนนี้แคว้นหลางไม่มีกำลังพลใด ๆ เลย มีเพียงทหารที่เฝ้าอยู่หนึ่งหมื่นนาย

การที่กำลังพลหนึ่งหมื่นนายต้องเผชิญหน้ากับกองทัพแสนนายของโจวชิงนั้นคงไม่อาจทำอันใดได้แม้แต่น้อย โจวชิงสามารถใช้แคว้นหลางเป็นเมืองได้อีกเพื่อรับมือกับการโจมตีของกองทัพเจิ้นเป่ย ประวิงเวลารอให้ด่านเหิงกู่ถูกตีแตก

หรือถ้าตรงจากนอกด่านไปยังด่านฝานหลง โจวชิงก็ยังสามารถทำได้เช่นเดิม

อีกอย่าง ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ

การโจมตีเมืองสองครั้งติดกัน ราชวงศ์อู่ย่อมต้องสูญเสียกำลังพลไปมาก ถึงตอนนั้นต่อให้ตีแตกแล้ว ก็ไม่แน่ว่าโจวชิงจะเป็นฝ่ายพลิกกลับมาจัดการกับพวกเขาเอง

ดังนั้นศึกครั้งนี้จึงไม่ง่ายเลย

ในตอนนี้

หลี่จุ่นยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ได้

สิ่งเดียวที่พอจะทำลายทางตันนี้ได้คือการโจมตีเมืองเพียงครั้งเดียว

บีบให้กองทัพของโจวชิงออกจากด่านฝานหลง จากนั้นก็พุ่งโจมตีส่วนกลางทัพในช่วงระยะสามสิบลี้ที่ทัพของโจวชิงเดินทางกลับไปจวนชายแดนตะวันตก แต่ก่อนอื่นต้องบินได้เสียก่อน !

ทว่า

ไม่ว่าจะเป็นเครื่องร่อนหรือบอลลูน หากไม่ได้ผ่านการฝึกฝนจากผู้เชี่ยวชาญก็มีโอกาสตายได้สูง โดยเฉพาะการที่พื้นที่โดยรอบล้วนแล้วแต่เป็นผาชัน การส่งคนออกไปหนึ่งหมื่นคน จะรอดกลับมาได้สักกี่คนเล่า ?

จะถึงห้าพันคนได้หรือไม่ ?

เกรงว่าหากมิได้ผ่านการฝึกฝนชี้แนะจากผู้เชี่ยวชาญ คงอันตรายยิ่งนัก

อืม... หากว่ามีร่มชูชีพ แล้วฝึกฝนอีกสักวันสองวัน ไม่แน่ว่าอาจจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นก็เป็นได้กระมัง

หลี่จุ่นกับเหยียนอ๋องผู้เฒ่าวิเคราะห์สถานการณ์กันอย่างละเอียด ปรึกษาหารือกันว่าควรรบอย่างไรต่อไป

หลี่จุ่นฟังเหยียนอ๋องผู้เฒ่าเอ่ยแล้วก็พลางขบคิดไปด้วย

ทว่า

เหยียนอ๋องผู้เฒ่าเองก็ไม่มีวิธีที่ดีเช่นกัน

โจวชิงผู้นี้พลิกสถานการณ์กลับมาเป็นผู้ได้เปรียบ ยึดเมืองเป็นปราการเช่นนี้ ช่างเป็นกลยุทธ์ที่ร้ายกาจนัก

รุกก็โจมตี ถอยก็ตั้งรับได้

ทำให้ไม่อาจเอาชนะได้ในระยะเวลาอันสั้น

“การเดินหมากของโจวชิงผู้นี้ถือเป็นโจทย์ยากของข้าจริง ๆ”

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายทำงานร่วมกันได้ดี ไม่มีการเสียเปรียบจากพันธมิตรของตน

เช่นนั้นภาพรวมแล้วก็ยังแข็งแกร่งมากอยู่ดี

เพียงแต่ว่า

กองทัพเจิ้นเป่ยเป็นไพ่ไม้ตายของทางราชวงศ์อู่ เป็นทัพใหญ่ที่ทำให้ทั่วทางแดนเหนือต้องหวั่นเกรงหวาดกลัว

ในใต้หล้านี้ ทัพที่สามารถสู้กับกองทัพเจิ้นเป่ยได้สมน้ำสมเนื้อมีเพียงแต่กองทัพของแคว้นฉู่ตอนอยู่บนบกเท่านั้น !

แม้กองทัพเจิ้นเป่ยทั้งหนึ่งแสนสองหมื่นนายนี้จะร่วมทัพเหยียนห้าหมื่นนาย และทัพติ้งหยวนอีกหนึ่งหมื่นนาย

แต่นี่ก็มิได้ส่งผลต่อการต่อสู้ของทั้งกองทัพ ยังคงแข็งแกร่งได้ดังเดิม !

เขานำทัพมานานถึงเพียงนี้แล้ว เรียกได้ว่าเข้าใจความสามารถใจการรบของกองทัพเจิ้นเป่ยเป็นอย่างดี

“เหตุใดท่านจึงบอกว่ามีความคิดที่จะโจมตีเมืองเพียงครั้งเดียวเล่า ?” เหยียนอ๋องผู้เฒ่าถามโดยไม่อ้อมค้อม

หลี่จุ่นยิ้มแล้วก็ส่ายหัว

“ท่านอาหวัง ตอนนี้ข้ายังตอบท่านไม่ได้ ข้าต้องไปดูสถานการณ์จริง ๆ ทางฝั่งด่านฝานหลงก่อน”

หากว่าบินผ่านไปไม่ได้จริง ๆ ก็ไม่อาจเสี่ยงได้ เพราะนั่นมิใช่การเสี่ยงแต่เป็นการส่งทหารไปตาย จะไม่กลายเป็นการทำเรื่องไร้สาระหรอกหรือ ?

เขาต้องไปดูสถานที่จริง ๆ สักครั้งเพื่อพิจารณาอีกที !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน