ตอนที่ 130 ผู้สมัครงาน – ตอนที่ต้องอ่านของ (นิยายแปล) Perfect Superstar
ตอนนี้ของ (นิยายแปล) Perfect Superstar โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายSlice of Lifeทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 130 ผู้สมัครงาน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 130 ผู้สมัครงาน
วันที่ 22 เดือนสิงหาคม ตารางการเดินทางแข่งขันทั่วประเทศของรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ สิ้นสุดลงอย่างสวยงาม กลับมาที่ปักกิ่งเป็นที่เรียบร้อย
ผ่านไปอีกเจ็ดวันก็เป็นวันที่ 29 เดือนสิงหาคม คือการแข่งขันรอบสุดท้ายของรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ซึ่งก็คือผู้แข่งขันของสุดยอดสิบคนของประเทศ งานจะถูกจัดขึ้นอย่างอลังการในห้องถ่ายทำรายการโทรทัศน์ T1 ที่เพิ่งเปิดใช้ใหม่ของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง
และในวันเดียวกัน รายการ ‘นักร้องนักแต่งสุดสตรอง’ ของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานก็เพิ่งจบลง เรทติ้งผู้ชมแทบไม่เกินสี่เปอร์เซ็นต์
นักร้องหน้าใหม่อย่างหลิงเสี่ยวเซียวที่ได้รับการสนับสนุนกลับแสดงไม่ค่อยดีในรอบชิงชนะเลิศ สุดท้ายจึงคว้าได้แค่อันดับที่ห้าไปครอง
การแข่งขันรายการวาไรตี้ตัวเก็งของสองสถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ รายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ซีซั่นที่หนึ่ง ชนะรายการ ‘นักร้องนักแต่งสุดสตรอง’ เป็นที่เรียบร้อย
รายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ จัดการเดินทางแข่งขันทั่วประเทศที่เขตปี้ไห่ในวันที่ 20 เรทติ้งผู้ชมทะลุ 5.76 เปอร์เซ็นต์ ในวงการต่างคาดเดาว่ารอบชิงชนะเลิศทั่วประเทศครั้งสุดท้ายน่าจะทะลุที่หกเปอร์เซ็นต์อย่างสบายๆ กระทั่งอาจจะถึงเจ็ดเปอร์เซ็นต์
ไม่ว่าจะเป็นหกเปอร์เซ็นต์หรือเจ็ดเปอร์เซ็นต์ สำหรับสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งแล้วคือชัยชนะที่เชิดหน้าชูตาได้อย่างภาคภูมิใจ!
ลู่เฉินในฐานะหนึ่งในสิบสุดยอดนักร้องทั่วประเทศก็เดินทางกลับปักกิ่งพร้อมกับทีมรายการ
ความจริงเขาสามารถอยู่เที่ยวพักผ่อนที่ปี้ไห่ได้อีกสองสามวัน แต่ด้วยความจนใจที่ปักกิ่งยังมีธุระอีกหลายอย่าง ดังนั้นจึงได้แต่รีบไปรีบกลับ ไม่ได้ชื่นชมความงดงามของหมู่เกาะทะเลตอนใต้แห่งนี้
งานกับหน้าที่ เหมือนกับแส้ที่ไร้รูป คอยเฆี่ยนเขาให้เดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
ตอนนี้เขายังห่างจากจากการนอนพักผ่อนอีกไกลนัก
กลับมาถึงปักกิ่งวันที่สอง ลู่เฉินจึงเป็นคนสัมภาษณ์ผู้สมัครงานคนหนึ่งที่เข้ามาในสตูดิโอของเขาด้วยตัวเอง
เฉินเสียงอายุยี่สิบสองปี เรียนจบจากมหาวิทยาลัยฟางซาน คณะวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ประยุกต์ อยู่ปักกิ่งได้หนึ่งปีกว่าแล้ว ตอนนี้ทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ให้บริษัทอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่ง
มหาวิทยาลัยฟางซานเป็นสถานศึกษาระดับสามของประเทศ หมายถึงเป็นมหาวิทยาลัยที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียง วุฒิการศึกษาค่อนข้างต่ำมาก
เมื่อมาอยู่ในเมืองหลวงที่แออัดไปด้วยผู้คนที่มีความสามารถ เขาแม้แต่จะหากุ้งตัวเล็กในมหาสมุทรก็ยังยาก อยากจะหางานดีๆ สักที่จึงเป็นไปไม่ได้ ควรทราบไว้ว่าแม้แต่ลู่เฉินที่จบจากมหาวิทยาลัยระดับหนึ่งก็ยังเหนื่อยสายตัวแทบขาดในตอนแรก
ถึงแม้คุณสมบัติการสมัครงานในสตูดิโอของลู่เฉินจะไม่สูงมาก แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่ต่ำมากเช่นกัน
หากจะพูดแบบไม่เกรงใจก็คือ คางคกสามขานั้นหายาก นักศึกษาที่เดินสองขาก็มีถมไปในเมืองหลวง!
แต่ผลการเรียนของเฉินเสียงก็ถือว่าไม่เลว เขาได้รับทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัยทุกปี ทำงานในเมืองด้วยความขยันขันแข็ง ผลการทำงานดี อย่างน้อยก็มีความสามารถ
และที่สำคัญที่สุดคือ เฉินเสียงยังมีฐานะที่ค่อนข้างพิเศษมาก เขาเป็นสมาชิกของขุนศึกตระกูลลู่กลุ่มแฟนคลับของลู่เฉิน
และยังเป็นแฟนคลับตัวยงอีกด้วย!
เขาเข้ามาผ่านทางหลี่เฟยอวี่เพื่อติดต่อกับลู่เฉิน จากนั้นก็มาสัมภาษณ์
“ทำไมคุณถึงอยากทำงานที่นี่กับผมครับ”
ลู่เฉินถามอย่างสงสัย “คุณอยู่กับผม อนาคตความก้าวหน้าของคุณเทียบไม่ได้กับบริษัทของคุณในตอนนี้นะ”
บริษัทที่เฉินเสียงทำงานอยู่ตอนนี้ถึงแม้จะไม่ใช่กิจการใหญ่โตอะไร แต่ก็เป็นบริษัทไอทีอย่างแท้จริง เป็นบริษัทใหม่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นอย่างมาก
คุณลักษณะในการทำงานและโอกาสในการทำงานแข็งแกร่งกว่าสตูดิโอเล็กๆ ของลู่เฉินมาก
การสมัครงาน นอกจากเงื่อนไขทางสวัสดิการแล้ว การเลื่อนขั้นกับความก้าวหน้าในหน้าที่การงานก็มีความสำคัญมากเช่นกัน
สตูดิโอของลู่เฉินเป็นทีมงานเล็กๆ ที่ให้บริการลู่เฉินโดยเฉพาะ การรับสมัครผู้ดูแลเว็บไซต์ในตอนนี้ ประการสำคัญคือรับผิดชอบการสร้างเว็บไซต์และงานด้านการดูแลรักษาของสตูดิโอ ทำควบคู่ไปกับการตลาดออนไลน์
ลู่เฉินยังไม่มีเจตนาจะพัฒนาสตูดิโอให้เป็นบริษัทใหญ่ ดังนั้นจึงต้องการผู้สมัครงานที่เชื่อถือได้และมั่นคง
แต่เด็กวัยรุ่นในสมัยนี้ โดยเฉพาะพวกคนหลงกรุง เมื่อมาทำงานที่ปักกิ่งส่วนมากจะมีความฝันว่าได้ทำกิจการใหญ่โต สตูดิโอของลู่เฉินเล็กๆ แห่งนี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
ดังนั้นลู่เฉินจึงพูดเตือนผู้สัมภาษณ์งานทุกคนอย่างจริงใจ ไม่หลอกลวงโกหกหรือทำให้คนอื่นเข้าใจผิด
ตอนที่เขามาหางานทำในเมืองหลวงช่วงแรกๆ ก็เจอบริษัทที่ไร้ศีลธรรมแบบนี้ จนตัวเองเกือบซวย
ลู่เฉินจึงไม่ชอบเรื่องพวกนี้เป็นอย่างมาก
ระหว่างที่เขาไม่อยู่ที่ปักกิ่งและเดินทัวร์ร้องเพลงอยู่ ลู่ซีสัมภาษณ์ผู้สมัครงานไปหลายคนแล้ว แต่อีกฝ่ายถ้าไม่เย่อหยิ่งไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ก็มาตรฐานสูงแต่ตัวเองก็ทำไม่ได้ จนถึงตอนนี้ยังหาคนที่เหมาะสมไม่เจอ
คนที่เก่งจริงๆ จะไม่มาทำงานที่สตูดิโอไม่มีชื่อเสียงแบบนี้
“ผมรู้ครับ…”
เฉินเสียงยิ้มและพูดอย่างขมชื่น “แต่จากประวัติการศึกษาของผม อยู่ในบริษัทก็เป็นได้แค่พนักงานระดับล่าง ทำยังไงก็เลื่อนขั้นไม่ได้ ต้องทำโอทีทุกวันแต่เงินไม่สูง งานก็ซ้ำๆ ซากๆ น่าเบื่อ ไม่สามารถพัฒนาตัวเองได้ครับ”
“ดังนั้นผมจึงอยากลองมาทำงานที่สตูดิโอ อย่างน้อยทำงานที่สตูดิโอของพี่เฉิน ผมก็ทำงานมากมายสำเร็จได้คนเดียว และยังมีเวลากับโอกาสให้ตัวเองเรียนรู้เพิ่มเติมอย่างเต็มที่ ผมจะตั้งใจทำงานแน่นอนครับ”
เขาเรียนจบก่อนลู่เฉินหนึ่งปี จึงมีอายุเท่ากับลู่เฉิน แต่หากนับตามปีเกิดแล้วอายุอ่อนกว่าลู่เฉินสองเดือน
ลู่เฉินกับลู่ซีสบตากัน คนหลังพยักหน้าเล็กน้อย
เดิมทีเรื่องการรับสมัครงานควรเป็นลู่ซีที่ต้องทำให้สำเร็จถึงจะถูก แต่สภาพของเฉินเสียงมีความพิเศษเล็กน้อย บวกกับเรื่องความเป็นมืออาชีพของเขา ดังนั้นลู่เฉินจึงต้องสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง
แต่ลู่เฉินก็ยังอยากเคารพและได้รับความยินยอมจากพี่สาวของตัวเอง
ลู่ซีไม่ได้คัดค้าน
เฉินเสียงรูปร่างสูงผอม หน้าตาธรรมดา เขาไม่ใช่คนพูดเก่งอย่างเห็นได้ชัด ดูแล้วก็มีนิสัยไม่เลว เป็นพนักงานที่ตั้งใจทำงานประเภทนั้น
ประวัติการศึกษาและความสามารถของเขาบางทีอาจจะไม่เก่งมาก ทว่าสำหรับสตูดิโอของลู่เฉินในตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว
ลู่เฉินครุ่นคิดแล้วพูดว่า “อย่างนั้นก็ได้ ในเมื่อคุณตัดสินใจแล้ว งั้นก็ลองมาทำงานกับผมก็แล้วกัน”
เพียงแต่งานแบบนี้ก็ไม่ได้หาง่าย เพราะฉะนั้นเฉินเสียงถึงได้อดทนเงียบๆ
เมื่อวานเดิมทีเป็นวันหยุดของเขา ผลสรุปคือถูกหัวหน้าเรียกไปทำงานล่วงเวลา และยังถูกด่าจนเละอีก
เฉินเสียงทนไม่ไหวจึงทะเลาะกับอีกฝ่ายสองสามประโยค ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนถือว่าขาดสะบั้นในที่สุด ด้วยเหตุนี้ต่อให้เขาไม่เป็นฝ่ายลาออกเอง เขาก็ทำงานในบริษัทนี้ได้ไม่นาน
หลังจากแตกหักกันแล้ว เฉินเสียงจึงนึกถึงหลี่เฟยอวี่ที่เคยพูดในห้องถ่ายทอดสด บอกว่าลู่เฉินเปิดสตูดิโอ ดังนั้นจึงลองหาวิธีติดต่อเขา เพื่อถามทางนั้นว่าต้องการพนักงานมืออาชีพที่เกี่ยวข้องหรือไม่
สรุปคือเขาโชคดีมาก สตูดิโอของลู่เฉินกำลังรับสมัครพนักงานดูแลเว็บไซต์อยู่จริงๆ
ลู่เฉินก็ไม่ได้ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น “อย่างนั้นก็ไม่ต้องรีบร้อน พวกเราจะให้เวลาคุณแก้ปัญหาสามวัน น่าจะรู้ผลแล้ว ถึงยังไงงานนี้ก็เป็นของคุณแล้วครับ”
เฉินเสียงพยักหน้าแรงๆ “ครับ!”
ความจริงในใจของเฉินเสียงยังมีอีกหนึ่งประโยคที่ไม่ได้พูดกับลู่เฉิน
นั่นก็คือเมื่อวานที่เขาทะเลาะกับหัวหน้าโปรเจกต์ ตอนเขายากจะควบคุมอารมณ์ได้ และเขาได้ดูการร้องเพลงถ่ายทอดสด ‘วิ่งตามความฝันด้วยใจอันบริสุทธิ์’ ของลู่เฉินในคืนนั้น
เป็นเพราะเพลงนั้น ถึงปลุกเลือดร้อนที่เขากดข่มไว้ด้วยความยากลำบากมาตลอดขึ้นมา
เฉินเสียงสามารถอดทนต่อการทำงานหนัก อดทนต่อสวัสดิการที่ไม่ยุติธรรมและการดูถูกได้
แต่เขาก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน!
วันนี้มาที่สตูดิโอของลู่เฉิน เฉินเสียงก็มีความคิดว่าไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า ถ้าหากสัมภาษณ์งานที่นี่ไม่ผ่าน อย่างนั้นเขาก็จะเตรียมตัวกลับบ้านเกิด ไม่กลับมาที่นี่อีกเลย
แต่ลู่เฉินได้มอบโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่ให้เขาอีกครั้ง
พอส่งเฉินเสียงกลับไปแล้ว ลู่เฉินจึงไปที่สตูดิโอเนี่ยผาน
สตูดิโอทั้งสองแห่งนี้อยู่ในย่านเดียวกัน ระหว่างกันใช้เวลาเดินเพียงสิบนาที สะดวกสบายมาก
อัลบั้มแรกของลู่เฉินอยู่ในขั้นตอนการจัดทำที่ตึงเครียด ระดับความสำคัญของค่ายเพลงเนี่ยผานกระทั่งยังสูงมากกว่าเขา ไม่ว่าจะเป็นการเรียบเรียงใหม่หรือดนตรีประกอบล้วนต้องปรับปรุงจากของเดิมให้ดียิ่งขึ้น
ตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงตอนนี้ ลู่เฉินวุ่นวายอยู่ข้างนอกไปตามโปรแกรมของรายการแข่งขัน ดังนั้นการจัดทำอัลบั้มจึงได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่งานของค่ายเพลงเนี่ยผานก็ไม่ได้ขาดตอนเพราะเหตุนี้
ตอนนี้เขากลับมาแล้ว จึงต้องตามเก็บความคืบหน้าที่ตกหล่นอีกครั้ง
อัลบั้มชุดนี้ใส่ความฝันทางดนตรีครั้งแรกของลู่เฉินลงไปด้วย
ถ้าหากไม่มีเหตุสุดวิสัย เขาจะเตรียมออกอัลบั้มแรกของตัวเองอย่างเป็นทางการในเดือนหน้า ซึ่งก็คือเดือนกันยายน!
…………………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar