ตอนที่ 138 ชี้แนะ
เด็กวัยรุ่นสมัยนี้เก่งจริงๆ!
ขณะมองดูพี่น้องสองคนที่อยู่ตรงหน้า หลินจื้อเจี๋ยรู้สึกว่าตัวเองแก่แล้วจริงๆ
ความคิดตามจังหวะของเด็กวัยรุ่นแทบไม่ทัน
ลู่เฉินอายุยี่สิบสองปี เพิ่งเรียนมาจบไม่นาน ไม่ได้เรียนสาขาการดนตรีด้วย เขาเดบิวต์อย่างเป็นทางการผ่านรายการวาไรตี้โชว์ ได้รับเรตติ้งจากผู้ชมที่ไม่เลว กลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่แห่งวงการเพลงป็อป
และเขาก็ไม่ได้เดินบนเส้นทางสร้างชื่อเสียงเหมือนกับเด็กใหม่ส่วนใหญ่ เขาไม่เซ็นสัญญากับบริษัทจัดหานักแสดงใดๆ แต่สร้างสตูดิโอของตัวเองขึ้นมา ตอนนี้ก็กำลังจะออกอัลบั้มแรกแล้ว เร็วมากจนคนต้องอ้าปากค้างด้วยความตะลึงงัน
ลู่ซีพี่สาวของลู่เฉินเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขาและเป็นผู้จัดการสตูดิโอในขณะเดียวกัน แถมอายุก็ยังน้อยอย่างน่าทึ่งเช่นกัน
ถึงแม้ในมุมมองของหลินจื้อเจี๋ย ไม่ว่าจะเป็นลู่เฉินหรือลู่ซีก็ยังไม่มีส่วนไหนที่เป็นผู้ใหญ่มากพอ แต่จิตวิญญาณที่แข็งแกร่งและความมั่นใจในตัวของพวกเขาทั้งสองกลับสะดุดใจคนเก่งในตำนานอย่างลึกซึ้ง
ถานหงชอบชี้แนะคนรุ่นใหม่ เขาหลินจื้อเจี๋ยก็เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นเขาจึงยอมช่วย
และวงการเพลงป็อปของประเทศในปัจจุบันนี้ก็ต้องการคนรุ่นหลังที่เก่ง มีความสามมารถในการขับเคลื่อนอย่างไม่หยุดนิ่ง!
หลินจื้อเจี๋ยส่ายหน้าพูดว่า “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ผมช่วยหาธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ เข้าบริษัทเท่านั้น ประเด็นสำคัญคือต้องดูว่าซีดีอัลบั้มของพวกคุณจะจัดจำหน่ายได้สำเร็จหรือเปล่า และคุณภาพก็เป็นสิ่งสำคัญ…”
พอพูดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นเขาก็นึกได้ว่าลู่เฉินไม่มีปัญหาในด้านนี้!
นับตั้งแต่เริ่มการแข่งขันในรอบแรกของรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ จนกระทั่งถึงรอบชิงชนะเลิศช่วงสุดท้าย ลู่เฉินใช้ผลงานเพลงต้นฉบับทั้งหมด
‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ‘บินให้สูงขึ้น’ ‘วัยเจิดจรัส’ ‘ธุลีรักในสายลม’…แล้วก็ยังมีเพลงฮิตในโลกอินเทอร์เน็ตตอนนี้อย่าง ‘วิ่งตามความฝันด้วยใจอันบริสุทธิ์’ มีเพลงไหนบ้างที่ไม่ใช่ฝีมือของเขา แต่ละเพลงเรียกได้ว่าเป็นผลงานที่โดดเด่น กระทั่งเป็นผลงานเพลงคลาสสิก!
พอลองคำนวณอย่างละเอียดแล้ว หากนำมารวมเป็นอัลบั้มเดียวจึงไม่มีปัญหา
ถึงขั้นพูดได้ว่าเป็นเพลงที่มีคุณภาพ…
แล้วยังมีอะไรต้องพูดอีก ตอนที่เขาเป็นกรรมการก็ให้คะแนนลู่เฉินสิบคะแนนตั้งหลายครั้ง!
หลินจื้อเจี๋ยรีบกลืนคำพูดท่อนหลังทันที แล้วถามว่า “อัลบั้มชุดนี้ของคุณเตรียมจะผลิตที่ไหนเหรอ”
ผู้อำนวยการเพลงบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดคนนี้พบว่าตัวเองรู้สึกตัวช้าไป เพราะอัลบั้มชุดนี้ของลู่เฉินผลิตและจัดจำหน่ายโดยบริษัทของตัวเองได้!
ด้วยคุณภาพของเพลง ความสามารถของลู่เฉิน บวกกับกำลังที่แข็งแกร่งของเฟยสือเรคคอร์ด ไม่แน่อาจจะสร้างปาฏิหาริย์เล็กๆ และเกิดความเจริญรุ่งเรืองของอุตสาหกรรมแผ่นเสียงในตอนนั้นขึ้นมา
เรื่องกิจการเพลงแผ่นเสียงถอดถอย หลินจื้อเจี๋ยยังคงกังวลมาตลอด
เมื่อโอกาสเช่นนี้ปรากฏขึ้น ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที!
ลู่เฉินไม่รู้ความคิดของหลินจื้อเจี๋ย จึงตอบแบบไม่คิดมาก “ตอนนี้กำลังทำอยู่ที่สตูดิโอเนี่ยผานครับ อัดเสียงไปแล้วเจ็ดเพลง มากที่สุดอีกหนึ่งสัปดาห์ก็น่าจะอัดเสร็จแล้วครับ”
ถ้าหากไม่ใช่เพราะต้องเสียเวลาไปกับการเดินทางทัวร์แข่งขันของรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ อัลบั้มแรกของเขาก็คงเสร็จไปนานแล้ว
แต่การเสียเวลาเพียงเท่านี้ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เท่ากับเป็นการโปรโมทล่วงหน้าก็แล้วกัน
หลินจื้อเจี๋ยผิดหวังทันที…คุณเอาอัลบั้มของตัวเองไปให้คนอื่นทำลวกๆ ได้อย่างไร
สตูดิโอเนี่ยผานคือที่แบบไหนกัน
ไม่เคยได้ยินมาก่อน!
เขาพลันลุกขึ้นพรวด พูดว่า “ไป พาผมไปดูสตูดิโอของที่นั่น ผมอยากลองฟังเพลงดูสักหน่อย!”
เขาแอบตัดสินใจแล้ว ถ้าหากมาตรฐานในการผลิตของสตูดิโอเนี่ยผานอะไรนี่ไม่ผ่าน เขายอมไม่เห็นแก่หน้าตัวเอง และจะต้องดึงงานของลู่เฉินมาผลิตใหม่ทั้งหมดให้ได้
ไม่ได้เกี่ยวกับการทำกำไร แต่ตอนนี้การออกอัลบั้มมีแต่ขาดทุน ดังนั้นหลินจื้อเจี๋ยจึงไม่อยากให้เพลงดีเหล่านี้ถูกคนอื่นทำพัง มิฉะนั้นจิตสำนักที่ดีของเขาคงรู้สึกไม่สบายใจอย่างแน่นอน!
ด้วยสภาพแวดล้อมของประเทศในปัจจุบันนี้ เพลงต้นฉบับเนื้อดีก็หายากอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับทั้งอัลบั้ม
ลู่เฉินกับลู่ซีมองหน้ากัน ไม่เข้าใจว่าทำไมหลินจื้อเจี๋ยถึงตื่นตัวเช่นนี้
แต่อย่างไรเสียก็ต้องไว้หน้าผู้อำนวยการเพลงของเฟยสือเรคคอร์ด ลู่เฉินจึงรีบพูด “โอเคครับ อย่างนั้นผมจะพาคุณไปตอนนี้เลย สตูดิโอเนี่ยผานอยู่ละแวกนี้เหมือนกัน ใกล้มากครับ”
หลินจื้อเจี๋ยโบกมือ
“ไปกันเถอะ!”
เขาอยากจะฟังอัลบั้มเพลงของลู่เฉินอย่างอดใจไม่ไหวแล้ว ต่อให้ยังไม่เป็นผลงานฉบับเต็มก็ตาม
ลู่ซีจ่ายเงิน จากนั้นทุกคนออกจากร้านกาแฟหลันถิง รีบไปที่สตูดิโอเนี่ยผาน
ระหว่างที่เดินทางอยู่ ลู่เฉินได้โทรศัพท์ไปหาหวังจิ้งเพื่อให้เธอเตรียมตัวให้ดี
พอไปถึงสตูดิโอเนี่ยผาน พนักงานทั้งหมดก็ออกมาต้อนรับ!
หวังจิ้ง หวังฮุย และหวังฉางเซิงกับสมาชิกที่เหลืออีกสามคนของสตูดิโอเนี่ยผาน ดูยิ่งใหญ่อลังการมาก
เมื่อเห็นลู่เฉินและคนอื่นๆ มาถึงแล้ว หวังจิ้งชิงเดินไปข้างหน้า พูดกับหลินจื้อเจี๋ยอย่างมีมารยาท “สวัสดีอาจารย์หลินค่ะ!”
หลินจื้อเจี๋ยตกใจที่เจอเธอ เอ่ยอย่างงุนงง “สวัสดี คุณคือ?”
เขาทำงานมายี่สิบกว่าปีและมีลูกศิษย์ลูกหาก็ไม่น้อย แต่กลับไม่เคยเจอคนที่อยู่ตรงหน้าเขา
หวังจิ้งอธิบายว่า “เมื่อสามปีก่อนคุณเคยไปสอนที่สถาบันจิงอิง ฉันเคยไปฟังสองครั้ง และได้รับประโยชน์มามากเลยค่ะ”
“อ้อ!”
หลินจื้อเจี๋ยเข้าใจทันที “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้ ผมก็คิดอยู่ว่าเคยมีนักศึกษาที่สวยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร!”
หวังจิ้งกลั้นหัวเราะไม่อยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar