ตอนที่ 144 สัมภาษณ์
ผู้สื่อข่าวพิเศษของเฟยซวิ่นมิวสิคเป็นคนแซ่เหลย ชื่อว่าเหลยเหล่ย
เธอไม่ใช่คนสูงมาก น่าจะสูงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร แต่มีรูปลักษณ์ที่เซ็กซี่และดูเป็นผู้ใหญ่ ใบหน้ารูปไข่คิ้วใบหลิว ดวงตาโตและยังมีลักยิ้ม มองเห็นเขี้ยวเล็กๆ สองข้างยามที่ยิ้ม มีความไร้เดียงสาของหญิงสาวอยู่ไม่น้อย น่าเสียดายที่เธอไม่ได้เข้าสู่วงการบันเทิง แต่เธอก็ยังเป็นนักข่าวสายบันเทิงอยู่ดี
เสียงพูดของเหลยเหล่ยไพเราะมาก เสียงหวานน่าฟังมีเสน่ห์น่ารักดูเป็นผู้ใหญ่ตามสไตล์ผู้หญิงเจียงหนาน
มอบความรู้สึกคุ้นเคยสนิทสนมแก่ลู่เฉินหลายเท่า
“อาจารย์ลู่เฉิน อะไรคือสาเหตุที่ทำให้คุณเดินบนเส้นทางดนตรีสายนี้คะ”
เวลาบ่ายสามโมง ภายในห้องรับแขกของสตูดิโอลู่เฉิน
ลู่เฉินกับนักข่าวสาวที่มาจากเฟยซวิ่นมิวสิคนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ควันสีขาวลอยวนเป็นเกลียวขึ้นจากถ้วยกาแฟที่เพิ่งชงเสร็จสองถ้วยที่วางอยู่บนกระจกของโต๊ะน้ำชา หอมอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเมล็ดกาแฟแท้
เมื่อเทียบกับกาแฟที่หอมฉุยนี้ เหลยเหล่ยสนใจลู่เฉินมากกว่า เธอนั่งลงเปิดที่บันทึกเสียงจากปากกาของเธออย่างอดใจรอไม่ไหวแล้ว และรีบถามคำถามแรกกับอีกฝ่าย
ลู่เฉินยิ้มตอบ “ไม่กล้าเป็นอาจารย์หรอกครับ นักข่าวเหลยเรียกชื่อของผมน่าจะดีกว่านะครับ”
“คุณดื่มกาแฟก่อนสิ มีคนให้ผมมาเห็นว่าเอามาจากบราซิล รสชาติไม่เลวเลย พวกเราคุยกันช้าๆ ก็ได้ครับ”
คำเรียกว่าอาจารย์นี้ เดิมทีจะใช้กับผู้อาวุโสที่มีชื่อเสียงหรือเข้าวงการมานานแล้ว ต่อมาภายหลังจึงนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่จะใช้เรียกกับคนที่ค่อนข้างมีตำแหน่งและมีชื่อเสียงเป็นส่วนใหญ่ เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษ
ลู่เฉินเป็นคนใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการได้ไม่นาน เดิมทีไม่มีคุณสมบัติแบบนี้ ต่อให้ผลงานเพลงของเขาจะเขียนออกมาได้ดีก็ตาม แต่ประสบการณ์ในวงการยังน้อยมาก คนอื่นเรียกว่า ‘ต้าเฉิน’ หรือ ‘พี่เฉิน’ ก็ถือว่าเก่งแล้ว
แต่สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งกำหนดให้เขาเป็นกรรมการในซีซั่นที่สองของรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ ถึงแม้จะเป็นกรรมการในรอบคัดเลือกก็ตาม แต่ตำแหน่งของเขาก็สูงขึ้นพรวดไม่ใช่เด็กใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการอีกต่อไป
เดิมทีนักร้องนักแต่งเพลงที่อยู่ในวงการก็จะได้รับการเคารพอยู่แล้ว ดังนั้นการให้ตำแหน่งและเรียกว่า ‘อาจารย์’ ไม่ถือว่ามากเกินไป
หลายสิ่งหลายอย่างในวงการบันเทิงมีความน่าอัศจรรย์ใจ หากไม่ได้อยู่ในวงการจะไม่เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในนั้น
แต่ลู่เฉินก็ไม่มั่นใจว่าตัวเองสมควรได้รับมันหรือไม่
คนอื่นให้เกียรติเรา แต่ตัวเองกลับเสียหน้าแทน การสงวนท่าทีถ่อมตนและระมัดระวังจะทำให้เดินได้ไกลกว่านี้
เหลยเหล่ยรู้สึกดีมากขึ้นกับท่าทีถ่อมตัวของลู่เฉิน
เธอทำตัวผ่อนคลาย ยกถ้วยกาแฟขึ้นมาชิมหนึ่งที
ดวงตาของนักข่าวสาวเป็นประกายขึ้นมาทันที แล้วเอ่ยชมว่า “อร่อยมากจริงๆ ค่ะ!”
เหลยเหล่ยดื่มกาแฟบ่อย ถึงแม้จะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านกาแฟ แต่รสชาติดีหรือไม่ดีเธอยังพอแยกแยะออก
ลู่เฉินหัวเราะพูดว่า “ถ้านักข่าวเหลยชอบ จะเอากลับไปสักกระป๋องก็ได้นะครับ ถึงยังไงคนอื่นก็ให้ผมมาเป็นของขวัญ”
เวินจื้อหย่วนเป็นคนให้กาแฟเขามาเอง ทั้งหมดมีสองกระป๋อง
หลังจากทดสอบเสียงที่บริษัทแผ่นเสียงอีเอ็มไอเสร็จแล้ว ลู่เฉินไม่ให้อีกฝ่ายเลี้ยงข้าว คาดว่าหัวหน้าฝ่ายจัดหานักแสดงคนนี้คงจะรู้สึกไม่ดีมาก ดังนั้นจึงยืนกรานมอบเมล็ดกาแฟบราซิลสองกระป๋องให้แก่เขา
ลู่เฉินให้เฉินซินไปซื้อเครื่องบดกาแฟเอาไว้ใช้ต้อนรับแขก และก็ได้ผลดีจริงๆ
ดังคำกล่าวว่ากินของคนอื่นปากก็อ่อน พอดื่มกาแฟหมดหนึ่งถ้วย ท่าทีของเหลยเหล่ยจึงดูเป็นกันเองมากขึ้น
“อย่างนั้นฉันจะเรียกคุณว่าลู่เฉินนะคะ แต่คุณก็ห้ามเรียกฉันว่านักข่าวเหลยเหมือนกันค่ะ”
ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อย “ได้ครับ พี่เหลยเหล่ย”
อายุของเหลยเหล่ยมากกว่าเขาประมาณสี่ปี เรียกเธอว่าพี่จึงถูกแล้ว
อยากจะเป็นดาราไอดอล การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับนักข่าวคือเรื่องที่สำคัญมาก ไม่อย่างนั้นคนอื่นก็จะใส่ร้ายเราบ่อยๆ เป็นใครก็รับไม่ได้
ความสัมพันธ์ระหว่างดาราดังตัวจริงกับสื่อมักจะดีอยู่เสมอ อย่างเช่นถานหง หลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีข่าวเสียหายอะไร การวางตัวและนิสัยที่ดีเป็นปัจจัยที่เอาชนะทุกสิ่ง และการมีเส้นสายใหญ่ในวงการก็ยิ่งเป็นกุญแจสำคัญ
การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสื่อที่ถูกต้องควรทำอย่างไร เฉินเจี้ยนหาวได้ถ่ายทอดวิชาให้กับลู่เฉินและลู่ซีไปไม่น้อย
ประสบการณ์ชีวิตที่ล้นเหลือในสามช่วงชีวิตของความฝัน เขาจึงทำความเข้าใจได้ไม่ยาก
หลังจากเขากับเหลยเหล่ยพูดคุยกันเพื่อเพิ่มความคุ้นเคยแล้ว ก็กลับเข้าสู่โหมดการสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการ
ย้อนกลับไปที่คำถามที่เหลยเหล่ยถามก่อนหน้านี้
ลู่เฉินครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า “ผมทำงานด้านดนตรีมานานแล้ว เป็นความหวังของพ่อแม่ที่มีต่อผมครับ ตอนเด็กผมเคยเรียนเปียโนมาก่อน แต่อาจจะมีพรสวรรค์ไม่มากพอ เรียนได้นิดเดียวก็ล้มเลิกแล้วครับ”
“ตอนหลังมาชอบกีตาร์ ดังนั้นจึงเรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่ตอนนั้นแค่คิดว่าต้องดีดกีตาร์ให้เก่งจะได้เอาไปจีบสาวได้ครับ”
พูดถึงตรงนี้ เหลยเหล่ยจึงเผยรอยยิ้มออกมาอย่างรู้ใจ
ผู้ชายหลายคนชอบหัดเล่นกีตาร์ ก็เพื่ออยากทำตัวเท่ดึงดูดความสนใจของสาวๆ และวิธีนี้ก็ได้ผลดีนัก
เหลยเหล่ยอดนึกถึงตอนที่ตัวเองเรียนมหาวิทยาลัยไม่ได้ เพราะเคยมีผู้ชายมาร้องเพลงให้เธอฟังอยู่ใต้หอพักนักศึกษาเหมือนกัน
น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ได้เก่งเหมือนลู่เฉิน และก็หล่อไม่เท่าลู่เฉิน มิฉะนั้นไม่แน่เธออาจตกลงไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar