ตอนที่ 145 ฉากอลังการจริงๆ!
หลังจากเหลยเหล่ยจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยก็มาเป็นนักข่าวเลย เธอคลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิงได้สามปีแล้ว หากพูดถึงประสบการณ์จึงไม่สามารถเทียบกับพวกที่ลื่นเป็นปลาไหลพวกนั้นได้ แต่เธอก็สัมภาษณ์ดาราไอดอลมาไม่น้อย
พวกที่สัมภาษณ์มากที่สุดคือศิลปินที่เพิ่งเข้าวงการใหม่ๆ
แต่เหลยเหล่ยไม่เคยเจอเด็กใหม่เหมือนอย่างลู่เฉิน ถือว่าเขามีชื่อเสียงในวงการแล้ว และยังได้รับความนิยมสูงมาก เวลาที่เผชิญหน้ากับเธอกลับมีท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน พูดจามีมารยาทไม่เสแสร้ง ให้ความรู้สึกสบายเหมือนกับตอนอาบน้ำในฤดูใบไม้ผลิ
นอกจากนี้เขายังมีหน้าตาหล่อเหลา ไม่เหมือนกับเด็กหนุ่มวัยละอ่อนที่ชอบทำตัวหยาบคายพวกนั้น มีมาดของลูกผู้ชายอย่างแท้จริง!
พอฟังลู่เฉินเล่าเรื่องของตัวเอง ก็เหมือนกับการแบ่งปันประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตของเขา
เหลยเหล่ยละทิ้งสัญชาตญาณอาชีพของตัวเองโดยไม่รู้ตัว เริ่มฟังอย่างตั้งใจและรู้สึกประทับใจมาก
เรื่องของลู่เฉินไม่ได้เล่ายาวมาก แค่เล่าถึงต้นสายปลายเหตุของการกำเนิดสไตล์เพลงของเขาก็จบแล้ว
เหลยเหล่ยตื่นจากภวังค์ แล้วพูดว่า “คุณโชคดีจริงๆ นะคะ…”
ชีวิตของคนเราสามารถเจอครูที่ดีและเพื่อนยามยากคนหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นเรื่องโชคดีมากที่สุดแล้ว แต่ลู่เฉินกลับมีถึงสามคน
ลู่เฉินตอบอย่างเปิดเผยจริงใจ “ใช่ครับ ผมโชคดีมากๆ!”
คืนฝันที่ยาวนานนั่น เป็นสิ่งมหัศจรรย์โดยแท้ และเป็นความโชคดีของเขาเช่นกัน
เหลยเหล่ยถอนหายใจพูด “ไม่แปลกใจเลยที่ผลงานเพลงของคุณจะโดดเด่นถึงเพียงนี้ แล้วความสงสัยของคนอื่นคุณมีความคิดเห็นว่ายังไงบ้างคะ”
ลู่เฉินตอบแบบไม่คิดมาก “ก้าวเดินบนเส้นทางของตัวเอง คนอื่นจะพูดอะไรก็ให้เขาพูดไปเถอะ!”
เมื่ออยู่ในวงการบันเทิง สามารถยอมรับเกียรติยศและชื่อเสียงได้มากเท่าไร ก็ต้องยอมรับการใส่ร้ายป้ายสีได้มากเท่านั้น
“ก้าวเดินบนเส้นทางของตัวเอง คนอื่นจะพูดอะไรก็ให้เขาพูดไปเถอะ!” (Go your own way, let others talk!)
เหลยเหล่ยตาเป็นประกาย “คุณก็อ่านกวีนิพนธ์ของดันเต[1]เหมือนกันเหรอคะ”
ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อย เผยฟันขาวสะอาดทั้งแปดซี่ออกมา
เหลยเหลยเคลิบเคลิ้มเล็กน้อย เพราะรอยยิ้มที่เผยออกมาของลู่เฉินในตอนนี้สดใสเหมือนดั่งดวงอาทิตย์
ใบหน้าของเธอแดงเป็นระเรื่อขึ้นมาอย่างห้ามใจไม่อยู่ รีบถามหัวข้ออื่นทันที
“แล้วสำหรับอนาคตของคุณ…”
การสัมภาษณ์ต่อไปกลับเข้าสู่ขั้นตอนและจังหวะของกระบวนการอีกครั้ง
เหลยเหล่ยสอบถามแผนการทำงานของลู่เฉินในอนาคตว่าเตรียมจะออกอัลบั้มหรือไม่ กระทั่งถามถึงเฉินเฟยเอ๋อร์
เฉินเฟยเอ๋อร์จะจัดคอนเสิร์ตในเดือนตุลาคมนี้ ลู่เฉินก็คือหนึ่งในแขกรับเชิญที่เธอจองตัวไว้แล้ว
เธอกระทั่งถามถึงส่วนสูง น้ำหนัก งานอดิเรก มาตรฐานในการเลือกแฟนของลู่เฉิน…
ลู่เฉินพยายามตอบเท่าที่จะตอบได้ หากเกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัวของตัวเอง เขาก็ได้แต่ยิ้มและไม่ตอบ
เหลยเหล่ยก็ไม่ได้โกรธอะไร บรรยากาศการสัมภาษณ์ของทั้งสองฝ่ายสนิทสนมและกลมกลืนมาก
ตอนที่การสัมภาษณ์สิ้นสุดลง ก็เป็นเวลาบ่ายสี่โมงครึ่งแล้ว
ลู่เฉินลุกขึ้นแล้วพูดว่า “พี่เหลยเหล่ย ตอนเย็นทานข้าวด้วยกันก่อนสิ แถวนี้มีร้านอาหารไม่เลวอยู่เหมือนกัน”
เหลยเหล่ยเม้มปากยิ้ม “ฉันก็อยากเหมือนกันค่ะ แต่ต้องรีบกลับไปทำต้นฉบับ ดังนั้นเอาไว้คราวหน้าก็แล้วกันนะคะ”
เธอไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำว่าเกรงใจ ลู่เฉินจึงไม่ฝืนใจเธอ
เขาเรียกลู่ซี และทั้งสองคนก็เดินไปส่งเหลยเหล่ยข้างล่างตึกด้วยกัน
ก่อนจะจากกัน ลู่ซียังยัดซองอั่งเปาให้เหลยเหล่ย…กฎของยุทธภพ
ในซองอั่งเปามีธนบัตรอยู่สิบใบ
ถ้าหากไม่ได้รับการชี้แนะจากเฉินเจี้ยนหาว เธอก็ไม่รู้ว่ามีกฎแบบนี้อยู่ด้วย และยิ่งไม่รู้ว่าต้องให้เงินเท่าไรถึงจะถูกต้อง
นักข่าวที่ไม่เหมือนกัน ความหนาของซองอั่งเปาก็ไม่เหมือนกัน
เหลยเหล่ยไม่ได้ปฏิเสธ หลังจากกลับไปเธอจะต้องช่วยพูดจาดีๆ ให้ลู่เฉินเยอะหน่อยแน่นอน
เธอกระทั่งคิดหัวข้อต้นฉบับการสัมภาษณ์พิเศษไว้เรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือ ‘ก้าวเดินบนเส้นทางของตัวเอง คนอื่นจะพูดอะไรก็ให้เขาพูดไปเถอะ!’
หลังจากส่งนักข่าวของเฟยซวิ่นมิวสิคกลับไปแล้ว ลู่ซีจึงทำเสียง ‘เชอะ’ เบาๆ แล้วพูดกับลู่เฉินว่า “ต่อไปถ้าไม่มีธุระอะไร แกก็ติดต่อกับผู้หญิงคนนี้น้อยๆ หน่อย”
ตอนที่เหลยเหล่ยสัมภาษณ์ลู่เฉิน ลู่ซีไม่ได้อยู่ด้วย แต่หลังจากที่ส่งเธอกลับไปแล้ว จากความรู้สึกโดยตรงที่เฉียบไวของผู้หญิง เธอพบว่าเหลยเหล่ยมีความรู้สึกที่ดีแบบอื่นกับลู่เฉิน
พี่สาวของเขาจึงเกิดความระแวงผู้หญิงคนนี้
เธอไม่อยากก้าวก่ายชีวิตและความรู้สึกของลู่เฉิน แต่วงการบันเทิงวุ่นวายขนาดนี้ ผู้หญิงไม่ดีมีมากมาย ถ้าหากลู่เฉินถูกใครเข้ามาเกาะแกะ อย่างนั้นก็คงมีแต่เรื่องยุ่งยากไม่จบไม่สิ้น
ลู่เฉินยิ้มเจื่อนๆ “พี่ครับ นักข่าวเหลยไม่ใช่คนเลว ผมรู้จักขอบเขตของตัวเองดี”
ลู่ซีทำตาขาวใส่เขา “ฉันก็แค่เตือนแก ถึงยังไงแกก็ระวังตัวด้วย อ้ออย่าลืม พรุ่งนี้แกจะต้องเซ็นสัญญากับบริษัทแผ่นเสียงอีเอ็มไอนะ เขียนเพลงเสร็จหรือยัง”
“เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วครับ!”
ลู่เฉินพูดอย่างมั่นใจว่า “พี่รอรับเงินได้เลย!”
…
สำหรับความมั่นใจของลู่เฉิน เวินจื้อหย่วนยังใจฝ่ออยู่บ้าง
วันก่อนเขาถูกจางฉงบังคับจนหัวร้อน ตกลงรับข้อเสนอของหลี่จื้อเกา ยื่นเรื่องขอเงินทุนซื้อเพลงให้กับถังเฉียวเฉี่ยว
ผลสรุปก็คือหลังจากใช้เส้นสายเล็กน้อย เวินจื้อหย่วนก็ได้งบประมาณมาหนึ่งแสนหยวนจริงๆ
ความรวดเร็วแบบนี้ โดยปกติทั่วไปแล้วจะเป็นศิลปินระดับท็อปในบริษัทเท่านั้นถึงได้รับการปฏิบัติเช่นนี้
แต่เวินจื้อหยว่นกลับไม่ดีใจเลยสักนิด
เพราะหลังจากที่เขาใจเย็นแล้วจึงพบว่าตัวเองมุทะลุเกินไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar