ตอนที่ 169 ชาวบ้านเขตเฉาหยาง
มู่เสี่ยวชูเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง
เธอมีนิสัยที่จิตใจดีน่ารักไร้เดียงสา แต่ก็ไม่โง่ นอกจากนี้หน้าตาก็โดดเด่นเป็นที่หนึ่ง
หากจะพูดถึงข้อเสียของเธอ อย่างนั้นก็คือส่วนสูงของเธอที่ไม่สูงมาก
ส่วนฝีมือด้านการร้องเพลง มู่เสี่ยวชูมีพรสวรรค์สูงมาก เสียงร้องของเธอแม้แต่เฉินเฟยเอ๋อร์ก็ชมไม่หยุดปากสามารถต่อสู้กับผู้เข้าแข่งขันนับพันนับหมื่นและเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ ไม่ได้อาศัยแค่ความโชคดีเพียงอย่างเดียว
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เธอมีความรู้สึกที่ดีต่อลู่เฉิน และยอมที่จะใกล้ชิดกับลู่เฉิน
ความรู้สึกที่ลู่เฉินมีต่อมู่เสี่ยวชูก็ไม่เลวเหมือนกัน แต่ความรู้สึกแบบนี้ไม่ใช่ความรู้สึกรักระหว่างชายหญิง
มู่เสี่ยวชูเหมือนกับน้องสาวอีกคนหนึ่งของเขา จึงควรค่าและยินดีที่จะดูแลน้องสาวคนนี้
ดังนั้นลู่เฉินจึงยอมช่วยแก้ปัญหาให้เธอโดยไม่ต้องบอกอะไร รีบไล่คนน่ารำคาญอย่างจางเฮ่าไห่ออกไปทันที
แม้ว่าจะกระตุ้นให้จางเฮ่าไห่รู้สึกโกรธแค้นก็ตาม
มู่เสี่ยวชูนั่งอยู่ในห้องถัดไปจากลู่เฉิน
ตำแหน่งของจางเฮ่าไห่ก็อยู่ในละแวกนั้น วันนี้ตอนบ่ายจะมีการฝึกซ้อมงานเลี้ยงฉลองวันชาติจีน รวมทั้งลู่เฉินกับนักร้องแกร่งที่เข้ารอบห้าคนสุดท้ายล้วนมากันหมดทุกคน
แน่นอนว่าต้องได้รับการเชิญจากทางสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง
หากยึดตามเงื่อนไขเดิมที่ตกลงกันเรียบร้อยแล้วระหว่างลู่เฉินกับสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง เขามอบลิขสิทธิ์เพลง ‘เดินไปร้องไป’ ให้สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งนำไปใช้ฟรี เพื่อแลกกับการขึ้นไปแสดงบนเวทีงานเลี้ยงฉลองวันชาติจีนของสถานีโทรทัศน์
เดิมทีทั้งสองฝ่ายตกลงกันเรียบร้อยแล้วจะให้ลู่เฉินร้องเดี่ยว แต่ตอนนี้กลับให้ผู้แข็งแกร่งทั้งห้าคนร้องเพลงประสานเสียงด้วยกัน แบบนี้เป็นการลดมูลค่าตัวเองลงไปมาก
สองสามวันก่อนตอนที่ลู่เฉินได้รับแจ้งจากทางสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง เขารู้สึกไม่พอใจจริงๆ
แต่เขาลองคิดแล้วก็ปล่อยวาง
งานเลี้ยงมีระดับขนาดนี้ แถมยังจัดขึ้นในเมืองหลวง ศิลปินดาราที่อยากจะขึ้นมาบนเวทีนี้มีมากมายอย่างไม่ต้องสงสัย ฉะนั้นจึงมีการแข่งขันและต่อสู้กันภายในแผนก ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในรายการจึงเป็นเรื่องธรรมดามาก
อย่างเช่นมู่เสี่ยวชู จางเฮ่าไห่รวมทั้งนักร้องอีกคนหนึ่งที่เป็นนักร้องประสานเสียง ล้วนได้เซ็นสัญญากับเฟยสือเรคคอร์ด
และเฟยสือเรคคอร์ดก็มีการร่วมงานที่ดีในระยะยาวกับสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง
ลู่เฉินไม่มีเส้นสายอะไรในสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง และรู้จักแค่สองสามคนเท่านั้น นอกจากนี้เขาก็ไม่ได้ทุ่มกำลังในการประชาสัมพันธ์ ไม่ถูกรายการคัดออกไปก็ถือว่าโชคดีแล้ว จากร้องเดี่ยวเปลี่ยนมาเป็นร้องประสานเสียงถือว่าไว้หน้ามากแล้ว
ลู่เฉินมีความรู้ในด้านนี้อย่างชัดเจน เขาไม่เคยทำตัวหยิ่งคิดไปเองว่าสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งจะต้องขอร้องตัวเองและผลจากการพยายามเถียงเพื่อความถูกต้องของตัวเอง อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นมาอย่างยากลำยากถูกทำลายลง
อีกอย่างคือ ลู่เฉินให้ความสำคัญกับการแสดงของงานเลี้ยงนี้มาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ว่าจะต้องขึ้นเวทีให้ได้
เพราะฉะนั้นจิตใจของลู่เฉินจึงสงบมาก ไม่บ่นหรือเคียดแค้นกับความไม่ยุติธรรม เขาเชื่อว่าขอเพียงขยันพัฒนาตัวเอง สุดท้ายก็จะมีเวทีทุกระดับปูพรมแดงรอให้ตัวเองเข้าไปเหยียบอย่างแน่นอน!
เห็นได้ชัดว่ามู่เสี่ยวชูไม่รู้เบื้องหลังที่อยู่ในนี้ และเอาหน้าเข้าไปใกล้ลู่เฉินเพื่อถามเรื่องการร้องเพลงประสานเสียงอยู่บ่อยครั้ง
ความสนิทสนมระหว่างทั้งสองคน ดึงดูดสายตาคนข้างๆ จำนวนไม่น้อย
โดยเฉพาะจางเฮ่าไห่ ที่หันจนคอแทบจะหักแล้ว
ลู่เฉินมองเขาเป็นอากาศ
ติ๊ดๆๆ!
ขณะที่กำลังคุยไปยิ้มไปกับมู่เสี่ยวชู ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังติ๊ดๆๆ ขึ้นมาเป็นระลอกปรากฏอยู่รอบตัว
นั่นคือเสียงเตือนที่ได้รับข้อความในโทรศัพท์ของหลายๆ คน!
ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังมู่เสี่ยวชูอยู่ตลอดหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แล้วเผยสีหน้าตกใจออกมา
ผู้หญิงคนนี้อายุประมาณสามสิบกว่าปี รูปร่างผอมแห้งหน้าตาธรรมดา เธอเป็นผู้ช่วยที่ทางบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดจัดมาให้มู่เสี่ยวชู มีชื่อว่าโจวฟาง
ลู่เฉินก็มีผู้ช่วยเหมือนกัน แต่วันนี้งานที่สตูดิโอมีเยอะเกินไป เขาจึงให้หลี่เฟยอวี่ช่วยงานทางนั้น
มู่เสี่ยวชูหมุนตัวมา แล้วถามอย่างสงสัยว่า “พี่ฟาง เป็นอะไรคะ”
ตั้งแต่เสียงเตือนข้อความดัง บรรยากาศของด้านหลังเวทีจึงแปลกไปมาก และก็เงียบมากกว่าเดิม
ไม่ว่าใครก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
โจวฟางมองซ้ายแลขวาอย่างรวดเร็ว โน้มตัวกดเสียงให้ต่ำลงแล้วเอ่ยว่า “เมื่อครู่หวังปินเสพยาถูกจับแล้ว!”
“หวังปิน”
มู่เสี่ยวชูตกใจ “หวังปินคนนั้นใช่ไหมคะ”
บนโลกนี้คนที่ชื่อหวังปินอาจจะมีมากมาย แต่คนที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงมีเพียงคนเดียว
หวังปินถือว่าเป็นรุ่นพี่ในวงการเพลงป็อป เขาเดบิวต์ในช่วงปลายปี 1980 และเคยโด่งดังมาในปี 1990 เคยออกแผ่นเสียงหลายชุดมีมูลค่าเกินหลักล้าน ได้รับรางวัลก็ไม่น้อย แต่กลับสร้างความดีความชอบในวงการภาพยนตร์โทรทัศน์มากกว่า
ถึงแม้อิทธิพลในวงการเพลงจีนของเขาจะเทียบกับถานหงไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นศิลปินตัวท็อปเช่นกัน
บุคคลผู้นี้กลับถูกจับเพราะเสพยา ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่อึกทึกครึกโครมในประเทศอย่างแน่นอน ถูกพาดหัวข่าวใหญ่ร้อยเปอร์เซ็นต์!
ข่าวในวงการบันเทิงแพร่กระจายรวดเร็วมาก ฝั่งนั้นถูกจับ ฝั่งนี้ก็ได้รับข่าวติดต่อกันอย่างไม่ขาดสาย
หวังปินคือหนึ่งในแขกรับเชิญคนสำคัญที่ถูกเชิญมาในงานเลี้ยงวันชาติของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง
ทางสถานีโทรทัศน์ได้ทำโฆษณาออกไปแล้ว แต่ตอนนี้ดันเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ จึงน่าปวดหัวสุดๆ
โจวฟางพยักหน้า เผยสีหน้าลับๆ ล่อๆ ออกมา “ได้ยินว่าชาวบ้านเขตเฉาหยางเป็นคนแจ้งความ ปีนี้ก็เป็นคนที่สามแล้ว!”
ชาวบ้านเขตเฉาหยางในปักกิ่ง เหมือนกับเทวดาที่มีตัวตนก็ไม่ปาน เป็นมือปราบของศิลปินดาราในวงการจริงๆ!
ตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้ ศิลปินดารามีชื่อเสียงเกือบสิบคนถูกจับในข้อหาเสพยาเสพติด ให้สถานที่เสพยา ซื้อบริการทางเพศ โดยผ่านการแจ้งความจากชาวบ้านเขตเฉาหยางในปักกิ่ง
บรรดาชาวเน็ตต่างพูดติดตลกว่าหากให้คนพวกนี้มาอยู่รวมกัน สามารถถ่ายทำภาพยนตร์เรือนจำเรื่องดังได้แน่นอน!
วงการบันเทิงดูผิวเผินแล้วมีความสุกใสสวยงาม แต่แท้จริงแล้วก็ปิดบังเรื่องชั่วและคนชั่วเหมือนกัน มีศิลปินจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะปลดปล่อยตัวเองด้วยเหตุผลต่างๆ สุดท้ายจึงเดินบนเส้นทางที่ไม่อาจย้อนกลับ
เนื่องจากในปักกิ่งมีดาราหลายคนอาศัยอยู่ในเขตเฉาหยาง เพราะฉะนั้นจึงเกิดเรื่องแถบนี้ค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดวางระเบียบสถานการณ์ความปลอดภัยของประชาชน และปราบปรามกิจกรรมที่ผิดกฎหมายอย่างจริงจัง ดังนั้นชาวบ้านในเขตเฉาหยางจึงมีชื่อเสียงด้วยเหตุนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar