ตอนที่ 191 อุบัติเหตุระหว่างถ่ายทำ
พักผ่อนส่วนพักผ่อน งานส่วนงาน ลู่เฉินแยกแยะอย่างชัดเจน
ทิวทัศน์ของเมืองจินหลิงจะสวยงามแค่ไหน แม่น้ำฉินไหวจะตรึงตาตรึงใจแค่ไหน ก็ไม่อาจทำให้เขาลืมเลือนงานได้
มาถึงเมืองจินหลิงในวันที่สอง ลู่เฉินตื่นแต่เช้าตรู่
หลี่เฟยอวี่ยังหลับฝันหวานอยู่ เขาออกจากโรงแรมไปวิ่งออกกำลังกายข้างนอก
พอกลับมาแล้ว ลู่เฉินปลุกหลี่เฟยอวี่ ทั้งสองลงมารับประทานอาหารเช้าที่ภัตตาคารของโรงแรม
เสร็จจากมื้ออาหาร ลวี่เจ๋อมาถึงพอดี
วันนี้เป็นวันที่ต้องถ่ายทำโฆษณา ตามการจัดการของอิ๋นหม่า ถ้าตอนเช้าการถ่ายทำเสร็จสิ้นอย่างราบรื่น ตอนบ่ายจะถ่ายภาพโปสเตอร์ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทเซินฉีได้ทันที และกลับปักกิ่งตอนกลางคืน
แน่นอนว่านี่คือตามที่คาดการณ์ไว้
การถ่ายทำโทรทัศน์และภาพยนตร์นั้นไม่ง่าย แม้จะเป็นการถ่ายโฆษณาก็ตาม ก็ไม่อาจรับรองได้ว่าจะไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายและผิดคาดใดๆ เช่นเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ผิดพลาด นักแสดงทำได้ไม่ดี ล้วนส่งผลกระทบถึงกระบวนการการถ่ายทำ
ลู่เฉินเข้าพบกับทีมถ่ายทำโฆษณาของอิ๋นหม่าภายใต้การนำของลวี่เจ๋อ
แม้เป็นเพียงการถ่ายทำโฆษณา เจ้าหน้าที่ของคณะถ่ายทำมีไม่น้อย ทั้งผู้กำกับ ช่างกล้อง ผู้ช่วยช่างกล้อง ผู้จดบันทึกงาน ฝ่ายเสื้อผ้า ช่างจัดแสง ผู้ช่วยช่างจัดแสง ฝ่ายอุปกรณ์ ช่างแต่งหน้า…ยังมีพนักงานที่คอยรับผิดชอบเรื่องทั่วไป คนดันรถกล้องถ่ายทำ พนักงานขนย้าย ทั้งหมดรวมเป็นสิบกว่าคน
นี่แสดงถึงความสามารถของบริษัทโฆษณาอิ๋นหม่า ถ้าเป็นเพียงบริษัทเล็กๆ ไม่แน่ว่าแค่นักแสดงหลักไม่กี่คนก็เรียบร้อยแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีพนักงานมากมายเป็นขบวนเช่นนี้
นอกจากนี้เห็นได้ชัดว่าทางเซินฉีลงทุนและให้ความสำคัญกับโฆษณาชุดนี้มาก
สถานที่ถ่ายทำอยู่ที่โรงถ่ายทำภาพยนตร์จินหลิงที่ถนนเซียงเจียง
โรงถ่ายทำภาพยนตร์จินหลิงสร้างโดยความร่วมมือของรัฐบาลและองค์กรต่างๆ จำนวนเงินที่ลงทุนไปทั้งหมดสูงหลายร้อยล้านหยวน กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังแห่งหนึ่งของเมืองจินหลิงมาแต่ไหนแต่ไร
ถนนเซียงเจียงสร้างขึ้นจากถนนการค้าเซียงเจียงจิ่วหลง รายล้อมด้วยตึกระฟ้า มีรถรางไฟฟ้าและรถไฟใต้ดินสถานีเฉพาะ ไม่แตกต่างจากฉากจริงเท่าใดนัก
ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์หลายเรื่องถ่ายทำที่นี่ ที่น่าสนใจคือแม้แต่บริษัทภาพยนตร์เซียงเจียงยังเคยถ่ายทำฉากของเมืองฮ่องกงที่ถนนเซียงเจียงแห่งนี้มาแล้วมากมาย
เมื่อลู่เฉินมาถึง ทีมถ่ายทำก็เพิ่งมาถึงเช่นกัน
ตามแผนการ โฆษณาชุดนี้ต้องถ่ายทำกลางแจ้งก่อน จากนั้นค่อยไปถ่ายทำในตัวอาคาร ลำดับขั้นตอนไม่ซับซ้อน
เนื้อหาโฆษณากล่าวถึงพระเอกหรือก็คือลู่เฉินกับนางเอกที่อยู่ด้วยกันนอนตื่นสาย ฝ่ายหลังต้องรีบไปเข้าร่วมการประชุมที่สำคัญของบริษัท สุดท้ายลืมเอกสารเอาไว้ที่บ้าน
พระเอกเห็นเข้ารีบเปลี่ยนเป็นชุดกีฬาเซินฉีทันที สวมรองเท้ากีฬาของเซินฉีเช่นกันวิ่งตามออกไป สุดท้ายพบว่านางเอกนั่งรถแท็กซี่ออกไปแล้ว
พระเอกรีบวิ่งอย่างบ้าคลั่งไปตามถนน ระหว่างทางเจออุปสรรคขัดขวางหลายอย่าง เมื่อนางเอกไปถึงห้องประชุมถึงรู้ว่าไม่มีเอกสาร พระเอกเหงื่อไหลไคลย้อยวิ่งมาถึงราวกับเทพสวรรค์ลงมาโปรด!
นางเอกประทับใจจนมอบจูบให้ ทำให้คนในบริษัทปรบมือแสดงความยินดี
สุดท้ายกล้องหันมาเน้นจับภาพที่โลโก้เซินฉี
บทโฆษณาลู่เฉินได้ดูตั้งนานแล้ว บทพูดในนั้นท่องจำขึ้นใจ
การแสดงของเขาไม่ต้องใช้เทคนิคการแสดงสูงนัก ข้อยากคือระหว่างการวิ่ง ต้องทำให้ตราสินค้าชุดกีฬาเห็นชัด และต้องประสานงานกับกล้องที่วิ่งตามด้วย
ทางบริษัทโฆษณาอิ๋นหม่าเตรียมนักแสดงสแตนอินไว้ทดแทนแล้ว เป็นนักแสดงที่มีงานอดิเรกเป็นนักวิ่งโดยเฉพาะ
ลู่เฉินมาถึงเร็วเกินไปหน่อย ภายใต้การแนะนำของลวี่เจ๋อ เขากับทีมถ่ายทำพูดคุยกัน ฟังฝ่ายหลังอธิบายจุดสำคัญของการถ่ายทำ อย่างน้อยโฆษณาชุดนี้กล้องจะต้องเน้นไปที่ลู่เฉินเป็นหลัก
ผู้กำกับแนะนำนักแสดงสแตนอินให้ลู่เฉินรู้จัก
นักแสดงสแตนอินคนนี้เป็นโค้ชฝึกการออกกำลังกายมืออาชีพ แซ่หวาง อายุเกือบ 30 ปี
เขาตัวเตี้ยกว่าลู่เฉินเล็กน้อย แต่มัดกล้ามเนื้อบนร่างกายใหญ่โตอัดแน่น เวลาพูดคุยด้วยท่าทางขี้อาย เห็นได้ชัดว่าเป็นคนบุคลิกตรงไปตรงมา
ผู้กำกับบอกลู่เฉินว่า นักกีฬาคนนี้เคยเป็นทหารมาก่อน ปกติชอบการวิ่งออกกำลังกาย เคยเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งวิบากระดับประเทศจนได้รับรางวัลที่ห้าด้วยคะแนนอันโดดเด่น
หลังจากเข้าใจความหมายของผู้กำกับแล้ว ลู่เฉินคิดแล้วถามว่า “ผู้กำกับครับ ไม่ใช้นักแสดงสแตนอินได้ไหมครับ ให้คุณหวางแสดงท่าทางการวิ่งวิบากให้ผมดูก่อน แล้วที่เหลือผมจะจัดการเอง?”
“ไม่ใช้สแตนอิน?”
ผู้กำกับตกใจ มองลู่เฉินด้วยสายตาคาดไม่ถึง “คุณจะถ่ายฉากนี้ด้วยตัวเอง?”
ช่างกล้อง ช่างแสงและช่างแต่งหน้าที่อยู่ด้านข้าง…รวมทั้งโค้ชหวางมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ
เรื่องของความเป็นมืออาชีพต้องให้มืออาชีพเป็นผู้ทำ แม้การใช้สแตนอินจะยุ่งยาก ต้องใช้การตัดต่อและแก้ไขเพื่อไม่ให้จับความผิดปกติได้ ทั้งยังต้องเพิ่มความยากให้แก่ช่างกล้องด้วย
แต่ยังดีกว่าให้ลู่เฉินไปเผชิญอันตรายเอง!
ในบทพระเอกต้องกระโดดข้ามราวบันไดอย่างคล่องแคล่ว แล้วกระโดดข้ามแปลงดอกไม้ที่กว้างถึง 3 เมตร ถ้าร่างกายไม่ยืดหยุ่นและคล่องตัวมากพอไม่มีทางทำได้ ถ้าไม่รู้เทคนิคก็อาจบาดเจ็บได้
ผู้กำกับรู้สึกว่าลู่เฉินไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แน่นอนว่าเขาปิดบังอารมณ์หงุดหงิดของตัวเองไว้อย่างมิดชิด
ผู้กำกับโฆษณาไม่ใช่ผู้กำกับภาพยนตร์ ระดับแตกต่างกันมาก ศิลปินไม่กล้าผิดใจด้วย
ดังนั้นเขาทำได้เพียงอธิบาย “มันอันตรายเกินไป พวกเราไม่อยากให้เกิดความเสี่ยงมากขนาดนั้น ขอให้คุณเข้าใจด้วย”
ลู่เฉินยิ้ม ไม่ได้ดื้อดึงกับความคิดของตัวเองต่อ เขาเลือกที่จะเคารพการตัดสินใจของผู้กำกับ “อย่างนั้นก็ได้ครับ…”
ผู้กำกับแอบเบาใจลง
เขากำกับการถ่ายทำโฆษณามามาก รู้ว่าเหล่าดาราศิลปินขี้ตื้อมากแค่ไหน!
ลู่เฉินไม่ได้เป็นคนแบบนั้น เป็นคนคุยด้วยง่ายคนหนึ่ง
หลังจากปลอบประโลมลู่เฉินแล้ว ผู้กำกับยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ขมวดคิ้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar