ตอนที่ 192 ไม่น่าเชื่อ – ตอนที่ต้องอ่านของ (นิยายแปล) Perfect Superstar
ตอนนี้ของ (นิยายแปล) Perfect Superstar โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายSlice of Lifeทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 192 ไม่น่าเชื่อ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 192 ไม่น่าเชื่อ
การวิ่งวิบากปากัวร์ ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก มันใช้สถานที่ในชีวิตประจำวันเป็นสนามออกกำลังกาย อาศัยกำลังร่างกาย เพื่อเพิ่มความเร็ว วิ่งไปในสภาพแวดล้อมที่ทั้งคาดเดาได้และคาดเดาไม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การวิ่งวิบากเกิดขึ้นครั้งแรกที่ฝรั่งเศส เข้าสู่ประเทศจีนเมื่อปี 2000 ผ่านการพัฒนามาอีกสิบกว่าปี กลายเป็นกีฬาที่วัยรุ่นนิยมทดลองชนิดหนึ่ง มีการจัดการแข่งขันวิ่งวิบากเพื่อชิงเงินรางวัลจำนวนมาก
เซินฉีเป็นแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาที่เอาใจวัยรุ่น กลุ่มตลาดเป้าหมายคือวัยรุ่นที่ชอบออกกำลังกาย ด้วยเหตุนี้การโฆษณาจึงใช้การวิ่งวิบากเป็นตัวชูโรง เพื่อให้เกิดการประชาสัมพันธ์ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย
บริษัทโฆษณาอิ๋นหม่าเชิญลู่เฉินมาเป็นพรีเซนเตอร์ ใช้กล้องพิเศษสำหรับถ่ายการวิ่งวิบากและใช้นักแสดงสแตนอินมืออาชีพ เอ่ยได้ว่าเป็นการเตรียมการที่พรักพร้อม แต่ใครต่างคิดไม่ถึงว่าการถ่ายทำวันแรกจะเกิดปัญหา
สำหรับกีฬาวิ่งวิบาก การได้รับบาดเจ็บถือเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้เตรียมการป้องกันให้พร้อม มักเกิดปัญหาได้ง่ายมาก โค้ชหวางเป็นมืออาชีพคนหนึ่ง แต่ก็ยังไม่อาจป้องกันอุบัติเหตุไม่ให้เกิดขึ้นได้
แต่สำหรับผู้กำกับ นี่เป็นเรื่องหายนะที่สุด
โฆษณาชิ้นนี้ต้องรีบถ่ายทำให้เสร็จ บริษัทโฆษณาอิ๋นหม่ากับเซินฉีทำสัญญาร่วมกัน ถ้างานไม่เสร็จตามเวลาที่กำหนด ชื่อเสียงและผลประโยชน์ของบริษัทจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ไม่เช่นนั้นคงไม่ต้องรีบให้ถ่ายทำในวันที่สองของเทศกาลวันชาติจีนหรอก
โค้ชหวางได้รับบาดเจ็บ ทำให้เจ้าหน้าที่ในกองถ่ายเดือดร้อน แม้ในเมืองจินหลิงหรือเมืองรอบข้างจะหานักกีฬาวิ่งวิบากได้ไม่ยาก แต่จะหาคนที่มีความสูงไล่เลี่ยกับลู่เฉินนั้นไม่ง่าย
นักกีฬาวิ่งวิบากยิ่งตัวเล็ก ยิ่งคล่องแคล่วยิ่งดี
แต่ลู่เฉินสูงตั้ง 180 กว่า!
โค้ชหวางดิ้นรนลุกขึ้นยืน เขาคอตก สีหน้าละอายใจ “ผู้กำกับครับ ขอโทษจริงๆ”
เขาเป็นมืออาชีพ แต่ความผิดพลาดนี้ทำอย่างหมดจด เป็นเพราะเขาประมาทเลินเล่อเอง
ไม่ใช่ครั้งแรกที่โค้ชหวางรับบทสแตนอิน แต่เป็นครั้งแรกที่การถ่ายทำมีปัญหา
ข้อเท้าตัวเองแพลงไม่เป็นไร แต่ทำให้คนทั้งกองถ่ายทำงานต่อไม่ได้
ผู้กำกับยิ้มแห้ง “ช่างมันเถอะ นี่ไม่ควรโทษคุณหรอก ใครจะรับรองได้ว่าจะไม่เกิดเรื่องล่ะ”
“ผมให้ผู้ช่วยพาคุณไปโรงพยาบาลก่อน อย่างน้อยเอกซเรย์กระดูกดูหน่อย ค่ายาค่ารักษาพวกเราจะจัดการให้”
การบอกกล่าวกันปากต่อปากในวงการนี้สำคัญมาก นอกจากนักแสดงซูเปอร์สตาร์ ไม่เช่นนั้นหากไร้น้ำใจขาดความปรานีก็จะทำงานในวงการนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะกับนักแสดงสแตนอิน พวกเขาเอาชีวิตแลกเงิน หากเกิดบาดเจ็บจากการทำงานก็ต้องรับผิดชอบพวกเขา
ผู้กำกับคนนี้แซ่จง ทำงานในวงการมานานแล้ว รู้ซึ้งถึงหลักการในการทำงานดี
หวางไห่รีบโบกมือ “ไม่ต้องวุ่นวายขนาดนั้น ผมบาดเจ็บแค่เส้นเอ็นกล้ามเนื้อ ทายาสองวันก็หายแล้ว ไม่ต้องไปโรงพยาบาลให้ยุ่งยาก”
เขาเป็นคนตรงไปตรงมา
ผู้ช่วยนำยามาให้เขาทา
ผู้กำกับจงถอนใจอย่างหดหู่ ถามว่า “คุณรู้จักใครที่จะมาช่วยงานได้บ้างไหม”
“ผู้กำกับครับ…”
หวางไห่ยังไม่ทันตอบ ลู่เฉินที่เพิ่งเข้ามาถึงรีบพูดขึ้น “ให้ผมลองดูเถอะครับ!”
ผู้กำกับจงพูดไม่ออก “คุณลู่เฉิน ถ้าคุณเกิดบาดเจ็บขึ้นมา นั่นยิ่งเป็นเรื่องใหญ่นะครับ!”
นักแสดงสแตนอินเกิดปัญหา ยังหาคนเปลี่ยนตัวได้ แต่ถ้าพระเอกมีปัญหาจะเปลี่ยนใครมาแทน
เหลวไหล!
ในใจเขาเกิดไฟโทสะขึ้น จนไม่อยากจะอธิบายกับลู่เฉินแล้ว
ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อย “ผู้กำกับจง ผมออกกำลังกายเป็นประจำ ผมคิดว่าแค่วิ่งวิบากผมทำได้แน่นอน พวกเราลองถ่ายฉากแรกที่กระโดดข้ามกองกล่องก่อน ถ้าไม่มีปัญหาค่อยถ่ายฉากที่สองเป็นยังไง”
เขาเน้นย้ำอีกประโยค “ดีกว่ารอต่อไปแบบนี้!”
คำพูดนี้แทงใจดำผู้กำกับอย่างแรง การถ่ายทำในโรงถ่ายหนังนี้ไม่ได้ฟรี ถ้าวันนี้ถ่ายไม่จบพรุ่งนี้ต้องถ่ายต่อ เสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย แล้วยังต้องจ่ายค่าเช่าสถานที่ด้วย
ถ้าอย่างนั้นก็ลองดู!
ผู้กำกับจงกัดฟันตอบ “ได้ คุณต้องระวังให้มาก ห้ามฝืนเกินกำลังเด็ดขาด!”
ฉากแรกที่ต้องกระโดดข้ามกล่องลังกระดาษ ไม่ค่อยอันตรายมากนัก
ลู่เฉินยิ้ม “ผมรู้ครับ”
ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ผู้กำกับจงไม่ลังเล รีบสั่งลูกน้องให้เตรียมการทันที
“เตรียมกล้องถ่าย เตรียมตั้งตำแหน่ง!”
“พวกนายอย่าเอาแต่ยืนดูอยู่ ไปกันนักท่องเที่ยวทางนั้นออกไป!”
“ช่างแต่งหน้า แต่งหน้าเพิ่มให้ลู่เฉิน…”
หลังจากนั้นสิบนาที ลู่เฉินในชุดออกกำลังกายเซินฉี สวมรองเท้าเซินฉี สะพายเป้กีฬาเซินฉี บอกได้ว่าเป็นชุดออกรบเต็มตัวก้าวออกมาสู่ถนนคนเดิน ทำการวอร์มอัพร่างกาย
ด้านหน้าห่างออกไปสิบกว่าเมตรตรงประตูทางเข้าร้านดอกไม้ มีกองกล่องลังกระดาษใบใหญ่สามใบ ในนั้นบรรจุช่อดอกกุหลาบสีสันสดใส ยังมีละอองน้ำเกาะอยู่ด้านบน
ด้านซ้ายของลู่เฉิน ช่างกล้องควบคุมกล้องคุณภาพระดับสูงตัวใหญ่จับภาพมาที่เขา
ผู้ช่วยช่างภาพอยู่ด้านข้างเตรียมช่วยดันรถรางกล้อง
“ทุกตำแหน่งเตรียมพร้อม!”
“ไล่ไปตามถนน ฉากแรกเริ่มได้”
“แอคชั่น!”
รอบนี้จึงถ่ายได้สำเร็จสวยงาม การแสดงของลู่เฉินสมบูรณ์แบบ!
แต่ท่าทางการถ่ายทำในฉากที่สองจะยุ่งยากแล้ว
ลู่เฉินจะต้องวิ่งเร็วมาตามทางเดิน เหยียบขึ้นบันไดกระโดดขึ้นสูงแล้วใช้มือจับกับราวบันได ออกแรงดันตัวเองให้ข้ามแปลงดอกไม้ที่มีความกว้างไม่ต่ำกว่าสองเมตร สุดท้ายลงสู่พื้นหญ้า ระดับความยากเกินกว่าคนธรรมดาจะทำได้
เมื่อครู่หวางไห่ทำท่านี้ข้อเท้าถึงได้แพลง!
ผู้กำกับจงกังวลกับการแสดง เพราะลู่เฉินไม่ใช่นักกีฬาวิ่งวิบากมืออาชีพ แม้แต่งานอดิเรกก็ยังไม่ใช่ จะให้เขาทำท่ายากๆ นี้เป็นความท้าทายอย่างสูง
เขาคิดแล้วจึงบอกกับลู่เฉินว่า “หรือท่านี้ตัดต่อเอาทีหลังเถอะ!”
ตัดต่อเอาทีหลังหมายความว่าอาศัยเทคนิคกรีนสกรีน ร่วมกับการใช้เชือกสลิง ความสูงหรืออันตรายมากแค่ไหนก็ทำได้สำเร็จ
ยุ่งยากอยู่เหมือนกัน ถึงแม้ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่เท่ากับที่ถ่ายทำจริง แต่ดีกว่าให้ลู่เฉินเกิดเรื่อง
โรงถ่ายภาพยนตร์มีซุ้มถ่ายทำกรีนสกรีนโดยเฉพาะ
ลู่เฉินรู้ความหมายของคำว่าตัดต่อเอาทีหลังดี เขายิ้มบอกว่า “ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้น ผู้กำกับจง ให้ผมลองดูก่อนสักครั้ง ถ้าได้ก็ถ่ายทำจริง ถ้าไม่ได้ค่อยคิดหาทางต่อไป”
ผู้กำกับจงคิดไปคิดมา ก็ตอบตกลง
การแสดงในฉากแรกของลู่เฉินทำให้เขาเชื่อมั่นมากขึ้น ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้ารับปาก
แม้จะเป็นการซ้อม ผู้กำกับจงยังสั่งให้พนักงานทั้งหมดทำเหมือนการถ่ายจริง
ลู่เฉินเผชิญหน้ากับกล้องติดตาม ไม่ได้รู้สึกเกร็งแต่อย่างใด เขาวิ่งไปข้างหน้าตามทางเท้า ภายในพริบตาก็ถึงขั้นบันไดของจตุรัส แล้วกระโดดขึ้นสูง!
ช่วงเวลาถัดมา หัวใจของทุกคนลุ้นระทึก!
เห็นลู่เฉินลอยตัวอยู่กลางอากาศ มือขวาจับที่ราวบันไดแน่นหนา ใช้กำลังแขนส่งตัวทะยานไปข้างหน้าเลยพ้นแปลงดอกไม้กว้างสองเมตรไปได้ ราวกับพญาอินทรีย์บินร่อนอยู่กลางเวหา แล้วลงจอดที่พื้นหญ้า
ลู่เฉินลงถึงพื้นโดยการก้มย่อตัวตามความเคยชิน เขาใช้มือซ้ายดันพื้นเพื่อพยุงตัว จากนั้นก็เด้งตัวลุกขึ้นด้วยพละกำลังมหาศาลอีกครั้ง พุ่งตัวไปข้างหน้าสู่จตุรัสต่อไป
ทุกคนตะลึงอ้าปากค้าง!
หวางไห่ลุกขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ จนไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า
ลู่เฉินเพิ่งทำท่านี้เรียบร้อย อย่าว่าแต่คนธรรมดาเลย ต่อให้เป็นนักวิ่งวิบากมืออาชีพยังไม่อาจทำได้ดีเท่านี้!
เมื่อก่อนเขาไม่เคยวิ่งวิบากจริงเหรอ
หวางไห่ไม่อยากเชื่อ!
………………………………………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar