ตอนที่ 226 ลู่เฉินร้องเพลงให้เฉินเฟยเอ๋อร์
ลู่เฉินไม่เคยคิดมาก่อน ว่าวันหนึ่งตัวเองจะได้กอดเทพธิดาซึ่งเป็นที่รักของคนนับพันนับหมื่นไว้ในอ้อมแขน
เฉินเฟยเอ๋อร์มีรูปร่างที่ดีมาก ขาเรียวยาวเอวบาง หุ่นสมส่วน สวยเหมือนดั่งหยก กลิ่นหอมราวดอกไม้
เขากอดเธอ เหมือนกับได้กอดทั้งโลกเอาไว้
พอใจเป็นที่สุด
เฉินเฟยเอ๋อร์เองก็ไม่ได้ขัดขืนกับพฤติกรรมสิเน่หาที่ใจกล้าของลู่เฉิน ตรงกันข้ามกลับซบหน้ากับแผ่นอกที่กว้างและหนาของคนหลัง รอยยิ้มแสนหวานปรากฏขึ้นที่มุมปาก สองมือโอบเอวของเขาอย่างแผ่วเบา
ภายในห้องทำงานเล็กๆ ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่อ่อนโยนละมุนละไม
ไม่ต้องพูดก็เข้าใจทุกอย่าง
ผ่านไปนานพักหนึ่ง เฉินเฟยเอ๋อร์จึงเงยหน้าขึ้น ถลึงตามองลู่เฉินแล้วแสร้งทำเป็นดุว่า “กอดพอหรือยัง”
ลู่เฉินหัวเราะฮิๆ ทันใดนั้นก็ก้มหน้าลงจูบหน้าผากของเธอหนึ่งที
เฉินเฟยเอ๋อร์หน้าแดงเป็นลูกตำลึง นิ้วมือเรียวยาวขาวนวลจึงบิดไปที่เอวของลู่เฉินหนึ่งที หยิกแรงพอสมควร
ลู่เฉินรู้ว่านี่คือขีดจำกัดที่เธอสามารถรับได้แล้ว จึงปล่อยมืออย่างอาลัยอาวรณ์
ถึงอย่างไรเฉินเฟยเอ๋อร์ก็ไม่ใช่สาวน้อยวัยรุ่นอายุสิบกว่าปี จึงหายจากความเขินอายอย่างรวดเร็ว
เธอจัดผมยาวที่ยุ่งเหยิงของเธอ แล้วถามว่า “บทละครเรื่องนี้ของนายจะเขียนเสร็จเมื่อไรเหรอ”
ลู่เฉินดึงมือของเธอ กลับไปนั่งอีกครั้งแล้วกล่าวว่า “อีกประมาณสองอาทิตย์ครับ”
บทละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ มีทั้งหมดยี่สิบตอน คำนวณจากจำนวนคำเฉลี่ยอยู่ที่หนึ่งหมื่นห้าพันคำต่อหนึ่งตอน เช่นนั้นจำนวนคำทั้งหมดก็คือสามแสนคำ ซึ่งเท่ากับนวนิยายเรื่องยาวเรื่องหนึ่ง
หักลบส่วนที่เขียนเสร็จแล้ว ความเร็วในการเขียนเฉลี่ยสองหมื่นกว่าคำต่อวันถือว่าน่าตกใจมาก แต่ลู่เฉินมีความทรงจำในโลกแห่งความฝัน เวลาเขียนบทจึงไม่ยากมาก จะมีก็แต่โครงเรื่องที่ต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม
ถึงอย่างไรนี่ก็คือละครเกาหลี
เฉินเฟยเอ๋อร์ประหลาดใจ “เร็วมากจริงๆ อ้อใช่ ทำไมตัวละครที่อยู่ในเรื่องถึงใช้ชื่อออกแนวเกาหลีล่ะ”
ถึงแม้เธอจะเป็นราชินีแห่งวงการเพลง แต่ก็คุ้นเคยกับวงการภาพยนตร์โทรทัศน์เป็นอย่างดี เธอจึงรู้ว่าการเขียนบทไม่ใช่เรื่องง่าย
ลู่เฉินใช้เวลาสิบกว่าวันก็สามารถเขียนบทละครได้เรื่องหนึ่ง หนำซ้ำยังเป็นเนื้อหาต้นฉบับ!
เฉินเฟยเอ๋อร์จึงตกใจมาก
และชื่อพระเอกนางเอกกับตัวประกอบที่อยู่ในเรื่อง อย่างเช่น อิ่นจวิ้นซี (ยุนจุนโซ) อิ่นเอินซี (ยุนอุนโซ) หานไท่ซี (ฮันเทซก) ชุยซินอ้าย (ชิเน่) แต่ละชื่อล้วนเป็นสไตล์เกาหลี
ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ง่ายมากครับ ถ้าหากละครเรื่องนี้ได้ถ่ายทำออกมา ผมอยากจะส่งกลับไปสร้างกระแสที่เกาหลีบ้าง”
ส่งกลับไปสร้างกระแสที่เกาหลี!
สีหน้าของเฉินเฟยเอ๋อร์แปลกไปทันที…เธอคิดไม่ถึงว่าความทะเยอทะยานของลู่เฉินจะสูงมากขนาดนี้!
วัฒนธรรมแฟชั่นในประเทศ เพลงป็อปและละครโทรทัศน์ต่างก็ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศเกาหลี อย่างเช่นในปัจจุบันจะนิยมละครวัยรุ่นที่นำแสดงโดยไอดอลประเภทคุณชายผู้ร่ำรวยแมรี่ซู หนุ่มหล่อกับสาวสวยมากมายก่ายกอง นี่คืออิทธิพลจากละครเกาหลี
หลายปีที่ผ่านมา มีละครดังเกาหลีหลายเรื่องถูกนำเข้ามาในประเทศ ทั้งหมดทำเรตติ้งสูงมาก
สิ่งที่เรียกว่าส่งกลับไปสร้างกระแส ก็คือการถ่ายทำละครในประเทศแล้วเอากลับไปแข่งขันชิงตลาดที่ญี่ปุ่นและเกาหลี
แต่ละครที่ส่งกลับไปสร้างกระแสที่ญี่ปุ่นและเกาหลีได้สำเร็จ โดยทั่วไปแล้วจะเป็นละครประวัติศาสตร์ที่สร้างมาอย่างดีมีการลงทุนมหาศาล แล้วก็ยังมีละครแนวเทพเซียนอีกด้วย
ละครวัยรุ่นไอดอลที่ถ่ายทำในประเทศมีมากมาย ที่เอาไปฉายที่ญี่ปุ่นกับเกาหลีก็มีเป็นตัวอย่างมาแล้ว แต่เรตติ้งกลับไม่ดีทั้งนั้น
เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะละครแนวนี้เป็นของที่คนอื่นเล่นจนเหลือทิ้งแล้ว แล้วจะมีตลาดรองรับได้อย่างไร
ดังนั้นในสายตาของเฉินเฟยเอ๋อร์ ลู่เฉินคิดเพ้อฝันไปไกลมาก หนำซ้ำเขายังเขียนละครแนวดราม่าที่พบเห็นได้น้อยมากอีกด้วย
ละครวัยรุ่นไอดอลที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในยุคนี้ ส่วนใหญ่เป็นละครที่ลงเอยด้วยความสุข!
เฉินเฟยเอ๋อร์ชอบเรื่องนี้มาก การสั่งสมประสบการณ์ชีวิตและการตกตะกอนทางความคิดของเธอ ทำให้เธอเข้าใจถึงพลังของละครเศร้า
แต่ผู้ชมกระแสหลักของละครวัยรุ่นไอดอล กลับเป็นพวกเด็กวัยรุ่นที่ ‘หัวใจเปราะบาง’!
แค่เห็นตัวเอกถูกทารุณนิดๆ หน่อยๆ ก็ร้องไห้โฮรับไม่ได้ เหมือนอย่างนิยายออนไลน์ที่เป็นที่นิยม มีนักเขียนไม่กี่คนที่เขียนนิยายเศร้า…คนที่เขียนเรื่องแบบนี้ส่วนใหญ่จะไม่มีเงิน จนต้องไปขอข้าวคนอื่นกิน
คนที่ชอบดูละครแนวดราม่าส่วนใหญ่จะเป็นแม่บ้านที่มีอายุแล้ว มักจะดูละครความรักของคนในเมืองเป็นหลักเช่นละครที่เกี่ยวกับวิกฤติของวัยกลางคน ความขัดแย้งของแม่สามีกับลูกสะใภ้ ความขัดแย้งของสังคมเมืองกับชนบท
สำหรับละครวัยรุ่นไอดอลอย่าง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ดูจะเศร้ามากเกินไป!
เฉินเฟยเอ๋อร์คิดว่าเรื่องนี้ดีมาก ยินดีสนับสนุนให้ลู่เฉินถ่ายทำออกมา และตัวเองก็ยอมเล่นเป็นนางเอก
แต่เธอไม่ได้คาดหวังมากเกี่ยวกับเรตติ้งผู้ชม…แค่ได้ออนแอร์ในสถานีโทรทัศน์ก็ถือว่าสำเร็จแล้ว
แน่นอนว่าเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่อยากโจมตีความกระตือรือร้นและความมั่นใจของลู่เฉิน เธอรู้ว่าครั้งที่แล้วลู่เฉินได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจจากการเทสต์หน้ากล้อง อย่างนั้นตอนนี้หากจะเอาแต่ใจสักหน่อย แล้วจะเป็นไรไป?
ดังนั้นราชินีคนนี้จึงพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันรู้จักประธานของสถานีโทรทัศน์เคจีเอสของเกาหลี อาจจะช่วยได้”
เฉินเฟยเอ๋อร์เคยร่วมงานเทศกาลร้องเพลงจีน-เกาหลี จีน-ญี่ปุ่นหลายครั้ง และเจ้าภาพจัดงานเทศกาลร้องเพลงจีน-เกาหลีก็คือสถานีโทรทัศน์เคจีเอสที่ใหญ่เป็นอันดับสามของเกาหลี นอกจากนี้เธอยังได้รับความนิยมและมีแฟนคลับจำนวนไม่น้อยอยู่ในประเทศเกาหลี
ลู่เฉินยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ผมก็แค่คิดเท่านั้น อย่างแรกต้องถ่ายละครออกมาให้ได้ก่อน คิดเสียว่าเป็นการฝึกฝนตัวเองก็แล้วกัน”
“ความจริงเดิมทีผมก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร แต่ตอนนี้มีเฟยเอ๋อร์ยอมเป็นนางเอกให้ผมแล้ว ผมคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะได้เรตติ้งผู้ชมทั่วประเทศเพิ่มอีกหนึ่งถึงสองเปอร์เซ็นต์มั้ง”
เฉินเฟยเอ๋อร์ขำคำพูดของเขาทันที อดไม่ได้ที่จะมองบนใส่เขา “คนช่างพูด!”
เรตติ้งผู้ชมทั่วประเทศหนึ่งถึงสองเปอร์เซ็นต์ ถือว่าเป็นละครโทรทัศน์ที่ดังมาก และตอนนี้ก็ไม่ใช่ยุค 80-90 อีกแล้ว
เธอกล่าวว่า “ฉันจะช่วยติดต่อบริษัทผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์ที่เก่งๆ แห่งหนึ่งให้กับนาย ในเมื่อเป็นละครสุดสัปดาห์ งั้นก็ไม่ต้องรีบเขียนบทขนาดนั้น ถ่ายไปเขียนไปก็ได้”
ลักษณะเด่นที่ใหญ่ที่สุดของละครสุดสัปดาห์ คือมีความยืดหยุ่นสูงมาก หลังจากออนแอร์ส่วนที่ถ่ายทำเสร็จไปสองสามตอนแล้ว ก็สามารถปรับเปลี่ยนเรื่องราวและตัวละครตามการตอบสนองของผู้ชมได้
ตอนนี้ละครสุดสัปดาห์ในประเทศมีการเติบโตมาก บริษัทถ่ายทำภาพยนตร์โทรทัศน์มีประสบการณ์มีขั้นตอนการผลิตที่สมบูรณ์แบบ ใช้การตัดต่อเบื้องหลังด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ถ้าไม่นับต้นทุนค่าตัวนักแสดง ต้นทุนการถ่ายทำลดลงเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน
สิ่งที่ยากของจริงก็คือ จะผลักดันผลงานเข้าสู่ตลาดได้อย่างไร…อย่างแรกเลยต้องมีผู้ซื้อ
บริษัทผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ในเมืองหลวงมีมากมายราวกับขนวัว คนที่ทำมาหากินกับอาชีพนี้ไม่รู้ว่ามีตั้งเท่าไร และทรัพยากรของสถานีโทรทัศน์ใหญ่ก็มีจำกัดมาก หากไม่มีเส้นสายที่มากพอ อยากจะได้ออกอากาศในช่องที่ได้รับความนิยมคือความฝันของคนเพ้อเจ้อชัดๆ
ถึงแม้จะเป็นเว็บซีรีส์ก็ตาม เว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่มีอัตราการกดไลก์สูงก็ยังพิถีพิถันมากเหมือนกัน
แน่นอนว่ามีเฉินเฟยเอ๋อร์เป็นนางเอกแล้ว ต่อให้ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เป็นละครแนวดราม่า ก็ไม่ถึงขั้นที่จะไม่มีใครถามถึงอย่างเด็ดขาด แต่เรตติ้งผู้ชมทั่วประเทศหนึ่งถึงสองเปอร์เซ็นต์เธอกลับไม่กล้าคิดจริงๆ!
ลู่เฉินจับมือของเฉินเฟยเอ๋อร์แล้วพยักหน้า ถึงแม้จะไม่เอ่ยพูดว่าขอบคุณ แต่แววตาก็มากพอที่จะอธิบายทุกอย่างแล้ว
ถ้าหากไม่มีเฉินเฟยเอ๋อร์คอยช่วยเหลือ คงยากมากที่เขาจะหาหุ้นส่วนที่ไว้ใจได้ ถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็เป็นนักร้องไม่ใช่นักแสดงที่มีชื่อเสียง จึงไม่มีเส้นสายและทรัพยากรของตัวเองในวงการภาพยนตร์โทรทัศน์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar