ตอนที่ 229 ลูกตุ้มน้ำหนักที่สำคัญ
ครอบครัวอิ่นมีน้องสาวน่ารักเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน จวิ้นซีอายุสามขวบกับพ่อแม่ไปดูน้องเอินซีที่ห้องทารกแรกเกิดด้วยกัน ตอนที่พยาบาลไม่ทันสังเกต จวิ้นซีที่ซุกซนได้สับเปลี่ยนป้ายของเอินซีกับเด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ซึ่งเกิดในวันเดียวกัน แล้วเด็กของทั้งสองครอบครัวก็จับพลัดจับผลูถูกสลับตัวกัน
เวลาสิบกว่าปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว จวิ้นซีโตเป็นหนุ่มหล่อ แถมยังมีพรสวรรค์ด้านการวาดภาพทำให้เขามีอิทธิพลมากในโรงเรียน ส่วนเอินซีที่อายุสิบสี่ปีก็ฉลาดน่ารัก และยิ่งเป็นที่รักของคนในครอบครัว
จวิ้นซีผู้เป็นพี่ชายรักและโปรดปรานเอินซีผู้เป็นน้องสาวมาก ความรู้สึกของสองพี่น้องผูกพันแน่นแฟ้น
จิงเหอแม่ของจวิ้นซีก็รักและเป็นห่วงลูกสาวคนเดียวคนนี้เป็นอย่างมาก สภาพแวดล้อมในบ้านที่กว้างขวาง กับความอบอุ่นและอ่อนโยนของแม่ แถมยังมีพี่ชายที่เก่ง ทุกอย่างทำให้เอินซีกลายเป็นคนที่เพื่อนๆ ในโรงเรียนอิจฉา
…
กระดาษเอสี่ธรรมดา ราคาปกติอยู่ที่ห้าเหมา ใช้ตัวอักษร Simsun พิมพ์ออกมาโดยเครื่องพิมพ์เอกสารเลเซอร์ที่มีดีพีไอ[1]สูงมาก แต่ละบรรทัดมีความคมชัด การเรียงพิมพ์ก็เป็นระเบียบมาก ทำให้คนที่อ่านรู้สึกสบายตา
โครงเรื่องของบทละครเรื่องนี้มีประมาณห้าพันคำ เขียนเต็มหน้ากระดาษทั้งห้าแผ่น ต้นทุนการพิมพ์ไม่ว่าจะเป็นค่ากระดาษหรือค่าพิมพ์เอกสาร เมื่อเทียบกับตัวเนื้อเรื่องแล้ว สามารถมองข้ามเรื่องต้นทุนไปได้เลย
ในฐานะผู้จัดการฝ่ายธุรกิจของบริษัทกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์ส มีบทละครผ่านมือของหลู่อี้มามากมายนับไม่ถ้วน
เขาจึงเข้าใจถึงมูลค่าของบทละครที่ดีอย่างลึกซึ้ง
หลู่อี้เป็นคนเก่าคนแก่คนหนึ่งของบริษัทกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์ส เขาช่วยบุกเบิกมาพร้อมกับจางกานและจางเต๋อสองคนพี่น้องตั้งแต่แรก ครอบครองพื้นที่ลงหลักปักฐานในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยเสือหมอบมังกรซ่อนมาจนถึงทุกวันนี้ จึงเพียบพร้อมไปด้วยประสบการณ์และวิสัยทัศน์
บทละครที่ลู่เฉินให้เขาดูมีชื่อว่า ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ แค่ดูชื่อของมันก็รู้แล้วว่าเป็นละครแนวความรักของคนเมือง ในเมื่อลู่เฉินเตรียมที่จะให้ตัวเองเล่นเป็นพระเอก อย่างนั้นก็ต้องเดินสายของละครไอดอลวัยรุ่น
จุดเริ่มต้นของเรื่องสนุกและน่าสนใจมาก เด็กผู้หญิงสองคนเกิดมาก็ถูกสลับตัว โชคชะตาของพวกเธอสามารถกระตุ้นความสนใจของผู้ชมได้อย่างมาก
หลู่อี้ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจคนนี้ มีความเข้าใจงานของบริษัทเป็นอย่างดี และด้วยความจำเป็นของงาน เขาเคยดูภาพยนตร์โทรทัศน์มาแล้วอย่างน้อยพันเรื่อง ในความทรงจำไม่เคยมีโครงเรื่องที่คล้ายกันถูกถ่ายทำมาก่อน
ในฐานะละครสุดสัปดาห์ จุดเริ่มต้นเช่นนี้สามารถเป็นจุดขายที่ดึงดูดผู้คนได้
ปัจจุบันนี้อุตสาหกรรมภาพยนตร์โทรทัศน์มีการเติบโตอย่างพุ่งพรวด ได้รับความนิยมอย่างร้อนแรงไม่หยุดหย่อน แต่ความเจริญรุ่งเรืองของตลาด ก็นำปัญหาเข้ามามากมาย อย่างเช่นการทำละครแนวเดิมซ้ำๆ เลียนแบบสไตล์กันเป็นต้น
ถ้าหากละครเรื่องหนึ่งดังขึ้นมา เช่นนั้นก็จะมีคนลอกเลียนแบบกรูกันเข้ามาเป็นฝูงผึ้ง จนกว่าโครงเรื่องที่คล้ายกันจะถูกถ่ายทำซ้ำกันจนน่าเบื่อแล้วนั่นแหละจึงค่อยหยุดไป และกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศก็ไม่มีกฎบัญญัติที่เข้มงวดต่อพฤติกรรมแบบนี้ ขาดมาตรการควบคุม ฉะนั้นตลาดจึงต้องแก้ไขด้วยตัวเอง
ดังนั้นหากมีบทละครที่ดีมีความสร้างสรรค์ ก็เท่ากับประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
เรื่องนี้ของลู่เฉิน หลู่อี้คิดว่าน่าจะดี
แต่พออ่านต่อไป ไม่ช้าเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมจู้หมิงเหอถึงไม่สนใจบทละครเรื่องนี้
เป็นละครแนวดราม่า!
สไตล์แบบนี้สามารถพูดได้ว่าเป็นการสวนกระแสโดยสิ้นเชิง ท้าทายรสนิยมการดูของผู้ชมเป็นอย่างมาก
โดยทั่วไปแล้ว ละครสวนกระแสพวกนี้ถ้าหากสามารถรักษาคุณภาพของผลงานได้ ถ้าไม่ดังก็คือดับไปเลย!
แต่ความน่าจะเป็นของอย่างหลังสูงกว่าอย่างหน้ามาก
บริษัทผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์และผู้กำกับที่รนหาที่ตายใช่ว่าจะไม่มี ส่วนใหญ่แล้วมักจะล้มจนหาทิศทางไม่เจอ
การพัฒนาเติบโตในหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ตลาดละครโทรทัศน์มีการกำหนดตำแหน่งทางการตลาดชัดเจนมาก
ละครวัยรุ่นในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่จะเดินสายละครตลกคอมเมดี้ ละครตลกโครมคราม หรือไม่ก็ละครที่ทำให้ประหลาดใจ
ถ้าอยากจะทำละครแนวรักดราม่า งั้นก็ถ่ายละครวัยกลางคนเถอะ!
ถ้าอยากจะข้ามแดน อย่างนั้นก็ต้องยอมรับความล้มเหลว และตระหนักรู้ถึงการสูญเสียต้นทุน
พออ่านโครงเรื่องอย่างตั้งใจจนจบแล้ว หลู่อี้รู้สึกปวดฟันมาก
ความเสี่ยงสูงเกินไป การถ่ายทำละครเรื่องนี้เหมือนกับการพนัน หากชนะพนันก็ได้กำไรก้อนโต ถ้าหากแพ้พนัน…
แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้หลู่อี้ยอมแพ้ทันที อย่างแรกเลยเพราะเป็นละครสุดสัปดาห์ ควบคุมต้นทุนได้ง่าย ใช้วิธีการถ่ายทำไปด้วยออนแอร์ไปด้วย ไม่มีทางถึงขั้นที่ถ่ายทำเสร็จหลายสิบตอนแล้วไม่มีใครเหลียวแล
ก็เหมือนกับการเขียนนิยายออนไลน์ ถ้าหากจำนวนคนกดติดตามแย่เกินไป ก็ปล่อยทิ้งร้าง…หยุดเขียนไปเลย
นอกจากนี้ลู่เฉินที่จะรับเล่นบทพระเอก ก็ถือว่ามีจุดขายอยู่เหมือนกัน
ความสับสนของหลู่อี้ ลู่เฉินเข้าใจดี เขาจึงยิ้มเฝื่อนๆ แล้วเอ่ยว่า “ผมรู้ครับ ว่าแนวนี้ไม่ค่อยน่าถ่ายทำ”
เขาเองก็เสียใจเล็กน้อย ก่อนที่จะเขียนบทละครไม่ได้ศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดภาพยนตร์โทรทัศน์ในประเทศให้ดี
หากรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเขียน ‘ชายผู้มาจากดวงดาว’ น่าจะดีกว่า ต้นทุนการผลิตอาจจะสูงขึ้น แต่อย่างน้อยก็หาผู้ร่วมงานได้ง่าย
แต่ความคิดเสียใจภายหลังเกิดแวบขึ้นมาในหัวของลู่เฉินเพียงครู่เดียว ถ้าหากไม่มีคนยอมลงทุนถ่ายทำด้วยจริงๆ เขาก็จะเอาเงินของตัวเองลงทุนทั้งหมด…แน่นอนว่าวิธีแบบนี้จะก่อให้เกิดต้นทุนและความเสี่ยงที่สูงขึ้น นี่คือตัวเลือกสุดท้ายถ้าหากหมดหนทางจริงๆ
หลู่อี้ยิ้มเอ่ยว่า “แนวเรื่องอาจจะแหวกแนวนิดหน่อย แต่เนื้อเรื่องดีมาก ผมคิดว่าผู้หญิงน่าจะชอบ…”
หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เขาจึงค่อยถามว่า “คุณลู่เฉิน ถ้าหากบริษัทของพวกเราอยากจะร่วมงานกับคุณ คุณมีความต้องการอะไรบ้างครับ”
เมื่อครู่หลู่อี้ได้ยินบทสนทนาระหว่างลู่เฉินกับจู้หมิงเหออยู่บ้าง แต่ไม่ได้ตั้งใจฟังทั้งหมด
ลู่เฉินครุ่นคิด แล้วตอบว่า “ความต้องการก็คือลงทุนร่วมกันครับ ผมสามารถเอาบทละครและค่าตัวมาคิดเป็นหุ้นส่วนในนี้ ไม่ต้องจ่ายเพิ่มเติม นอกจากนี้ตัวนางเอกก็กำหนดไว้แล้ว และผมอยากจะแนะนำผู้กำกับคนหนึ่ง แน่นอนว่าการเลือกผู้กำกับสามารถปรึกษากันได้ครับ”
การร่วมหุ้นผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์ร่วมกันเป็นวิธีที่เห็นบ่อยมาก ดังนั้นหลู่อี้จึงไม่คัดค้าน และการที่ลู่เฉินเอาบทละครกับค่าตัวมาคิดเป็นเงินลงทุน ก็มีประโยชน์กับบริษัทผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์ เพราะความเสี่ยงจากการลงทุนลดลง
แต่ว่าลู่เฉินจะเล่นเป็นพระเอก นางเอกก็เลือกแล้ว แถมยังต้องการผู้กำกับ…
เขาจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเหมือนจู้หมิงเหอ แล้วถามว่า “คุณลู่เฉินครับ คุณอยากแนะนำผู้กำกับคนไหนครับ”
ลู่เฉินกล่าวอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา “รู้จักผู้กำกับฟางฮุ่ยไหมครับ ผมอยากแนะนำเธอ”
ฟางฮุ่ยเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในประเทศจีน ในวงการเธอมีชื่อเสียงจากการถ่ายทำภาพยนตร์โทรทัศน์ที่ถ่ายทอดอารมณ์อันละเอียดอ่อนของผู้หญิงออกมาได้ดี และเคยถ่ายทำมิวสิควิดีโอหลายชิ้น มีประสบการณ์มากมาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar