ตอนที่ 232 สัมภาษณ์คนดัง
“นี่คือลูกชายของฉัน…”
พี่หลีเปิดรูปภาพที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์ของตัวเอง แล้วให้ลู่เฉินดูด้วยความภาคภูมิใจ
เด็กชายบนหน้าจอมีความสดใสและหล่อเหลา อายุสิบห้าสิบหกปีซึ่งเป็นช่วงวัยรุ่ยพอดี เขาสวมใส่ชุดนักเรียนดูเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและพลัง ลักษณะเหมือนเด็กผู้ชายข้างบ้าน
เห็นได้ชัดว่าพี่หลีไม่ได้เอ่ยปากขอตัวละครแบบซี้ซั้ว หน้าตาและรูปลักษณ์ภายนอกของลูกชายของเธอเหมาะสมที่จะแสดงบทอิ่นจวิ้นซีตอนเป็นวัยรุ่นจริงๆ!
“ตอนนี้เขาเรียนชั้นมัธยมศึกษาในเครือวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่ง ผลการเรียนดีตลอด และเคยเรียนการแสดงขั้นพื้นฐานมาแล้ว”
พูดถึงลูกชายตัวเอง พี่หลีรู้สึกภาคภูมิใจอย่างเปี่ยมล้น เหมือนกับแม่คนอื่นทั่วไป
การแต่งงานของเธอ ในวงการมีคนกล่าวถึงอยู่บ่อยครั้ง
ตอนนั้นพี่หลีตั้งฐานที่มั่นในปักกิ่งและเริ่มขยายพัฒนาธุรกิจของเธอ ได้รู้จักกับศิลปินคนหนึ่งที่เข้าวงการมานานแล้วแต่ตกอับมาตลอด นอกจากนี้ก็ยังชอบอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง
ศิลปินคนนี้มีหน้าตาหล่อเหลาไม่ธรรมดา มีดวงนารีอุปถัมภ์มากมาย ตามหลักแล้วเขาไม่น่าจะชอบพี่หลีด้วยซ้ำ
แต่เขาก็แต่งงานมีลูกกับพี่หลี หลังจากได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากคนหลัง ในที่สุดก็อาศัยละครโทรทัศน์ฮอตฮิตเรื่องหนึ่งขึ้นไปเป็นดาวเจิดจรัสบนฟากฟ้าได้สำเร็จ กลายเป็นดาราดังที่หยิ่งยโส
หลังจากมีชื่อเสียงแล้ว ศิลปินคนนี้ก็ขอหย่ากับพี่หลี
พี่หลีก็ตอบตกลงอย่างเต็มใจ แต่ขอเพียงอย่างเดียวคือสิทธิ์ในการดูแลลูก
เวลาที่คนอื่นพูดถึง ต่างก็รู้สึกไม่พอใจแทนพี่หลี บอกว่าศิลปินคนนั้นเป็นเฉินซื่อเหม่ย[1]คนอกตัญญู แต่พี่หลีไม่เคยพูดเรื่องใดๆ ของอดีตสามีเลย ตรงกันข้ามยังช่วยพูดในแง่ดีให้เขาในโอกาสต่างๆ อยู่ไม่น้อย
เธอคิดว่าได้ครอบครองความทรงจำที่สวยงามช่วงหนึ่งก็พอแล้ว
นอกจากนี้ยังมีลูกชายที่สืบทอดยีนเด่นมาจากพ่อของเขาอีกด้วย!
ความใจกว้างมองโลกในแง่ดีและจริงใจแบบนี้ ทำให้พี่หลีได้รับการเคารพนับถือจากคนมากมาย
ลู่เฉินได้ฟังเรื่องเล่าตอนนี้ ก็รู้สึกนับถืออีกฝ่ายเช่นกัน
เรื่องนี้ตกลงกันได้เรียบร้อย กับกานเต๋อบราเธอร์ส์พิคเจอร์สที่มีความจริงใจในการร่วมงานเต็มเปี่ยม แค่ขอบทตัวประกอบที่ออกแค่สามสี่ตอนอีกสักตัวไม่มีปัญหาอะไร
ข้อตกลงการร่วมงานกันของทั้งสองฝ่ายได้รับการเห็นชอบแล้วส่วนใหญ่ ขอเพียงบทละครผ่านการตรวจสอบ ก็สามารถเริ่มถ่ายทำได้ทันที!
เวลาหนึ่งทุ่มของวันนั้น ลู่เฉินได้เขียนโพสต์บล็อกยาวบนบล็อกล่างฉาว เริ่มอัปเดตเนื้อหาละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เวอร์ชันนิยาย
เขาแตกต่างจากดาราศิลปินคนอื่นที่เวลาจะออกหนังสือ มักจะเชิญโกสต์ไรเตอร์หรือบุคคลมืออาชีพของสำนักพิมพ์ให้มาช่วยเกลาสำนวน ลู่เฉินเขียนละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เวอร์ชันนิยายด้วยตัวเองทั้งหมด และงานตรวจสอบคำผิดก็ให้คนของสตูดิโอช่วยเหลือเท่านั้น
นี่คือวิธีการโปรโมตที่สำคัญที่สุดในช่วงแรกของละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ถึงแม้การสปอยล์จะมีความเสี่ยงสูงมาก แต่ก็สามารถดึงดูดความสนใจของแฟนคลับได้อย่างล้นหลาม การใช้ประโยชน์ของแพลตฟอร์มขนาดใหญ่แบบนี้ สามารถประหยัดงบโฆษณาได้ไม่น้อย
วันที่ 13 เดือนพฤศจิกายน โครงเรื่องของละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ได้ผ่านการตรวจสอบและวินิจฉัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
ในวันเดียวกัน ลู่เฉินก็ได้ไปร่วมอัดรายการ ‘สัมภาษณ์คนดัง’ ช่องวาไรตี้ของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง
ช่วงนี้เขายุ่งมากๆ ตารางงานถูกจัดแน่นทุกวัน แม้แต่ตอนกลางคืนก็ยังต้องนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กดแป้นพิมพ์เพื่อเขียนบทละครและนิยาย เวลานอนพักผ่อนไม่เคยเกินหกชั่วโมง
ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาต้องยกเลิกงานออกรายการไปหลายอย่าง แต่มีการรับเชิญบางอย่างที่ปฏิเสธไม่ได้ และไม่สามารถปฏิเสธได้
อย่างเช่นรายการ ‘สัมภาษณ์คนดัง’ รายการนี้
สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งมีทั้งหมดเก้าช่อง นอกจากช่องสัญญาณดาวเทียมที่เป็นช่องที่หนึ่งของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งแล้ว ช่องที่สองคือช่องวาไรตี้ ช่องที่สามคือช่องเศรษฐกิจและการเงิน ช่องที่สี่คือช่องการใช้ชีวิต ช่องที่ห้าคือช่องภาพยนตร์และโทรทัศน์…เป็นต้น
รายการ ‘สัมภาษณ์คนดัง’ ของช่องวาไรตี้ เป็นรายการคุณภาพดีของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งช่องสอง มีประวัติการออกอากาศมาสามปีแล้ว ผลิตรายการสัปดาห์ละเทป จวบจนวันนี้ได้เชิญดาราศิลปินในวงการมามากกว่าหนึ่งร้อยคนแล้ว
เรตติ้งของรายการนี้ค่อนข้างสูง ลู่เฉินสามารถออกรายการได้ เป็นเพราะเขาเคยมีการร่วมงานที่ดีกับสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง ไม่อย่างนั้นด้วยประสบการณ์และคุณวุฒิของเขายังห่างอีกเยอะ
รายการ ‘สัมภาษณ์คนดัง’ ใช้วิธีการอัดและออกอากาศ เหมือนกับรายการวาไรตี้อื่นๆ อีกมากมาย สถานที่ในการถ่ายทำรายการคือห้องถ่ายรายการ T5 ของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง
เมื่อเทียบกับห้องถ่ายรายการขนาดใหญ่ T1 ที่เพิ่งเปิดใช้ไม่นาน ห้องถ่ายรายการ T5 เล็กกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย สามารถรองรับผู้ชมได้สามร้อยคนเท่านั้น เวทีก็ไม่ใหญ่มาก แต่ใช้อัดรายการประเภททอล์กโชว์ถือว่าเพียงพอแล้ว
พิธีกรของรายการ ‘สัมภาษณ์คนดัง’ ชื่อว่ามู่หรง เป็นผู้หญิงที่สวยสง่าฉลาดสุภาพอ่อนโยน สไตล์การพูดของเธอนั้นนุ่มนวลและตลกขบขัน ไม่เคยสัมภาษณ์ฉอดๆ จนอีกฝ่ายรู้สึกถึงแรงกดดัน แต่เหมือนกับเพื่อนสองคนมานั่งดื่มน้ำชายามบ่ายและพูดคุยกันมากกว่า พูดถึงความหนักใจในชีวิตและการทำงาน หรือไม่ก็ความเข้าใจในชีวิต
“สวัสดีตอนเย็นค่ะผู้ชมทุกท่าน ดาราที่ฉันได้เชิญมาให้ทุกคนในสัปดาห์นี้เป็นคนหนุ่มที่พิเศษมากๆ……”
“เขามีความสามารถทางด้านดนตรีที่เหนือคนอื่น เคยได้รับรางวัลชนะเลิศในรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ อัลบั้มแรกของเขาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้เพลงของเขาทุกเพลงยังติดชาร์ตเพลงฮิตอีกด้วย เขาถูกคนมองว่าเป็นความหวังใหม่ในการสร้างสรรค์งานของวงการเพลงป็อป และเขายังเป็นผู้สร้างเพลงบัลลาดร่วมสมัย…”
“เขาก็คือลู่เฉิน!”
ภายใต้การแนะนำที่ตื่นเต้นเร้าใจของมู่หรง เสียงเพลง ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ก็ดังขึ้น ลู่เฉินเดินขึ้นมาบนเวที
“ขอเสียงปรบมือต้อนรับแขกรับเชิญในวันนี้ค่ะ!”
เสียงปรบมือต้อนรับอย่างกระตือรือร้นดังขึ้นทันทีภายในห้องถ่ายรายการ แฟนคลับหลายคนที่ได้รับเชิญมายังห้องถ่ายรายการกำลังชูป้ายเล็กๆ ที่เขียนชื่อของลู่เฉิน ยิ้มดีใจเป็นพิเศษ
ลู่เฉินเดินเข้ามาพลางยิ้มเล็กน้อยขอบคุณพวกเธอ “ขอบคุณครับ!”
ผู้ชมสามร้อยคนที่อยู่ในนี้ มีครึ่งหนึ่งเป็นแฟนคลับของลู่เฉิน แฟนคลับผู้โชคดีเหล่านี้ลงสมัครผ่านทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์ สุดท้ายได้รับการคัดเลือกโดยสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar