ตอนที่ 233 เมื่อเธอแก่เฒ่า
ดาราดังทำกิจกรรมการกุศลเป็นเรื่องปกติมาก ประชาชนก็คุ้นเคยจนเห็นเป็นเรื่องปกติเหมือนกัน
อย่างเช่นเฉินเฟยเอ๋อร์ เธอจะออกเงินเพื่อทำกิจกรรมการกุศลเป็นจำนวนหลายล้านหยวนทุกปี แถมยังได้รับรางวัล ‘ทูตการกุศลหวาเซี่ย’ อีกด้วย เพราะฉะนั้นจึงได้รับการยอมรับจากทางการ
และเกียรติยศนี้ก็ทำให้เธอสามารถมองข้ามกฎในที่ลับและกฎในที่แจ้งมากมายในวงการได้ เท่ากับเพิ่มยันต์คุ้มภัยให้ตัวเอง
ดังนั้นจึงมีดารามากมายยินดีที่จะทำกิจกรรมการกุศล เพื่อยกระดับความมีชื่อเสียงและตำแหน่งในวงการของตัวเอง
ลู่เฉินบริจาคเงินให้แฟนคลับที่เป็นคนไข้ จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สลักสำคัญอะไร
แต่โครงการระดมทุนการกุศลช่วยเหลือเมิ่งเมิ่ง (ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว) ซึ่งริเริ่มจากเขา กลับไม่ธรรมดา
โครงการนี้สิ้นสุดลงในวันที่ 26 เงินระดุมทุนการกุศลที่ได้ทั้งหมดคือสี่ล้านเจ็ดแสนกว่าหยวน สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนได้ทั้งหมดสิบสองคนรวมถึงเมิ่งเมิ่งด้วย
บริษัทระดมทุนมู่เฉินได้ประกาศบัญชีรายจ่ายและการจัดการเงินทุนทั้งหมดบนเว็บไซต์ทางการเรียบร้อย
หลังผ่านการเผยแพร่ทางบล็อกล่างฉาว จากเดิมทีเป็นการกระทำส่วนตัวของลู่เฉิน แต่ภายใต้การสนับสนุนของบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการหลายคน จึงกลายเป็นกิจกรรมการกุศลที่ประชาชนทั่วประเทศเข้าร่วมด้วย สร้างอิทธิพลทางสังคมที่ยิ่งใหญ่มาก
ด้วยเหตุนี้ ลู่เฉินจึงถูกสัมภาษณ์จาก ‘หนังสือพิมพ์ไชน่ายูธเดลี’ ของพันธมิตรเยาวชนคอมมิวนิสต์จีน
มู่หรงสัมภาษณ์ลู่เฉิน โดยเน้นหนักในแง่มุมนี้ นอกจากเป็นการสร้างหัวข้อใหม่แล้ว ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นความถูกต้องทางการเมืองด้วย และวิดีโอสัมภาษณ์ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ได้รับการช่วยเหลือของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งก็ทำให้ผู้ชมประทับใจมากยิ่งขึ้น ประสิทธิผลของรายการจึงโดดเด่นมาก
คนที่อยู่ที่ในห้องถ่ายรายการไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับของลู่เฉิน คนทั่วไป หรือทีมงาน ต่างก็ปรบมือด้วยความจริงใจอย่างยวดยิ่ง
ในสายตาของพวกเขา ลู่เฉินได้ทำเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก
มีความหมายยิ่งกว่าตอนที่เขาช่วยเถียนเถียนด้วยความกล้าหาญด้วยซ้ำ
ลู่เฉินประนมมือทั้งสองข้าง แสดงความขอบคุณกับทุกคนด้วยความนอบน้อมถ่อมตัว
เขากล่าวอย่างจริงใจว่า “ผมรู้สึกละอายใจมาก ความจริงคนที่ออกแรงช่วยอย่างแท้จริงเป็นผู้ใจบุญจำนวนมาก หากไม่มีการช่วยเหลือจากทุกคน กิจกรรมการระดมทุนนี้ก็ไม่อาจประสบความสำเร็จได้ครับ”
“นอกจากนี้ยังต้องขอบคุณพี่ถานหง พี่เฉินเฟยเอ๋อร์…พวกเขาบริจาคเงินเยอะมากครับ”
มู่หรงเอ่ยพูดอย่างจริงจังว่า “ในสายตาของฉัน กิจกรรมระดมทุนการกุศลนี้กำลังบอกพวกเราว่า มีคนจิตใจดีมีเมตตามากมายนับไม่ถ้วนอยู่ข้างกายพวกเราค่ะ ยามที่พวกเราต้องการความช่วยเหลือ ก็จะมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยอยู่เสมอ!”
ลู่เฉินพยักหน้า “ใช่ครับ”
มู่หรงหันหน้าไปหาผู้ชม แล้วเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ฉันกับลู่เฉินคุยกันมาตั้งเยอะแล้ว ตอนนี้ควรจะให้โอกาสแก่ผู้ชมของพวกเราบ้าง มีใครมีคำถามอยากจะถามลู่เฉินไหมคะ”
รายการ ‘สัมภาษณ์คนดัง’ ยาวสี่สิบห้านาที อัดรายการมาจนถึงตอนนี้ใช้เวลาไปยี่สิบนาทีแล้ว
บทสนทนาระหว่างมู่หรงกับลู่เฉิน ส่วนใหญ่ถูกกำหนดกรอบเอาไว้แล้ว ไม่มีการพูดนอกเรื่อง
สำหรับรายการทอล์กโชว์แล้ว นี่เป็นกฎที่เข้มงวดมากเกินไปอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้นจึงมีช่วงถามคำถามจากผู้ชม
คำถามของผู้ชมไม่มีข้อจำกัดที่เข้มงวดอะไร นั่นคือการเพิ่มความสนุกและการมีปฏิสัมพันธ์กัน นอกจากนี้รูปแบบการบันทึกเทปรายการไว้ล่วงหน้าก็รับประกันได้ว่าจะไม่เกิดข้อผิดพลาดใดๆ ปราฏอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์แน่นอน
เพิ่งจะสิ้นเสียงของมู่หรง ในห้องถ่ายรายการก็มีแขนมากกว่าสองร้อยข้างยกขึ้นมาทันที
มู่หรงยิ้มเอ่ยว่า “ผู้ชมทุกคนกระตือรือร้นมากเลยนะคะ อย่างนั้นฉันจะเลือกให้ใครถามคำถามเป็นคนแรกดีนะ”
เธอครุ่นคิดพักหนึ่ง แล้วจึงเอ่ยว่า “ให้ลู่เฉินเป็นคนเลือกเองดีกว่าค่ะ!”
ลู่เฉินกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เขาชี้นิ้วไปที่สาวชุดกระโปรงสีขาวที่นั่งอยู่แถวหน้าคนหนึ่งอย่างมีมารยาท
สาวชุดกระโปรงสีขาวคนนี้อายุสิบกว่าปี เธอรับไมค์ที่ยื่นมาจากทีมงานในห้องถ่ายรายการ แล้วถามว่า “พี่ลู่เฉิน พี่มีแฟนไหมคะ”
เธอถามคำถามโดยตรงอย่างใจกล้า เสียงหัวเราะฮ่าๆ ดังขึ้นมาทั่วห้องถ่ายรายการทันที
มู่หรงก็หัวเราะ “คำถามนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวของลู่เฉินเลยนะคะ…”
ความจริงก็ไม่ถือว่าเกินขอบเขตอะไร หากเป็นคำถามที่ล้ำเส้นเกินไปก็จะถูกตัดออกตอนหลัง
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “แต่ก่อนมี ตอนนี้ไม่มีครับ อนาคตจะต้องมีแน่นอน ขอบคุณครับ!”
ทุกคนปรบมือและยิ้มตาม
สาวชุดกระโปรงสีขาวจึงถามอีก “อย่างนั้นพี่บอกได้ไหมคะว่าชอบผู้หญิงแบบไหน”
สายตาของเธอร้อนแรงมาก ไม่อาจปิดบังความชอบและความศรัทธาที่ตัวเองมีต่อลู่เฉินได้เลยสักนิด จึงถามตรงไปตรงมาแบบนี้!
ลู่เฉินครุ่นคิด แล้วจึงตอบว่า “ผมยังไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย ความจริงการชอบใครมันเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่ง รู้สึกว่าใช่ก็โอเคแล้วครับ ไม่จำเป็นต้องพูดว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนแบบไหน เพราะคนที่เพอร์เฟกต์ทุกอย่างไม่มีหรอกครับ”
ตอนที่ตอบคำถามนี้ หัวใจของเขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเฉินเฟยเอ๋อร์
ลู่เฉินชอบเฉินเฟยเอ๋อร์ใช่ไหม
ใช่
สาวชุดกระโปรงสีขาวอยากจะถามต่อ แต่มู่หรงไม่ให้โอกาสแล้ว และเชิญให้ลู่เฉินเลือกผู้ถามคำถามคนต่อไป
ลู่เฉินชี้ไปที่ผู้ชายคนหนึ่ง
อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้นมาก เกือบจะรับไมค์ที่ยื่นมาแทบไม่ทัน
เขาถามว่า “ลู่เฉิน ไม่ทราบว่าท่าสะบัดเสื้อผ้าช่วยคนในคลิปวิดีโอทำออกมาได้ยังไงครับ”
ลู่เฉินคาดไม่ถึงว่าเขาจะถามคำถามนี้
แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องปิดบังอะไร เขาตอบว่า “ท่านี้ของผมความจริงแล้วเป็นท่าหนึ่งของศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิม มีชื่อว่าฌ้อปาอ๋องถอดเกราะ หากฝึกบ่อยๆ คุณก็สามารถทำได้เหมือนกันครับ”
ชายหนุ่มมีดวงตาเป็นประกายทั้งสองข้าง “คุณสามารถแสดงให้ดูอีกครั้งได้ไหมครับ”
ลู่เฉิน “เอ่อ…”
มู่หรงมีความเข้าใจผู้อื่น “เพื่อนคนนี้ดูวิดีโอดีกว่านะคะ ถ้าแสดงตรงนี้ไม่น่าจะสะดวกค่ะ ขอบคุณค่ะ”
นี่คือรายการทอล์กโชว์ ไม่ใช่การแสดงศิลปะการต่อสู้ ความต้องการของเขาเกินเลยไปนิดหน่อย
ชายหนุ่มก็รู้สึกถึงความผิดพลาดของตัวเอง เขินอายหน้าแดงก่ำ
ลู่เฉินช่วยแก้สถานการณ์ให้อีกฝ่าย “เอาแบบนี้ดีกว่าครับ คราวหน้าผมจะถ่ายวิดีโอตอนฝึกศิลปะการต่อสู้แล้วอัปโหลดไปที่บล็อกนะครับ”
เขาเข้าใจความสงสัยใคร่รู้ของผู้ชายคนนี้เป็นอย่างดี
มีผู้ชายคนไหนบ้างที่ไม่เคยมีความฝันที่จะได้เป็นวีรบุรุษช่วยสาวงาม
ชายหนุ่มกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณครับ”
จากนั้นลู่เฉินก็เลือกให้ผู้ชมอีกสามคนถามคำถาม และตอบคำถามของพวกเขาทีละข้อ
สุดท้ายไมค์ก็กลับมาอยู่ในมือของมู่หรง
เธอถามว่า “ลู่เฉิน ตอนนี้คุณประสบความสำเร็จอย่างนี้แล้ว คุณอยากขอบคุณใครมากที่สุดคะ”
คำถามนี้เป็นคำถามที่เป็นทางการมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar