(นิยายแปล) Perfect Superstar นิยาย บท 234

ตอนที่ 234 อิทธิพล

การบันทึกเทปรายการ ‘สัมภาษณ์คนดัง’ สัปดาห์นี้ใช้เวลาเกือบเจ็ดสิบนาทีถึงจะเสร็จ

นั่นก็หมายความว่าเนื้อหาหนึ่งในสามส่วนจะถูกตัดออกไป ไม่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์

แต่ไม่เป็นไร เพลง ‘เมื่อเธอแก่เฒ่า’ เป็นไฮไลต์ที่มากพอสำหรับรายการ ‘สัมภาษณ์คนดัง’ ในสัปดาห์นี้แล้ว

สิ้นสุดการสัมภาษณ์แล้ว แต่มู่หรงยังอารมณ์ค้างอยู่

เธอดำเนินรายการมาเกือบร้อยครั้งแล้ว มีความรู้สึกที่คล้ายแบบนี้น้อยมากจริงๆ

และเพื่อเป็นการชดเชยความน่าเสียดายที่อยู่ในใจ มู่หรงจึงเชิญลู่เฉินไปนั่งในร้านกาแฟที่อยู่แถวสถานีโทรทัศน์เป็นการพิเศษ

เธอไม่ได้มาคนเดียว แต่ยังมีรองผู้อำนวยการฝ่ายรายการช่องวาไรตี้ของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งอีกคนหนึ่งมาเป็นเพื่อน

รองผู้อำนวยการคนนี้แซ่จู เป็นผู้ชายทางเหนือรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรง นิสัยตรงไปตรงมาและพูดจาเสียงดัง

แน่นอนว่าหัวหน้าจูไม่ได้ว่างมานั่งคุยเล่นเฉยๆ เขาสนใจละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ที่กำลังจะเริ่มถ่ายทำ

หรือจะพูดให้ถูกต้องก็คือ ช่องหมายเลขสองของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งสนใจละครเรื่องนี้มาก

ความจริงตั้งแต่ที่ลู่เฉินประกาศว่าจะถ่ายทำละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ในบล็อกล่างฉาว และหลังจากบอกว่าเฉินเฟยเอ๋อร์จะรับบทนางเอกของเรื่อง ก็มีหลายหน่วยงานให้ความสนใจกับละครสุดสัปดาห์เรื่องนี้เป็นจำนวนมาก

มีทั้งสถานีโทรทัศน์ มีทั้งเจ้าของโฆษณา และก็มีพ่อค้าคนกลาง มากไปกว่านั้นก็คือบริษัทบันเทิงเอเจนซี่ต่างๆ

คนหน้ามาถามราคา คนหลังอยากขอบทตัวละคร

ถึงแม้ลู่เฉินจะเป็นคนใหม่มากๆ ในวงการภาพยนตร์โทรทัศน์ แต่เมื่อมีคนดังอย่างเฉินเฟยเอ๋อร์เป็นเจ๊ดันแล้ว ต่อให้ถ่ายทำละครแย่ๆ ออกมา ก็ยังได้รับความสนใจมากอยู่ดี และยอมที่จะลงพนันสักครั้ง

ตอนนี้อุตสาหกรรมภาพยนตร์โทรทัศน์ภายในประเทศมีขนาดใหญ่มาก ละครที่ถ่ายทำออกมาในแต่ละปีมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับที่น่าตกใจมากจริงๆ

ละครที่ถ่ายทำออกมานี้ อย่างน้อยเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ไม่สามารถออกอากาศในสถานีโทรทัศน์ระดับมณฑลหรือสถานีโทรทัศน์กลางได้ มีเยอะมากที่แม้แต่สถานีโทรทัศน์ระดับจังหวัดยังไม่สนใจ จึงได้แต่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต อาศัยจำนวนการกดไลก์เพื่อหาเงิน

แต่สื่อออนไลน์ที่มีกำลังอย่างแท้จริง ก็จะเลือกโฆษณาโปรโมตเฉพาะผลงานที่ยอดเยี่ยมเท่านั้นเช่นกัน

ดังนั้นอย่างลู่เฉินที่ไม่ได้อยู่ในวงการภาพยนตร์โทรทัศน์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แถมยังเป็นคนใหม่ที่เพิ่งเดบิวต์ไม่นาน จู่ๆ ก็คิดไม่เหมือนใครเขียนบทละครให้ตัวเองเป็นพระเอก หานักลงทุนมาถ่ายละครร่วมกัน จึงเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากจริงๆ

ทว่าทั้งๆ ที่ ‘แผลงฤทธิ์’ แบบนี้ กลับประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเสียนี่ ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่อิจฉาริษยา

แต่จะว่าไปแล้ว กุญแจสำคัญก็คือเฉินเฟยเอ๋อร์

ละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เป็นผลงานละครชิ้นแรกของเฉินเฟยเอ๋อร์!

แค่เฉินเฟยเอ๋อร์คนเดียว ก็สามารถประหยัดค่าโปรโมตสร้างกระแสไปได้นับสิบล้าน ช่องที่สองของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งจึงมีความสนใจมาก กระทั่งขอใช้โอกาสของรายการ ‘สัมภาษณ์คนดัง’ เพื่อพูดคุยกับลู่เฉิน นี่ถือว่ารักษามารยาทเยอะแล้ว

แต่ที่หัวหน้าจูคนนี้มาคุยกับลู่เฉินเรื่องนี้ เขามาหาผิดคนจริงๆ

ละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เป็นโครงการที่เริ่มขึ้นจากลู่เฉินก็จริง แต่ด้านการลงทุน การโปรโมต และการขาย เขามอบให้ลู่ซีพี่สาวของเขาจัดการทั้งหมด

ดังนั้นตอนที่หัวหน้าจูลองถามราคา ลู่เฉินจึงได้แต่บอกเบอร์โทรศัพท์ของลู่ซีให้กับเขา

การเสนอขายละครให้กับสถานีโทรทัศน์ เป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก

โดยปกติทั่วไปแล้ว หากคำนวณตามจำนวนตอน หนึ่งตอนจะมีราคาหลายแสนหรือหลักล้านหยวนก็ล้วนเป็นไปได้ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคามีเยอะมาก อย่างเช่น บทละคร นักแสดง ผู้กำกับ แนวละคร เป็นต้น

แล้วก็ยังสามารถขายให้กับหลายสถานีโทรทัศน์เพื่อออกอากาศครั้งแรก หรือจะขายให้ออกอากาศเพียงเจ้าเดียวก็ได้ ราคาก็จะแตกต่างกันไป

นอกจากนี้ถ้าหากการออกอากาศครั้งแรกมีเรตติ้งสูง เช่นนั้นราคาการออกอากาศซ้ำก็จะสูงมาก มีตัวอย่างให้เห็นอยู่มากมายที่ออกอากาศครั้งแรกไม่ทำกำไร ต้องอาศัยการออกอากาศซ้ำเพื่อทำกำไรเป็นกอบเป็นกำ

แต่สถานการณ์ที่พบเห็นได้มากกว่าก็คือ ละครจำนวนมากที่เข้าไปขายถึงสถานีโทรทัศน์ ถึงแม้จะขายครึ่งแถมครึ่งก็ยังไม่สมความปรารถนา!

เพราะฉะนั้นแม้ว่าลู่เฉินจะไม่สามารถตอบตกลงอะไรกับหัวหน้าจูได้ แต่ก็ยังคงพูดอย่างมีมารยาทและเกรงใจมากเหมือนเดิม

ไม่แน่วันหลังอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากเขา

ตัวของหัวหน้าจูเองก็รู้จักรักษาท่าที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้สนใจละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ มากนัก ถ้าหากไม่มีเฉินเฟยเอ๋อร์มาร่วมทัพด้วย คงไม่อยู่ในสายตาของเขาแน่นอน

ตอนนี้มีการถ่ายทำละครโทรทัศน์มากมายเหลือเกิน แต่ผลงานที่ถ่ายทำออกมาดีหรือผลงานที่ขายดีกลับมีจำนวนจำกัด

ช่องวาไรตี้ของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง ไม่เพียงแต่ต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งในสายอาชีพเดียวกันเท่านั้น ยังต้องแย่งชิงทรัพยากรกับช่องอื่นๆ ในสถานีเดียวกันอีกด้วย

นอกจากช่องหนึ่งที่เป็นพี่ใหญ่แล้ว ช่องวาไรตี้ช่องที่สอง ช่องการใช้ชีวิตช่องที่สี่ ช่องภาพยนตร์และโทรทัศน์ช่องที่ห้า และช่องเยาวชนช่องที่แปดต่างก็มีรายการออกอากาศละครโทรทัศน์ที่กำหนดตายตัวแล้ว มีการจัดอันดับประสิทธิภาพภายในระหว่างช่องต่างๆ

ประสิทธิภาพยิ่งสูง รางวัลก็สูงขึ้นเป็นธรรมดา และยังได้รับทรัพยากรมากขึ้นตามไปด้วย

เพราะฉะนั้นการจ้างบุคคลภายนอกของช่องรายการจึงเกิดขึ้นบ่อย เพื่อประหยัดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ

แต่การลดรายจ่ายก็ยังสู้การเพิ่มรายได้ไม่ได้ รายการที่ดีรายการหนึ่งหรือละครโทรทัศน์ที่เรตติ้งสูงสักเรื่อง สามารถก่อให้เกิดผลประโยชน์ที่มากขึ้น นำมาซึ่งกำไรมหาศาล

ตอนนี้ไม่ใช่เมื่อหลายสิบปีก่อนแล้ว สถานีโทรทัศน์มีการปฏิรูปภายในนานแล้ว กลไกการแข่งขันสุกงอมเต็มที่

ถึงแม้ช่องวาไรตี้จะถูกจัดเป็นอันดับที่สองในสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง แต่ก็ถูกช่องที่สี่และช่องที่ห้าไล่จี้มาติดๆ มีความอันตรายสูงมาก

หัวหน้าจูจึงมีความกดดันสูงมากเป็นธรรมดา

การซื้อละครแย่หนึ่งเรื่อง กับการซื้อละครน้ำดีหนึ่งเรื่อง ให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว และมีความเป็นไปได้สูงที่ตำแหน่งของเขาอาจจะสั่นคลอน

ดังนั้นเขาจึงไม่ได้วางมาดอะไรกับลู่เฉิน ไม่รู้สึกผิดหวังที่ล้วงอะไรออกมาจากปากของลู่เฉินไม่ได้เลย แค่ต้องการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีเท่านั้น อนาคตหากมีค่าพอให้ลงมือ อย่างนั้นก็จะมีโอกาสที่ดีกว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar