(นิยายแปล) Perfect Superstar นิยาย บท 235

ตอนที่ 235 จางจวิ้นจื้อ

ตอนที่ลู่เฉินมาถึงจินหลิงอีกครั้ง ฝนกำลังตกพอดี

ฝนตกปรอยๆ ราวกับหมอกควัน เมืองที่ทั้งโบราณและทันสมัยแห่งนี้สวยงามเป็นพิเศษเมื่ออยู่ท่ามกลางสายฝน มันเต็มไปด้วยความอบอุ่น ความสวยงาม ความซาบซ่านใจ เหมือนดั่งหญิงในวังผู้งามสง่าในสมัยถังและสมัยซ่งนางหนึ่ง กำลังรอการมาเยือนของเขาอย่างเงียบๆ

ความรู้สึกแบบนี้ยากที่จะใช้คำพูดบรรยายออกมาได้

สถานที่พักของลู่เฉิน ยังคงเป็นโรงแรมระดับห้าดาวที่อยู่แถวโรงถ่ายจินหลิงเหมือนครั้งที่แล้ว

ส่วนกองถ่ายละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ก็ได้มารวมตัวกันที่โรงถ่ายตั้งแต่เมื่อสองสามวันก่อนแล้ว รอแค่นักแสดงมาถึงก็สามารถเริ่มถ่ายทำได้เลย

โรงถ่ายจินหลิงในฐานะหนึ่งในสามโรงถ่ายทำภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่สำคัญในประเทศ มีสถานที่ให้บริการทุกประเภทอย่างครบครัน ไม่ว่ากองถ่ายทำไหนที่มาถึงที่นี่ ไม่ต้องมีความกังวลใดๆ เกี่ยวกับเรื่องอาหาร ที่พัก และการเดินทาง เพราะโรงถ่ายแห่งนี้ได้ช่วยแก้ปัญหาความกังวลด้านนี้ให้แล้ว

ดังนั้นแต่ก่อนการถ่ายทำละครโทรทัศน์จำนวนสามสิบถึงสี่สิบตอนจำเป็นต้องใช้เวลาถ่ายทำหนึ่งปีหรือนานกว่านั้น ตอนนี้ละครสุดสัปดาห์ถ่ายทำสัปดาห์ละสองตอนจึงถือว่าเป็นความเร็วปกติ ถ้าหากขั้นตอนหลังการถ่ายทำไม่จำเป็นต้องใช้เอฟเฟกต์พิเศษ เพียงหนึ่งสัปดาห์ก็ถ่ายทำเสร็จแล้ว และสัปดาห์ถัดไปก็สามารถปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ได้ รวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สูงมาก

แน่นอนว่านี่คือสถานการณ์ในอุดมคติ เพราะการถ่ายทำมักจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดต่างๆ อยู่เสมอ และทางสถานีโทรทัศน์ที่ร่วมงานด้วย ก็จำเป็นต้องจัดเวลาออกอากาศล่วงหน้า

ภายในห้องพักเอ็กเซ็กคิวทีฟสวีทของโรงแรม ลู่เฉินมาเจอเฉินเฟยเอ๋อร์ที่มาล่วงหน้าก่อนหนึ่งวัน แล้วก็ยังมีพี่หลีและลูกชายสุดที่รักของเธอ…จางจวิ้นจื้อ

ละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ลู่เฉินแสดงเป็นพระเอก และคนที่เสดงเป็นเขาในช่วงวัยรุ่นก็คือจางจวิ้นจื้อ เด็กหนุ่มหล่อคนนี้เพิ่งอายุสิบห้าปีบริบูรณ์ สูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร หน้าตาคล้ายกับพ่อของเขามาก

ถ้าหากสูงอีกนิด คงได้เป็นไอดอลดึงดูดสาวๆ ได้หลายหมื่นหลายพันคนอย่างไม่ต้องสงสัย!

สำหรับลูกชายของตัวเอง พี่หลีรู้สึกภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด

“โอ้ว!”

จางจวิ้นจื้อมีนิสัยเป็นมิตรเข้ากับคนง่าย ไม่มีความเขินอายเลยสักนิด พอเห็นลู่เฉินเขาก็รีบร้องเรียกด้วยความตื่นเต้นดีใจ ทิ้งแท็บเล็ตที่กำลังเล่นอยู่ในมือแล้ววิ่งไปหาทันที

เขายิ้มดีใจคำนับลู่เฉินอย่างมีมารยาท “พี่ลู่เฉิน สวัสดีครับ!”

พี่หลีพูดดุว่า “เรียกพี่ได้ยังไง ต้องเรียกว่าอาสิ!”

ลู่เฉินยิ้มเจื่อนๆ บอกว่า “พี่หลี ผมยังไม่แก่ขนาดนั้น เรียกว่าพี่ชายเถอะครับ!”

เขาพยักหน้ายิ้มเล็กน้อยให้จางจวิ้นจื้อ “สวัสดี จางจวิ้นจื้อ”

จางจวิ้นจื้อชูนิ้วมือทำท่าของผู้ได้รับชัยชนะให้กับแม่ของตัวเองอย่างสะใจ จากนั้นก็เอ่ยพูดอย่างอดใจไม่ได้ “พี่ลู่เฉินผมอยากเรียนศิลปะการต่อสู้กับพี่ แล้วก็อยากเรียนกีตาร์กับพี่ด้วย พี่ดีดกีตาร์เก่งมาก แล้วผมก็อยากรู้ว่าพี่จีบพี่เฟยเอ๋อร์ติดได้ยังไง…โอ๊ย!”

เขายังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกเฉินเฟยเอ๋อร์บิดหูข้างหนึ่งแล้ว

ราชินีคนนี้พูดยิ้มเยาะว่า “เสี่ยวจื้อ นายซนอีกแล้วนะ สงสัยพี่จะอบรมสั่งสอนนายไม่ดีพอใช่ไหม”

จางจวิ้นจื้อแยกเขี้ยวยิงฟัน ใบหน้าขมขื่น “พี่เฟยเอ๋อร์ ผมผิดไปแล้วครับ…”

เฉินเฟยเอ๋อร์กับพี่หลีมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก จึงปฏิบัติตัวกับจางจวิ้นจื้อเหมือนอีกฝ่ายเป็นน้องชาย

แต่น้องชายคนนี้ดื้อซนเหลือเกิน พี่หลีก็รักตามใจเป็นที่สุด ดังนั้นบางครั้งเธอจึงทนดูไม่ไหวจนต้องคอยสั่งสอนเสียบ้าง

สิ่งหนึ่งย่อมข่มอีกสิ่งหนึ่ง จางจวิ้นจื้อไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน แต่กลัวเฉินเฟยเอ๋อร์

ลู่เฉินพยักหน้า “อยากเรียนกีตาร์กับพี่ไม่มีปัญหา แต่นายต้องแสดงละครให้ดีก่อน”

เฉินเฟยเอ๋อร์ปล่อยมือ จางจวิ้นจื้อคลึงหูที่แดงก่ำ แล้วตบหน้าอกกล่าวว่า “พี่เฉินวางใจได้ครับ ผมเคยถ่ายโฆษณา เคยแสดงละครเวทีมาก่อน รับรองว่าไม่ทำให้พี่ผิดหวังแน่นอนครับ!”

ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “งั้นก็คำไหนคำนั้น”

พี่หลีเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ลู่เฉิน นายอย่าตามใจเขาเหมือนฉัน ถ้าสมควรตีก็ต้องตี สมควรด่าก็ต้องด่า ถ้าหากเขาทำผิด นายตำหนิเขาได้เลย ไม่ต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์ของฉัน”

ถึงแม้พี่หลีจะรักและตามใจจางจวิ้นจื้อมาก แต่ก็ไม่ได้รักแบบไม่บันยะบันยัง จางจวิ้นจื้อชอบร้องเพลงและการแสดง เขาถูกลิขิตให้เป็นบุคคลที่ต้องเดินเข้าสู่วงการบันเทิง ดังนั้นเธอจึงตั้งใจอบรมสั่งสอนเขาในด้านนี้เป็นอย่างมาก

ถ้าหากดาราไอดอลคนหนึ่งอยากจะอยู่ในวงการบันเทิงนานๆ เรื่องสายสัมพันธ์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ดังนั้นเธอสามารถช่วยลูกชายของตัวเองได้แน่นอน แม้ว่าสุดท้ายแล้วเส้นทางในอนาคตจางจวิ้นจื้อจะต้องเดินไปด้วยตัวเองก็ตาม

ไม่มีใครชอบเด็กที่ถูกตามใจจนเสียคน และโลกก็ไม่หมุนตามใครทั้งนั้น!

ดังนั้นครั้งนี้พี่หลีจึงใช้ความสัมพันธ์ที่มีกับเฉินเฟยเอ๋อร์ พาจางจวิ้นจื้อยัดเข้ามาในกองถ่ายละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เพื่อปูเส้นทางให้เขา ทั้งยังเป็นการขัดเกลาและฝึกฝนให้แก่เขาอีกด้วย

ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “ครับ แต่ประเด็นสำคัญก็ยังต้องดูที่ผู้กำกับ”

เฉินเฟยเอ๋อร์กล่าวว่า “พวกเราไปเจอผู้กำกับฟางด้วยกันเถอะ”

ผู้กำกับที่ถูกคัดเลือกสำหรับละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ สุดท้ายก็ตกมาที่ฟางฮุ่ยคนที่ลู่เฉินแนะนำ

เดิมทีฝ่ายผู้ร่วมงานอย่างบริษัทกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์สก็จ้องอยากได้ตำแหน่งนี้มาก เพราะผู้กำกับที่เซ็นสัญญากับพวกเขามีอยู่หลายคน แต่สุดท้ายก็เคารพการตัดสินใจของลู่เฉิน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar