ตอนที่ 236 จูบแรก
พระอาทิตย์อัสดง ท้องฟ้าสดใสหลังฝนตก
เป็นช่วงเวลาเย็นที่เร่งรีบพอดี ถนนหนทางในเมืองจินหลิงเต็มไปด้วยรถราวิ่งขวักไขว่ไปมา พวกคนที่เลิกงานต่างรีบเดินทางกลับบ้าน
ใครก็ไม่ได้สังเกตว่า มีรถจักรยานคันหนึ่งกำลังแล่นผ่านอยู่ข้างถนน
รถจักรยานเช่ามาจากสถานีบริการนักท่องเที่ยว ค่ามัดจำห้าร้อยหยวน ค่าเช่าสองหยวนต่อหนึ่งชั่วโมง เป็นรถรุ่นใหม่คุณภาพดี และยังอนุญาตให้คนนั่งซ้อนท้ายได้ แต่ปั่นได้เฉพาะบนเส้นทางจราจรที่กำหนดไว้เท่านั้น
เนื่องจากค่าเช่าถูกมากและไม่มีความเสี่ยงว่าจะถูกขโมย รถจักรยานสาธารณะแบบนี้จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
ลู่เฉินถีบจักรยาน เฉินเฟยเอ๋อร์ซ้อนท้าย รับลมที่พัดผ่านมา ไม่ต่างจากนักท่องเที่ยวธรรมดาทั่วไป
เฉินเฟยเอ๋อร์นั่งอยู่ข้างหลัง สายลมเย็นพัดกระโปรงพลิ้วไหว เธอกอดเอวของลู่เฉิน ศีรษะซบไปที่หลังของเขา
ราชินีเสียงหวานคนนี้ผูกผ้าพันคอผ้าไหม สวมแว่นตาสีฟ้าครามสดใสซึ่งไม่อาจปิดบังใบหน้าที่สวยงามของเธอได้ แต่ก็มากพอที่คนอื่นจะไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของเธอ เพื่อให้เธอได้ดื่มด่ำช่วงเวลาส่วนตัวกับลู่เฉินอย่างมีความสุข
ช่วงเวลาแบบนี้มีน้อยมากจริงๆ มีค่าดั่งเงินทอง
ในวันครบรอบสิบปีของการเดบิวต์ นักข่าวได้ถามเฉินเฟยเอ๋อร์ในงานที่ระลึกว่า ‘คุณคิดจะร้องเพลงอีกนานแค่ไหน’
เฉินเฟยเอ๋อร์ตอบว่า ‘ตลอดชีวิต!’
ไม่เหมือนกับพี่ใหญ่ถานหงที่ค่อยๆ ออกจากวงการอย่างช้าๆ เธอชอบร้องเพลง และชอบยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟ เพราะนี่คือความฝันตั้งแต่เด็กของเธอ เธอจะไม่ยอมทิ้งเด็ดขาด
เพียงแต่ได้รับมากก็ต้องสูญเสียมาก ความงามที่สว่างไสวของดารา มักต้องแลกกับชีวิตส่วนตัว
ถึงแม้จะรู้จักเรียนรู้การปลอมตัว แต่เฉินเฟยเอ๋อร์ก็มีเวลาน้อยมากในการใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา
โชคดีที่เธอได้พบกับลู่เฉิน
ชีวิตจึงมีการเปลี่ยนแปลง
เธอกอดลู่เฉินแน่น รู้สึกกลัวการสูญเสียบางอย่างขึ้นมาทันใด
ลู่เฉินไม่เข้าใจถึงถามว่า “หิวใช่ไหมครับ พวกเราทานอะไรกันดี พี่อยากทานอะไรครับ”
เขากับเฉินเฟยเอ๋อร์เดตกันครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่ไม่มีคนนอกติดตามมาด้วย
ผู้ช่วยและบอดี้การ์ดของเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ได้ติดตามมาด้วย อย่างแรกคือเธอยืนกราน อีกอย่างก็คือลู่เฉินมีความสามารถมากพอที่จะปกป้องเธอ ไม่มีทางเกิดเรื่องอะไร
นอกจากนี้เมืองจินหลิงแห่งนี้ก็ปลอดภัยมาก
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ทั้งสองคนก็ยังรู้สึกเหมือนแอบหนีตามกันมาอยู่ดี
เฉินเฟยเอ๋อร์คิดพักหนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “ฉันอยากกินซุปหมาล่า นายรู้ไหมว่าไปกินได้ที่ไหน”
ซุปหมาล่า?
แน่นอนว่าลู่เฉินไม่รู้ว่าสามารถกินได้ที่ไหน แต่ต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่สุดยอด เขาแค่เปิดโทรศัพท์ใส่คำค้นหา ไม่ช้าก็หาสถานที่กินซุปหมาล่าที่ใกล้ที่สุดได้แล้ว
ตามการแนะนำของระบบดาวเทียมนำทาง ลู่เฉินพาเฉินเฟยเอ๋อร์เดินทางมา ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็หาสถานที่เจอ
นั่นคือถนนโบราณเก่าแก่เล็กๆ เส้นหนึ่ง มีแต่ของอร่อยเต็มสองข้างทาง มากมายหลายหลากละลานตา
เนื่องจากเป็นช่วงที่คนเยอะพอดี จึงมีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาอย่างคับคั่งเต็มถนนเล็กๆ เส้นนี้ เฉินเฟยเอ๋อร์กอดแขนลู่เฉิน ทั้งสองคนเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนเหมือนคู่รักธรรมดาทั่วไป ตามหาอาหารที่ตัวเองต้องการท่ามกลางกลิ่นหอมต่างๆ
พอหาร้านเล็กๆ ที่มีชื่อเสียงเจอแล้ว ก็รออีกสิบนาทีกว่าถึงจะได้ที่นั่ง
เฉินเฟยเอ๋อร์เลือกของที่ตัวเองชอบกินสิบกว่าไม้ เนื้อสันใน ปาท่องโก๋ เห็ดเข็มทอง ผักชี…
ซุปหมาล่าสองชามที่ต้มเสร็จแล้วถูกเอามาเสิร์ฟในไม่ช้า
ซุปหมาล่าร้านนี้ น้ำซุปเข้มข้นวัตถุดิบสดมาก สมคำร่ำลือจริงๆ เฉินเฟยอ๋อร์กินอย่างเอร็ดอร่อย
เธอกินเยอะกว่าลู่เฉินอีก!
หลังจากกินเสร็จก็ค่ำพอดี ลู่เฉินพาเธอไปเดินเล่นที่ริมแม่น้ำ
เพราะว่าเฉินเฟยเอ๋อร์กินจนอิ่มตื้อ จำเป็นต้องย่อยอาหาร
พอเดินเหนื่อยแล้ว ทั้งสองคนก็มานั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวริมแม่น้ำ ชื่นชมแม่น้ำใสแจ๋วที่อยู่ตรงหน้าด้วยกัน
ที่นี่ห่างจากถนนย่านการค้า ถึงแม้จะมีนักท่องเที่ยวเดินอยู่บ้าง แต่ก็เงียบมากอย่างไม่ต้องสงสัย
มีคู่รักเป็นคู่ๆ อยู่มากมาย
ราวกับมีกลิ่นอายของความโรแมนติกกระเพื่อมอยู่ในอากาศที่นี่
เฉินเฟยเอ๋อร์ลูบท้องน้อยๆ ของตัวเอง ส่งเสียงร้องเล็กๆ ด้วยสีหน้าเกียจคร้านและพอใจ
มีท่าทางของสาวน้อยเป็นอย่างมาก
ลู่เฉินหัวเราะเธอ “พี่ทานทำไมเยอะแยะครับ ไม่กลัวท้องเสียเหรอ”
เฉินเฟยเอ๋อร์เอียงศีรษะซบไปบนไหล่ของเขา แล้วพูดพึมพำว่า “ตอนเป็นเด็กฉันชอบกินมาก ชอบกินเซียงช่วนเนื้อเสียบไม้ที่ต้มอยู่ในหม้อหน้าโรงเรียนมากๆ มีครั้งหนึ่งฉันตะกละเกินไปใช้เงินค่าซื้อหนังสือเรียนจนหมด…”
เธอหยุดชะงัก ลู่เฉินจึงอดถามไม่ได้ “จากนั้นเป็นยังไงครับ”
เฉินเฟยเอ๋อร์เอ่ยว่า “จากนั้นก็ถูกแม่ของฉันตี ใช้ไม้บรรทัดไม้ไผ่ตีก้นฉัน เจ็บมากๆ!”
“ตอนนั้นฉันคิดว่า รอให้ฉันโตก่อนเถอะ ฉันจะกินเซียงช่วนทุกวัน กินให้หนำใจไปเลย!”
“แต่หลังจากที่มีเงินแล้ว จึงรู้ว่าของพวกนี้กินมากไม่ดีต่อสุขภาพ…”
“ก็เหมือนกับซุปหมาล่า ที่ไม่ได้กินมานานมากแล้ว”
เธอหรี่ตานึกถึงความทรงจำในอดีต รอยยิ้มแสนหวานปรากฏขึ้นมาตรงมุมปาก แม้จะพูดถึงตอนที่เจ็บก็ตาม
ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อย “ต่อไปถ้าผมมีโอกาส จะพาพี่ออกมากินอีกนะครับ”
เฉินเฟยเอ๋อร์หันหน้ามา แล้วยิ้มเอ่ยว่า “ขอบคุณนะ”
เธอยิ้มอย่างมีความสุข รอยยิ้มสะท้อนกับแสงไฟที่ส่องสว่างข้างทาง เป็นความงดงามที่พาให้หัวใจสั่น
ดึงดูดสายตาของลู่เฉินเข้าเต็มเปา
ลู่เฉินจ้องมองสาวงามในระยะใกล้ ทันใดนั้นก็ไม่อาจยับยั้งใจ ยื่นมือดึงแว่นตาของเธอออก จากนั้นก้มหน้าจูบปากเธออย่างเต็มที่
ริมฝีปากของเฉินเฟยเอ๋อร์อ่อนนุ่มและหอมหวาน เป็นความหวานบางอย่างที่บรรยายออกมาไม่ถูก
ราชินีเสียงหวานคนนี้เบิกตาโตทันที ถอยหลังไปโดยสัญชาตญาณ แต่ก็ไม่อาจหลบหนีได้
เธอครวญครางเบาๆ อย่างหมดแรง หลับตาแล้วปล่อยให้ลู่เฉินล่วงเกินตามอำเภอใจ
นี่คือการจูบกันครั้งแรกของทั้งสองคน
ผ่านไปพักหนึ่ง ลู่เฉินถึงปล่อยเธออย่างอาลัยอาวรณ์ เพราะเฉินเฟยเอ๋อร์เกือบจะหายใจไม่ทันแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar