ตอนที่ 237 ดาราตัวท็อปทั้งหลาย
เพลง ‘มอบความรัก’ เป็นเพลงที่ลู่เฉินแต่งขึ้นเพื่อขอบคุณบุคคลทั้งในและนอกวงการที่สนับสนุนโครงการระดมทุนเพื่อการกุศล และนำมาโพสต์ลงในบล็อกล่างฉาว
เขาไม่เคยคิดที่จะอาศัยเพลงนี้หาผลประโยชน์หรือชื่อเสียง…เพราะไม่จำเป็นเลย
แต่ลู่เฉินคิดไม่ถึงว่า สหพันธ์การกุศลเหยียนหวงที่เป็นดั่งเทพผู้ยิ่งใหญ่จะชอบเพลง ‘มอบความรัก’ และมาขอซื้อลิขสิทธิ์ถึงที่ นอกจากนี้ยังเชิญเขามาร่วมถ่ายมิวสิควิดีโอโฆษณาเพื่อสาธารณประโยชน์ด้วย
ลู่เฉินจึงมอบลิขสิทธิ์ให้ใช้ฟรีตลอดไป
หลังจากนั้นเฉินเฟยเอ๋อร์จึงบอกเขาว่า เรื่องนี้เขาทำถูกต้องมาก
เพราะไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ ดาราศิลปินทำการกุศลหรือสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับองค์กรการกุศลที่มีอำนาจล้วนมีข้อดีทั้งสิ้น
ในประเทศจีน การมีชื่อเสียงเรื่องทำการกุศลเหมือนกับเพิ่มยันต์คุ้มกันให้ตัวเองอีกหนึ่งชั้น มักถูกคนอื่นมองว่าสูงส่ง
อย่างเช่นตัวของเฉินเฟยเอ๋อร์เอง ก็มีปฏิสัมพันธ์ที่ยาวนานกับสหพันธ์การกุศลเหยียนหวง
เธอก็เหมือนกับลู่เฉิน ได้ร่วมแสดงมิวสิควิดีโอโฆษณาเพื่อสาธารณประโยชน์เพลง ‘มอบความรัก’ เช่นกัน
ระยะทางจากจินหลิงกลับปักกิ่ง ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์นั่งรถคันเดียวกัน เนื่องจากงานต่อจากนี้เกี่ยวข้องกับการจัดการของสหพันธ์การกุศลเหยียนหวง ดังนั้นเธอจึงเผยเบื้องลึกเบื้องหลังให้ลู่เฉินรู้อยู่ไม่น้อย
ปีที่แล้วกับปีนี้ วงการการกุศลในประเทศเกิดเรื่องนิดหน่อย มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในสายตาของมวลชนเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ความผิดทั้งหมดจะไม่ได้เกิดจากสหพันธ์การกุศลเหยียนหวงก็ตาม แต่ในฐานะองค์กรการกุศลระดับสูงในประเทศ ทางสหพันธ์จึงโดนร่างแหไปด้วย ด้วยแรงกดดันที่มาจากหัวหน้าเบื้องบนทำให้พวกเขาจำเป็นต้องโปรโมต สร้างภาพลักษณ์ที่ดีใหม่อีกครั้ง
เผอิญว่าลู่เฉินได้ใช้เว็บไซต์ระดมทุนทำการระดมทุนเพื่อการกุศลพอดี แถมยังมีอิทธิพลอย่างสูงบนอินเทอร์เน็ต อีกทั้งผลงานเพลง ‘มอบความรัก’ ของเขาก็ถูกรสนิยมของสหพันธ์การกุศลเหยียนหวงเป็นอย่างมาก
ไม่อย่างนั้นเรื่องดีๆ แบบนี้ จะหล่นมาที่ตัวของลู่เฉินได้อย่างไร
ดูจากรายชื่อดาราที่ร่วมงานโฆษณาครั้งนี้ก็รู้แล้ว…หลีซิ่ง ถานหง เฉินเฟยเอ๋อร์ หลิวจงฮั่น สีหรง…เป็นต้น ล้วนแล้วแต่เป็นดาราดังตัวท็อปทั้งสิ้น
เมื่อเพิ่มลู่เฉินเข้าไป สุดท้ายจึงยืนยันรายชื่อที่สิบห้าคน ซึ่งมีชื่อเสียงมากกว่าเขาทุกคน
นอกจากนี้ผู้กำกับของโฆษณาเพื่อสาธารณประโยชน์ตัวนี้ก็คือ อวี๋เจี้ยนเต๋อ ซึ่งเป็นผู้กำกับใหญ่ที่เลื่องชื่อลือนาม ผู้กำกับที่มีอายุหกสิบปีคนนี้เคยถ่ายภาพยนตร์มามากกว่ายี่สิบเรื่อง เคยได้รับรางวัลใหญ่ในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ มีชื่อเสียงโด่งดังมาก
จางเหวินเทียนที่ลู่เฉินรู้จักก็เป็นผู้กำกับใหญ่เหมือนกัน แต่เทียบกับอวี๋เจี้ยนเต๋อแล้ว ยังต่างกันอีกหนึ่งขั้น
เฉินเฟยเอ๋อร์กล่าวว่า “ถ้าหากนายถูกผู้กำกับอวี๋หมายตาให้เล่นหนัง ก็เท่ากับว่าเดินทางลัดประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ชนิดที่เรียกว่าก้าวเดียวขึ้นสวรรค์”
ลู่เฉินกลั้นหัวเราะไม่อยู่
เขารู้ว่าเฉินเฟยเอ๋อร์ล้อเล่น และก็เตือนเขาให้ทำงานชิ้นนี้อย่างตั้งใจ
แม้ว่าจะไม่ได้เงินสักแดงก็ตาม
ลู่เฉินจับมือของเฉินเฟยเอ๋อร์ แล้วกล่าวว่า “อย่างนั้นไม่สู้ผมเป็นผู้กำกับเอง แล้วพี่ก็เป็นนางเอกให้ผม พวกเรามาเดินก้าวเดียวขึ้นสวรรค์ไปด้วยกันดีไหมครับ”
เฉินเฟยเอ๋อร์รู้สึกหัวใจหวานชื่น เอ่ยว่า “นายอยากจะเป็นผู้กำกับด้วยเหรอ ขอให้เป็นหนังของนาย ฉันก็จะยอมเป็นนางเอก พูดแล้วห้ามบิดพลิ้วเด็ดขาดนะ!”
ลู่เฉินหัวเราะฮิๆๆ
เฉิยเฟยเอ๋อร์ไม่ได้จริงจัง แต่ลู่เฉินกลับเอาจริง เพียงแต่ความคิดนี้ยังไม่เป็นจริงขึ้นมาก็เท่านั้น และเป็นเรื่องอีกนานหลังจากนี้ ตอนนี้การสั่งสมประสบการณ์ของเขายังน้อยไป
ทางต้องเดินทีละก้าว ลู่เฉินในตอนนี้เดินเร็วเกินไป หนำซ้ำการวิ่งเร็วจะทำให้ล้มง่ายมาก
รถเมอร์เซเดสเบนซ์ห้อเหยียดนำทั้งสองคนแล่นผ่านบนทางด่วนจินจิง เพื่อไปให้ถึงปักกิ่งก่อนฟ้ามืด
เฉินเฟยเอ๋อร์ส่งลู่เฉินกลับอพาร์ตเมนต์ก่อน
ถึงแม้ทั้งสองคนจะจูบกันเป็นการฝากรักแทนใจที่จินหลิงไปแล้ว แต่เนื่องจากหน้าที่การงาน จึงยังไม่เปิดเผยความสัมพันธ์นี้เป็นการชั่วคราว
ก็เหมือนประโยคเดิม ลู่เฉินเดินเร็วเกินไป ประสบการณ์และเส้นสายยังไม่มากพอ หากเปิดเผยความสัมพันธ์ของทั้งสองคน เขาจะต้องรับแรงกดดันที่ใหญ่มาก และรุนแรงถึงขั้นเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของเขา
อย่างที่ง่ายที่สุดก็คือพวกนักข่าวและสื่อต่างๆ พวกปาปารัสซี่จะต้องจับตามองเขาทุกวันแน่นอน รบกวนความสงบสุขของเขา
เหตุการณ์แบบนี้เคยมีตัวอย่างมาก่อน ไม่ใช่สิ่งที่ลู่เฉินอยากเห็นเช่นกัน
ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงได้แต่แอบคบกัน รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วค่อยเปิดเผยก็ยังไม่สาย
นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่สำคัญอีก นั่นก็คือการคบและเลิกกันของดาราชายหญิงในวงการมีให้เห็นเป็นเรื่องปกติสามารถคบกันจนถึงช่วงสุดท้ายนั้นมีน้อยมาก การแอบคบกันต่อให้เลิกกันแล้วก็ไม่ต้องเป็นข่าวใหญ่โต
นี่คือเรื่องปกติในวงการบันเทิง
วันที่ 18 เดือนพฤศจิกายน ซึ่งก็คือวันที่สองที่ลู่เฉินกลับมาถึงปักกิ่ง เขารีบมุ่งหน้าไปยังสถานที่นัดหมาย
เพื่อร่วมการถ่ายทำมิวสิควิดีโอโฆษณาเพื่อสาธารณประโยชน์เพลง ‘มอบความรัก’
จุดรวมตัวของดาราศิลปินนักร้องก็คือสำนักงานใหญ่บริษัทเฟยสือเรคคอร์ด ลู่เฉินถือว่าคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดี
ภายในห้องรับรองแขกวีไอพี เขาเห็นดาราดังมีชื่อเสียงหลายคน อย่างหลีซิ่ง ถานหง เฉินเฟยเอ๋อร์ หลิวจงฮั่นเขารู้จักทุกคน ส่วนคนที่เพิ่งเจอครั้งแรกก็มีเลี่ยวเจี่ย สีหรง เป็นต้น ซึ่งเป็นบุคคลดังเบอร์ใหญ่ในวงการเพลงและการแสดงทั้งสิ้น
อวี๋เจี้ยนเต๋อก็อยู่ด้วย
ผู้กำกับใหญ่ที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศคนนี้มีรูปร่างสูงใหญ่ หน้าเหลี่ยม ผมขาวถักเปีย สวมเสื้อคาร์ดิแกนสีเทาไม่มีปกและผ่าหน้ามีกระดุม กางเกงขายาวสีน้ำเงินกรมท่าเข้ากันกับรองเท้าผ้าสไตล์จีนสีดำ มีมาดของเทพเซียนเป็นอย่างมาก
ได้ยินว่าผู้กำกับอวี๋นับถือลัทธิเต๋า ตอนเป็นเด็กเคยเรียนศิลปะการต่อสู้ที่เขาบู๊ตึ๊ง และในปี 1990 ก็เคยถ่ายภาพยนตร์เรื่อง ‘เขาบู๊ตึ๊ง’ มาก่อน เกิดความฮือฮาในประเทศเป็นอย่างยิ่ง
เวลานัดรวมตัวคือตอนเช้าเก้าโมงครึ่ง แต่เพิ่งจะเก้าโมง ดารานักแสดงทุกคนก็มาถึงกันหมดแล้ว
เรื่องแบบนี้ไม่มีดาราคนไหนกล้าทำตัวหยิ่งจองหอง ต่อให้กำลังถ่ายทำภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์อยู่นอกพื้นที่ก็ยังต้องขอลาเพื่อรีบกลับมาปักกิ่งโดยเฉพาะ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการมาสาย…นั่นจะทำให้ทุกคนโกรธ!
เวลายังเช้าอยู่ ดังนั้นทุกคนจึงนั่งคุยกัน วงการบันเทิงหากจะพูดว่าใหญ่ก็ใหญ่แต่จะพูดว่าเล็กความจริงแล้วก็เล็กมาก เดิมทีคนสองคนที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงเดียวกัน อาจจะรู้จักและสนิทสนมกันผ่านบุคคลที่สาม การได้ทำความรู้จักเป็นมิตรกันจึงมีมากมายนับไม่ถ้วน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar