ตอนที่ 242 ฝากตัวเป็นศิษย์ – ตอนที่ต้องอ่านของ (นิยายแปล) Perfect Superstar
ตอนนี้ของ (นิยายแปล) Perfect Superstar โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายSlice of Lifeทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 242 ฝากตัวเป็นศิษย์ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 242 ฝากตัวเป็นศิษย์
ในงานเลี้ยงฉลองของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ด คนที่ไม่รู้จักลู่เฉินมีน้อยมาก
คนเห็นเขาแล้วทักทายจึงเป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดา
ลู่เฉินในตอนนี้ ก็มีคุณสมบัติพอให้เรียกว่า ‘อาจารย์’ แล้ว…เพราะเขาเป็นคนควบคุมการผลิตอัลบั้มแรกของวงเอ็มเอสเอ็น
สิ่งที่เรียกว่าดาราใหญ่ซึ่งมีฐานะในวงการสูงส่ง ก็ต้องสะสมระดับไปทีละขั้นอย่างนี้นี่แหละ
แต่ลู่เฉินไม่รู้จักผู้ชายที่ทักทายตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว
อีกฝ่ายตัวอ้วนเตี้ย คิ้วบาง ตาเล็ก จมูกแบน หัวมันแผล็บ ภายใต้แสงไฟสว่างจ้าตาในห้องนี้ เขาเหมือนกับดาราตลกที่แสดงละครพูดตลกของจีนมาก แต่หน้าตานั้นดูจะต่างกันมากเหลือเกิน
เห็นเพียงเขารีบเดินมาอยู่ตรงหน้าลู่เฉิน จากนั้นยื่นสองมือหัวเราะคิกคักและเอ่ยพูดว่า “ดีใจมากที่ได้เจอคุณครับ!”
พูดสำเนียงปักกิ่งแท้ๆ!
ลู่เฉินจับมือกับเขาเมื่อรู้ตัว กล่าวแบบงงๆ เล็กน้อย “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณคือ?”
ผู้ชายตัวอ้วนเตี้ยรีบแนะนำตัวเองทันที “ผมมาจากหงเผิงมีเดีย…”
“เหล่าอู๋!”
เขายังพูดไม่ทันจบก็ถูกคนอื่นตัดบทแล้ว
และคนที่ตัดบทก็ไม่ใช่ใครอื่น คือหลินจื้อเจี๋ยนั่นเอง ด้านหลังของผู้อำนวยการเพลงของเฟยสือเรคคอร์ดคนนี้ยังมีสาวสวยที่งามดั่งดอกไม้สามคนเดินตามมา…มู่เสี่ยวชู ซูเจียเจีย และหนิงเถียน!
ความสนใจของลู่เฉินถูกกระจายออกทันที
หลินจื้อเจี๋ยเดินหัวเราะเหอะๆ เข้ามาและเอ่ยว่า “ลู่เฉิน คนนี้คืออู๋เซิ่ง ผู้อำนวยการอู๋แห่งหงเผิงมีเดีย ผู้อำนวยการอู๋ ผมมีเรื่องอยากปรึกษากับลู่เฉิน คุณไม่ถือสาใช่ไหมครับ”
สองประโยคหลังนั้น หลินจื้อเจี๋ยพูดกับผู้ชายตัวอ้วนเตี้ย
ใบหน้าของเขาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม แต่กลับไม่มีรอยยิ้มในนัยน์ตา เผยความเย็นชาออกมาเล็กน้อย
หรือจะพูดให้แรงขึ้นมาหน่อยก็คือ หลินจื้อเจี๋ยทำแบบนี้ขัดต่อความสุภาพในการเข้าสังคม ถึงแม้จะมีบุญคุณความแค้นต่อกัน แต่ก็ไม่ควรทำให้อีกฝ่ายเสียหน้าในงานเลี้ยงแบบนี้
เพราะคนที่มาล้วนเป็นแขก!
แต่ลู่เฉินเชื่อว่า หลินจื้อเจี๋ยจะต้องมีเหตุผลแน่นอน
เขาจึงชักมือตัวเองกลับโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
อู๋เซิ่งยังคงยิ้มเฮฮาเหมือนเดิม ราวกับว่าไม่ถือสาอะไร เขากล่าวว่า “ไม่ถือสาอยู่แล้ว พวกคุณเชิญคุยกันตามสบายครับ”
เขาหันหน้ามาพูดกับลู่เฉิน “อาจารย์ลู่ ไว้พวกเราค่อยคุยกันทีหลังนะครับ”
ลู่เฉินยิ้มพลางพยักหน้าเล็กน้อย
ภายใต้สถานการณ์ที่ยังไม่รู้ข้อเท็จจริง การรักษามารยาทขั้นพื้นฐานคือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด
หลังจากอู๋เซิ่งเดินออกไปแล้ว หลินจื้อเจี๋ยมองเงาหลังของอีกฝ่ายแล้วทำเสียง ‘เชอะ’ หนึ่งที จากนั้นเขารีบดึงลู่เฉินมาข้างๆ แล้วเตือนว่า “คนคนนี้ทำงานไม่จริงใจ คนที่ร่วมงานกับเขาถูกเอาเปรียบไม่น้อย เสียชื่อเสียงในวงการไปแล้ว ดังนั้นทางที่ดีก็อย่าไปสนทนากับเขา”
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้!
ลู่เฉินพยักหน้าเพื่อแสดงว่าเข้าใจแล้ว
เขารู้ว่าหลินจื้อเจี๋ยจะไม่พูดนินทาคนอื่นลับหลัง การเตือนเขาคือความปรารถนาดีของหลินจื้อเจี๋ย
แต่ลู่เฉินก็สงสัยมาก “แล้วพวกพี่เชิญเขามาทำไมครับ”
หลินจื้อเจี๋ยจนปัญญา “ผู้บริหารระดับสูงในบริษัทของพวกเรามีคนสนิทกับเขา ดังนั้นจึงให้บัตรเชิญเขาไปหนึ่งใบ…”
บริษัทยิ่งใหญ่ความซับซ้อนยิ่งเยอะ น้ำในวงการนั้นลึกมากจนมองไม่เห็น
ลู่เฉินยิ้มพลางเอ่ยว่า “พี่ทำแบบนี้ไม่กลัวผิดใจกับเขาเหรอ”
หลินจื้อเจี๋ยกล่าวอย่างดูถูก “ฉันจะกลัวเขาทำไม อ้อใช่ เขาสนิทกับจินหงเหว่ยมากเลยนะ”
จินหงเหว่ย
ลู่เฉินไม่ได้ยินชื่อนี้มานานแล้ว แต่ไม่เคยลืมเด็ดขาด
ความแค้นระหว่างเขากับจินหงเหว่ยมันลึกนัก
แค่จุดนี้ ก็มากพอให้ลู่เฉินอยู่ห่างจากอู๋เซิ่งแล้ว ไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรด้วย
และเขาก็จำคนคนนี้ขึ้นใจแล้ว
หลินจื้อเจี๋ยเห็นลู่เฉินรับความหวังดีของตัวเอง จึงดีใจ จากนั้นหันไปกวักมือ “เสี่ยวมู่พวกเธอมานี่…”
เขาเรียกผู้หญิงทั้งสามคนเข้ามา
ความจริงมู่เสี่ยวชูก็อยู่ข้างหลังตลอด พอเห็นหลินจื้อเจี๋ยกวักมือเรียก พวกเธอก็รีบไปยืนอยู่ตรงหน้าลู่เฉินอย่างพร้อมเพรียงกัน โค้งคำนับและเอ่ยว่า “ขอบคุณอาจารย์ลู่ค่ะ!”
พวกเธอขอบคุณลู่เฉินจากใจจริง
ไม่ว่าจะเป็นมู่เสี่ยวชู ซูเจียเจีย หรือหนิงเถียน เมื่อไม่กี่เดือนก่อนยังเป็นเพียงนักศึกษาหรือเด็กใหม่ในวงการที่ไม่มีชื่อเสียงอยู่เลย
แต่วงเอ็มเอสเอ็นในตอนนี้ กลับกลายเป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปที่โด่งดังอย่างรวดเร็ว
ในวงการเพลงป็อปมักมีคำพูดว่า ‘เพลงเดียวดัง’ บทเพลงที่เป็นเพลงระดับคลาสสิคดีๆ สักเพลงสามารถทำให้คนใหม่ดังขึ้นมาได้ ถึงแม้ตอนนี้จำเป็นต้องอาศัยการโปรโมตและเปลี่ยนแพ็กเกจ แต่ถ้าไม่มีผลงานที่ยอดเยี่ยมอยู่ข้างกาย การสร้างกระแสก็ได้ผลแค่ช่วงเวลาขณะหนึ่งเท่านั้น
วงเกิร์ลกรุ๊ปที่เดินบนเส้นทางสายไอดอลวัยรุ่นเหมือนวงเอ็มเอสเอ็นในประเทศนี้มีมากมาย บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดก็เคยสร้างขึ้นมาสองวง ทว่าวงเกิร์ลกรุ๊ปส่วนใหญ่ถ้าไม่แยกวงก็ต้องดิ้นรนจนเฮือกสุดท้าย วงที่ประสบความสำเร็จจริงๆ นั้นมีเพียงน้อยนิด
สมาชิกวงเกริล์กกรุ๊ปเหล่านี้มีคุณสมบัติไม่ต่างจากวงเอ็มเอสเอ็น แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเหมือนวงเอ็มเอสเอ็น สาเหตุนอกจากทรัพยากรการลงทุน จังหวะและโชคเป็นต้นแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือไม่มีเพลงที่ดีพอให้ร้องกันอย่างแพร่หลายตามท้องถนน
เพลงดีกับนักร้องที่ดี คือสิ่งที่เสริมสร้างซึ่งกันและกัน!
สาเหตุที่อัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ ขายดีมาก เป็นเพราะความดีความชอบในพลังโปรโมตของเฟยสือเรคคอร์ด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือลู่เฉินได้แต่งเพลงและควบคุมการผลิตเพลงให้วงเอ็มเอสเอ็นสามเพลง หนึ่งในนั้นคือเพลงหลัก
จากการประเมินของเหล่าแฟนคลับที่เป็นผู้ฟัง เพลง ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ เพลง ‘ความรักอยู่ที่ไหน’ และเพลง ‘เขายังคงไม่เข้าใจ’ ทำให้อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่มีศักยภาพและคุณภาพ สมควรได้รับรางวัลแพลตตินั่มดิสก์อวอร์ดส์ ได้รับความนิยมและความชื่นชอบจากผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน
การจัดอันดับชาร์ตเพลงฮิตในสัปดาห์ล่าสุด ทั้งสามเพลงล้วนติดยี่สิบอันดับแรก!
ตั้งแต่ต้นจนจบ ลู่เฉินต้องการเดินบนเส้นทางซูเปอร์สตาร์อย่างอิสระเสรี
เขาไม่อยากถูกมัดมือมัดเท้า
การปฏิเสธของลู่เฉินไม่ได้เกินความคาดหมายของหลินจื้อเจี๋ย ผู้อำนวยการเพลงของเฟยสือเรคคอร์ดคนนี้แค่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะว่าเขาอยากจะดึงลู่เฉินเข้ามาร่วมทัพของตัวเองเป็นอย่างมาก
แต่หลินจื้อเจี๋ยก็ไม่ได้ใส่ใจมากเกินไป เขาก็แค่ลองดู หากสำเร็จก็เป็นเรื่องดี หากล้มเหลวก็ไม่จำเป็นต้องท้อใจเพราะไม่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย
หลินจื้อเจี๋ยกระทั่งรู้สึกนับถือลู่เฉินมาก
เพราะเด็กหนุ่มที่กำลังหนุ่มแน่นอย่างเขา กลับต้านทานคำขออ้อนวอนของวงเอ็มเอสเอ็นได้ มีสติที่แรงกล้ามาก
หลินจื้อเจี๋ยจึงลองขออย่างอื่นแทน “งั้นก็ได้ แต่ต่อไปนายจะต้องดูแลน้องสาวสามคนนี้ให้มากๆ นะ!”
ลู่เฉินกระอักกระอ่วน “พี่จื้อเจี๋ย พี่อย่าพยายามหาเรื่องหลอกผมก็พอ”
คนเก่งตัวยงที่คลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิงไม่มีใครธรรมดาสักคน อุปนิสัยของหลินจื้อเจี๋ยถือว่าดีมาก แต่ก็ยังมีแผนการของเขาเหมือนเดิม ทว่าเขาไม่เคยทำร้ายผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองก็เท่านั้น
หลินจื้อเจี๋ยหัวเราะ “พูดอะไรของนาย ฉันกับเฟยเอ๋อร์เป็นเพื่อนรักกัน จะหลอกนายได้ยังไง!”
ความสัมพันธ์ของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ สามารถปิดบังคนนอกวงการได้ แต่ไม่ถือว่าเป็นความลับสำหรับคนในวงการ
ทุกคนต่างรู้ความลับของกันและกันแต่ไม่พูดออกมา
หากใครจงใจแฉออกมา ก็ต้องผิดใจกับใครหลายคน นี่ถือเป็นหนึ่งในกฎของวงการบันเทิง
หลินจื้อเจี๋ยกับลู่เฉินแล้วก็เฉินเฟยเอ๋อร์มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังนั้นล้อเล่นกันจึงไม่มีปัญหา
เพียงแต่มู่เสี่ยวชูฟังแล้ว นัยน์ตากลับหม่นลงเล็กน้อย
ลู่เฉินชอบเธอ แต่เป็นแบบพี่ชายกับน้องสาวเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับอย่างอื่น
เธอชอบลู่เฉิน ไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอน
หลินจื้อเจี๋ยมองออก เขาให้วงเอ็มเอสเอ็นไหว้ลู่เฉินเป็นอาจารย์ ความจริงก็อยากให้เธอตัดใจ
แต่จุดนี้กลับพูดออกมาไม่ได้
แน่นอนว่าตัวเอกในคืนนี้ก็คือวงเอ็มเอสเอ็น พอถึงเวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง งานเลี้ยงเฉลิมฉลองก็เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
ตามธรรมเนียมนิยม ตัวแทนผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดจะต้องขึ้นมากล่าวสุนทรพจน์บนเวทีก่อน
โชคดีที่ไม่พูดจาไร้สาระมากเกินไป
พิธีการถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการ บรรยากาศเต็มไปด้วยความรื่นเริงสนุกสนาน สาวสวยทั้งสามของวงเอ็มเอสเอ็นปรากฏตัวภายใต้เสียงเพลงที่คึกคัก พอขึ้นมาก็ร้องเพลง ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ ให้กับแขกผู้มีเกียรติที่อยู่ในงาน
เมื่อเทียบกับความเยาว์วัยไร้ประสบการณ์ตอนที่เพิ่งสร้างวง การร้องและเต้นของพวกเธอมีการพัฒนาสูงมาก
ทันทีที่ร้องเพลงจบหนึ่งเพลง เสียงปรบมือก็ดังสนั่นไปทั่วทั้งงาน!
…………………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar