(นิยายแปล) Perfect Superstar นิยาย บท 241

สรุปบท ตอนที่ 241 งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จ: (นิยายแปล) Perfect Superstar

อ่านสรุป ตอนที่ 241 งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จ จาก (นิยายแปล) Perfect Superstar โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 241 งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายSlice of Life (นิยายแปล) Perfect Superstar ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 241 งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จ

ลู่เฉินกับเลี่ยวเจี่ยไม่ได้เดินไปไกล

สาเหตุที่ต้องหนีจากที่เกิดเหตุ ประเด็นหลักก็คือฐานะของทั้งสองคนชัดเจนเกินไป ต่อให้เป็นการป้องกันตัว ก็จะถูกสื่อมองว่าเมาแล้วทะเลาะวิวาทได้ง่าย เสียภาพลักษณ์ในสายตามวลชน

หลังจากเลี่ยวเจี่ยสร่างเมาแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรศัพท์สองสามสาย

แล้วท้ายที่สุดก็พูดกับลู่เฉินว่า “ส่วนใหญ่แล้วไม่มีปัญหา เด็กพวกนั้นเป็นคนของบริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่ง ไม่มีใครบาดเจ็บ ทั้งหมดถูกตำรวจควบคุมตัวแล้ว เสี่ยวหลี่กำลังจัดการอยู่”

“ถ้ามีรูปภาพหรือวิดีโอถูกอัปโหลดลงเน็ต นายห้ามยอมรับเด็ดขาด!”

ลู่เฉินยิ้มพลางเอ่ยว่า “เรื่องนี้ผมรู้ครับ พี่เลี่ยววางใจได้”

เลี่ยวเจี่ยยื่นมือไปตบไหล่ลู่เฉินอย่างแรง แล้วกล่าวว่า “ฝีมือของนายสุดยอดมาก!”

เขารู้สึกนับถือลู่เฉินอย่างจริงใจ

เลี่ยวเจี่ยเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นหมาดๆ ก็เข้ามาใช้ชีวิตในสังคมแล้ว ดังนั้นจึงมีความเป็นอันธพาลอยู่ในตัว ถ้าหากไม่ได้เจออาจารย์ผู้มีพระคุณอย่างเกาอี้ คาดว่าตอนนี้เขาถ้าไม่ตายข้างทางก็คงอยู่ในซังเตที่ไหนสักแห่ง

ตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมระดับล่าง เลี่ยวเจี่ยก็ชกต่อยท้าดวลกับคนอื่นมาหลายครั้ง ดังนั้นเวลาที่เจอใครหาเรื่องจึงไม่ตกใจกลัวจนอกสั่นขวัญแขวน แต่กลับยกขวดเหล้าขึ้นมาสู้กับอีกฝ่าย

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เขามองออกว่าลู่เฉินมีฝีมือที่แข็งแกร่งมาก คนหลังทำลายกำลังต่อสู้ของอีกฝ่ายให้ทลายลงภายในชั่วพริบตาเดียว ถึงแม้จะเป็นการลอบโจมตี แต่ก็เป็นพลังที่แข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย

ลู่เฉินสูงหล่อ เลี่ยวเจี่ยแค่นหัวเราะ ลู่เฉินมากความสามารถ เลี่ยวเจี่ยจึงมองเขาในมุมที่ต่างออกไป แต่ความสามารถในการต่อสู้ของลู่เฉินกลับทำให้เลี่ยวเจี่ยรู้สึกยอมแพ้และนับถืออย่างแท้จริง

นี่คือนิสัยและประสบการณ์ในชีวิตของเขา

บวกกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ เลี่ยวเจี่ยจึงทำอะไรปุบปับ พลันเอ่ยขึ้นว่า “ลู่เฉิน ต่อไปพวกเราเป็นพี่น้องกันแล้วนะ ถ้าหากในปักกิ่งนายเจอเรื่องอะไรที่แก้ปัญหาไม่ได้ มาหาฉันพี่ชายคนนี้ก็พอ!”

เขายืดอกและตบเสียงดัง

ลู่เฉินหัวเราะไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคนในวงการถึงวิพากษ์วิจารณ์เลี่ยวเจี่ยแบบนี้

ทว่าคนแบบนี้ถึงแม้จะมีนิสัยโผงผาง แต่กลับไม่ใช่คนใจแคบ ไม่เหมือนคนที่หน้าตายิ้มแย้มแล้วแทงข้างหลัง

ลู่เฉินเอ่ยว่า “พี่เลี่ยว…”

กริ๊ง~

เขาเพิ่งจะเอ่ยปาก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพอดี “…ผมขอรับสายก่อนนะครับ”

คนที่โทรมาหาลู่เฉิน ก็คือเฉินเฟยเอ๋อร์

ดูเหมือนราชินีคนนี้จะโกรธมาก รีบถามทันที “เลี่ยวเจี่ยอยู่กับนายใช่ไหม”

ลู่เฉิน “เอ่อ…”

เฉินเฟยเอ๋อร์กล่าวว่า “นายเอาโทรศัพท์ให้เขาหน่อย ฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับเขา!”

ลู่เฉินจึงได้แต่ยื่นโทรศัพท์ให้เลี่ยวเจี่ย “ของพี่ครับ”

เลี่ยวเจี่ยตกใจ “ใครเหรอ”

คนที่โทรหาลู่เฉินจะถามถึงเขาได้อย่างไร เขาไม่เข้าใจ

ลู่เฉินยิ้มเจื่อน

สัญชาตญาณบอกลู่เฉินว่า เฉินเฟยเอ๋อร์จะต้องรู้เรื่องทั้งหมดที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างแน่นอน จึงอยากซักถามเพื่อเอาผิด!

ข่าวนี้แพร่กระจายเร็วเกินไปหรือเปล่า

เลี่ยวเจี่ยก็ไม่โง่ เห็นสีหน้าของลู่เฉินแล้วจึงเข้าใจทันที “น้องสะใภ้เหรอ”

เหอะ เฉินเฟยเอ๋อร์ถูกเรียกว่า ‘น้องสะใภ้’ ออกมาจากปากของเขาแล้ว!

เขาสีหน้าเปลี่ยนทันที รีบโบกมือพูดว่า “ฉันไม่รับ นายบอกน้องสะใภ้ไปว่าฉันยอมรับผิดแล้ว รับรองว่าต่อไปจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีก!”

ลู่เฉินถูกเลี่ยวเจี่ยลักตัวมา เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าหากมีผลกระทบต่อลู่เฉิน ความรับผิดชอบต้องตกอยู่กับเลี่ยวเจี่ยมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

ตัวเขาเองเป็นคนนิสัยมุทะลุเอ้อระเหยลอยชาย ต่อให้มีเรื่องชกต่อยแดงออกมา จริงๆ แล้วก็ไม่ต้องสนใจเท่าไร

ทว่าลู่เฉินไม่เหมือนกัน เดิมทีชื่อเสียงของเขาดีมาตลอด และหน้าที่การงานก็อยู่ในช่วงขาขึ้น เป็นช่วงสะสมความนิยมพอดี ไม่ว่านิสัยที่บกพร่องในด้านไหนล้วนมีผลกระทบต่อเขาอย่างมาก

จึงเป็นเรื่องธรรมดามากที่เฉินเฟยเอ๋อร์จะโกรธ

เลี่ยวเจี่ยไม่เพียงไม่รับสายของเฉินเฟยเอ๋อร์ แถมยังเตรียมหนี “ฉันไปหาเสี่ยวหลี่ก่อน นายนั่งแท็กซี่กลับบ้านเองนะ แล้วมาเบิกค่ารถกับฉันทีหลัง แบบนี้ถึงจะปลอดภัย”

ลู่เฉินพูดไม่ออกจริงๆ…อีตานี่เป็นมนุษย์ลุงชัดๆ!

ด้วยความจนใจ เขาจึงได้แต่พูดกับเฉินเฟยเอ๋อร์ว่า “พี่ได้ยินหมดแล้วใช่ไหม พี่เลี่ยวหนีไปแล้วครับ”

“พระหนีได้แต่วัดหนีไม่ได้!”

เฉินเฟยเอ๋อร์พูดฮึดฮัดด้วยความโกรธ “หนี้บัญชีนี้ฉันจะคิดกับเขาแน่นอน ต่อไปนายเจอเขาก็เดินอ้อมไปเลย…”

พี่สาวราชินีคุยโทรศัพท์บ่นจู้จี้จุกจิกกับลู่เฉินมากมาย

เธอไม่ค่อยพอใจเลี่ยวเจี่ยอย่างเห็นได้ชัด เธอกลัวว่าต่อไปลู่เฉินจะถูกเขาทำเสียคน จึงให้ลู่เฉินระวังตัว

เฉินเฟยเอ๋อร์กระทั่งยังต่อว่าลู่เฉินว่าทำไมถึงบุ่มบ่ามอย่างนั้น

ลู่เฉินไม่พูด

ความจริงลู่เฉินรู้สึกว่าเลี่ยวเจี่ยไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร สามารถคบเป็นเพื่อนได้

แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพูดกับเฉินเฟยเอ๋อร์ที่กำลังโกรธเดือดดาลอยู่

พูดตามจริง ลู่เฉินเพิ่งเคยเห็นเฉินเฟยเอ๋อร์โกรธแบบนี้เป็นครั้งแรก ถึงแม้จะถูกกั้นด้วยโทรศัพท์ก็ตาม

แต่ก็รู้สึกถึงความแปลกใหม่มาก

หลังจากเฉินเฟยเอ๋อร์ตำหนิโทษและตักเตือนเรียบร้อยแล้ว ก็รู้สึกว่าตัวเองเพิ่มแรงกดดันให้ลู่เฉินมากเกินไป เธอจึงเอ่ยพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน ฉันจะไปรับนาย”

สำหรับนักร้องระดับสามระดับสี่พวกนั้น ถ้าอยากจะให้อัลบั้มมียอดขายมากกว่าหนึ่งแสน ก็ยังต้องใช้วิธีเล่นนอกเกมเข้าช่วย

เพราะฉะนั้นยอดขายแค่หลักหมื่นหรือหลักพันจึงเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก!

วงเกิร์ลกรุ๊ปสาวสวยเอ็มเอสเอ็นเป็นเกิร์ลกรุ๊ปของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดที่เพิ่งเปิดตัวปีนี้ หลังจากบริษัทแผ่นเสียงเจ้าเก่าเปลี่ยนมาเป็นบริษัทบันเทิง ก็เปิดไพ่ใบนี้ออกมาเพื่อแย่งชิงตลาดวัยรุ่น

เนื่องจากมีประสบการณ์ที่ล้มเหลวมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นการสร้างวงเอ็มเอสเอ็นขึ้นมา บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดจึงลงทุนทรัพยากรและเงินทุนจำนวนมหาศาล แค่ต้นทุนของอัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ อย่างเดียวก็ลงทุนไปเกินสิบล้านแล้ว!

การทุ่มเงินแบบนี้ แม้แต่ในเมืองหลวงอย่างปักกิ่งที่มีบริษัทบันเทิงมากมายนับไม่ถ้วนก็มีให้เห็นน้อยมาก

ดังนั้นในสายตาของคนในวงการ อัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ ทำผลงานดีจึงเป็นเรื่องปกติ หากผลงานไม่ดีสิถึงจะไม่ปกติ

ทว่ากลับไม่มีใครคาดถึงว่า วงเอ็มเอสเอ็นจะดังเป็นพลุแตกแบบนี้

ยังไม่ต้องพูดถึงอัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ ที่มียอดขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เพียงแค่งบประมาณล่วงหน้าในเว็บไซต์ระดมทุนอย่างเดียว สินค้าต่อพ่วงเซ็ตลิมิเต็ดที่ราคาสูงถึง 1,888 หยวน จำนวน 688 ชุดก็ถูกขายจนหมดเกลี้ยง!

ยอดเงินจำนวนนี้ บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดได้กำไรกลับคืนมาเกือบล้าน!

เพราะฉะนั้นถึงแม้หลายคนในวงการจะสงสัยเกี่ยวกับยอดขายที่น่าตกใจของอัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ แต่บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดก็ยังจัดงานเลี้ยงฉลองสำหรับรางวัลแพลตตินั่มดิสก์อวอร์ดส์ด้วยความพอใจเป็นอย่างมาก เชิญเพื่อนในวงการเดียวกันและเหล่าแฟนคลับของวงเอ็มเอสเอ็นมาร่วมแสดงความยินดีมากมาย

ในฐานะผู้แต่งและผู้ควบคุมการผลิตเพลงหลักของอัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ แน่นอนว่าลู่เฉินจะต้องถูกเชิญอยู่แล้ว

หลินจื้อเจี๋ยไปส่งบัตรเชิญที่สตูดิโอลู่เฉินด้วยตัวเอง

ผู้อำนวยการเพลงบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดคนนี้บอกลู่เฉินว่า ผลงานอัลบั้ม ‘ยังไม่ใช่คนรัก’ เป็นของจริง เดิมทีบริษัทเตรียมเงินทุนจะซื้อชาร์ตเพลงแล้ว แต่ตอนหลังพบว่าไม่จำเป็นต้องใช้เลย

ยอดขายในวันแรกก็ดึงดูดสายตาของทุกคนอย่างน่าตกใจ แม้แต่คนในบริษัทก็ยังไม่อยากจะเชื่อ

รางวัลแพลตตินั่มดิสก์อวอร์ดส์นี้เป็นของแท้แน่นอน สามารถทนรับการตรวจสอบใดๆ ได้ทุกอย่าง ดังนั้นจึงมีเหตุผลสมควรที่จะจัดงานเลี้ยงฉลองเป็นอย่างยิ่ง!

หลินจื้อเจี๋ยยังบอกลู่เฉินอีกว่า ตอนนี้การแสดงโชว์ของวงเอ็มเอสเอ็นมีราคาเกินสามแสนหยวนแล้ว ค่าพรีเซ็นเตอร์โฆษณามีอย่างน้อยหนึ่งล้าน ถ้าหากให้เวลาอีกนิดหน่อยก็จะกลายเป็นเสาหลักของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ด

หรือจะพูดให้ชัดเจนก็คือเป็นต้นไม้เขย่าเงิน

เพราะฉะนั้นทางเฟยสือเรคคอร์ด จึงหวังว่าจะได้ร่วมงานเชิงลึกกับสตูดิโอลู่เฉินอีก

ในอัลบั้มต่อไป ลู่เฉินจะได้ส่วนแบ่ง ซ้ำยังเป็นส่วนแบ่งจากการขาย!

งานเลี้ยงฉลองนี้ แน่นอนว่าเขาจึงเป็นแขกกิตติมศักดิ์

ตอนที่รีบมาถึงห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมลี่จิง ภายในก็มีเสียงเซ็งแซ่ของผู้คนมากมาย โต๊ะจัดเลี้ยงสิบกว่าตัวมีคนนั่งเต็มทุกที่นั่ง

เวทีใหญ่ด้านหน้าถูกตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว บนจอแอลอีดีขนาดยักษ์กำลังเผยแพร่ภาพเบื้องหลังขณะที่ถ่ายทำมิวสิควิดีโอของวงเอ็มเอสเอ็นและบันทึกชีวิตประจำวันของพวกเธอ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเฟยสือเรคคอร์ดต่างยืนอยู่บนพรมแดง

รอยยิ้มสดใสยินดีปรีดาล้วนอยู่บนใบหน้าของทุกคน

“อาจารย์ลู่!”

ลู่เฉินเพิ่งจะเข้ามา ก็มีคนทักทายเขาทันที

…………………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar