ตอนที่ 241 งานเลี้ยงฉลองความสำเร็จ
ลู่เฉินกับเลี่ยวเจี่ยไม่ได้เดินไปไกล
สาเหตุที่ต้องหนีจากที่เกิดเหตุ ประเด็นหลักก็คือฐานะของทั้งสองคนชัดเจนเกินไป ต่อให้เป็นการป้องกันตัว ก็จะถูกสื่อมองว่าเมาแล้วทะเลาะวิวาทได้ง่าย เสียภาพลักษณ์ในสายตามวลชน
หลังจากเลี่ยวเจี่ยสร่างเมาแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรศัพท์สองสามสาย
แล้วท้ายที่สุดก็พูดกับลู่เฉินว่า “ส่วนใหญ่แล้วไม่มีปัญหา เด็กพวกนั้นเป็นคนของบริษัทรักษาความปลอดภัยแห่งหนึ่ง ไม่มีใครบาดเจ็บ ทั้งหมดถูกตำรวจควบคุมตัวแล้ว เสี่ยวหลี่กำลังจัดการอยู่”
“ถ้ามีรูปภาพหรือวิดีโอถูกอัปโหลดลงเน็ต นายห้ามยอมรับเด็ดขาด!”
ลู่เฉินยิ้มพลางเอ่ยว่า “เรื่องนี้ผมรู้ครับ พี่เลี่ยววางใจได้”
เลี่ยวเจี่ยยื่นมือไปตบไหล่ลู่เฉินอย่างแรง แล้วกล่าวว่า “ฝีมือของนายสุดยอดมาก!”
เขารู้สึกนับถือลู่เฉินอย่างจริงใจ
เลี่ยวเจี่ยเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นหมาดๆ ก็เข้ามาใช้ชีวิตในสังคมแล้ว ดังนั้นจึงมีความเป็นอันธพาลอยู่ในตัว ถ้าหากไม่ได้เจออาจารย์ผู้มีพระคุณอย่างเกาอี้ คาดว่าตอนนี้เขาถ้าไม่ตายข้างทางก็คงอยู่ในซังเตที่ไหนสักแห่ง
ตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมระดับล่าง เลี่ยวเจี่ยก็ชกต่อยท้าดวลกับคนอื่นมาหลายครั้ง ดังนั้นเวลาที่เจอใครหาเรื่องจึงไม่ตกใจกลัวจนอกสั่นขวัญแขวน แต่กลับยกขวดเหล้าขึ้นมาสู้กับอีกฝ่าย
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เขามองออกว่าลู่เฉินมีฝีมือที่แข็งแกร่งมาก คนหลังทำลายกำลังต่อสู้ของอีกฝ่ายให้ทลายลงภายในชั่วพริบตาเดียว ถึงแม้จะเป็นการลอบโจมตี แต่ก็เป็นพลังที่แข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย
ลู่เฉินสูงหล่อ เลี่ยวเจี่ยแค่นหัวเราะ ลู่เฉินมากความสามารถ เลี่ยวเจี่ยจึงมองเขาในมุมที่ต่างออกไป แต่ความสามารถในการต่อสู้ของลู่เฉินกลับทำให้เลี่ยวเจี่ยรู้สึกยอมแพ้และนับถืออย่างแท้จริง
นี่คือนิสัยและประสบการณ์ในชีวิตของเขา
บวกกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ เลี่ยวเจี่ยจึงทำอะไรปุบปับ พลันเอ่ยขึ้นว่า “ลู่เฉิน ต่อไปพวกเราเป็นพี่น้องกันแล้วนะ ถ้าหากในปักกิ่งนายเจอเรื่องอะไรที่แก้ปัญหาไม่ได้ มาหาฉันพี่ชายคนนี้ก็พอ!”
เขายืดอกและตบเสียงดัง
ลู่เฉินหัวเราะไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคนในวงการถึงวิพากษ์วิจารณ์เลี่ยวเจี่ยแบบนี้
ทว่าคนแบบนี้ถึงแม้จะมีนิสัยโผงผาง แต่กลับไม่ใช่คนใจแคบ ไม่เหมือนคนที่หน้าตายิ้มแย้มแล้วแทงข้างหลัง
ลู่เฉินเอ่ยว่า “พี่เลี่ยว…”
กริ๊ง~
เขาเพิ่งจะเอ่ยปาก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพอดี “…ผมขอรับสายก่อนนะครับ”
คนที่โทรมาหาลู่เฉิน ก็คือเฉินเฟยเอ๋อร์
ดูเหมือนราชินีคนนี้จะโกรธมาก รีบถามทันที “เลี่ยวเจี่ยอยู่กับนายใช่ไหม”
ลู่เฉิน “เอ่อ…”
เฉินเฟยเอ๋อร์กล่าวว่า “นายเอาโทรศัพท์ให้เขาหน่อย ฉันมีเรื่องอยากจะพูดกับเขา!”
ลู่เฉินจึงได้แต่ยื่นโทรศัพท์ให้เลี่ยวเจี่ย “ของพี่ครับ”
เลี่ยวเจี่ยตกใจ “ใครเหรอ”
คนที่โทรหาลู่เฉินจะถามถึงเขาได้อย่างไร เขาไม่เข้าใจ
ลู่เฉินยิ้มเจื่อน
สัญชาตญาณบอกลู่เฉินว่า เฉินเฟยเอ๋อร์จะต้องรู้เรื่องทั้งหมดที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างแน่นอน จึงอยากซักถามเพื่อเอาผิด!
ข่าวนี้แพร่กระจายเร็วเกินไปหรือเปล่า
เลี่ยวเจี่ยก็ไม่โง่ เห็นสีหน้าของลู่เฉินแล้วจึงเข้าใจทันที “น้องสะใภ้เหรอ”
เหอะ เฉินเฟยเอ๋อร์ถูกเรียกว่า ‘น้องสะใภ้’ ออกมาจากปากของเขาแล้ว!
เขาสีหน้าเปลี่ยนทันที รีบโบกมือพูดว่า “ฉันไม่รับ นายบอกน้องสะใภ้ไปว่าฉันยอมรับผิดแล้ว รับรองว่าต่อไปจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีก!”
ลู่เฉินถูกเลี่ยวเจี่ยลักตัวมา เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าหากมีผลกระทบต่อลู่เฉิน ความรับผิดชอบต้องตกอยู่กับเลี่ยวเจี่ยมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
ตัวเขาเองเป็นคนนิสัยมุทะลุเอ้อระเหยลอยชาย ต่อให้มีเรื่องชกต่อยแดงออกมา จริงๆ แล้วก็ไม่ต้องสนใจเท่าไร
ทว่าลู่เฉินไม่เหมือนกัน เดิมทีชื่อเสียงของเขาดีมาตลอด และหน้าที่การงานก็อยู่ในช่วงขาขึ้น เป็นช่วงสะสมความนิยมพอดี ไม่ว่านิสัยที่บกพร่องในด้านไหนล้วนมีผลกระทบต่อเขาอย่างมาก
จึงเป็นเรื่องธรรมดามากที่เฉินเฟยเอ๋อร์จะโกรธ
เลี่ยวเจี่ยไม่เพียงไม่รับสายของเฉินเฟยเอ๋อร์ แถมยังเตรียมหนี “ฉันไปหาเสี่ยวหลี่ก่อน นายนั่งแท็กซี่กลับบ้านเองนะ แล้วมาเบิกค่ารถกับฉันทีหลัง แบบนี้ถึงจะปลอดภัย”
ลู่เฉินพูดไม่ออกจริงๆ…อีตานี่เป็นมนุษย์ลุงชัดๆ!
ด้วยความจนใจ เขาจึงได้แต่พูดกับเฉินเฟยเอ๋อร์ว่า “พี่ได้ยินหมดแล้วใช่ไหม พี่เลี่ยวหนีไปแล้วครับ”
“พระหนีได้แต่วัดหนีไม่ได้!”
เฉินเฟยเอ๋อร์พูดฮึดฮัดด้วยความโกรธ “หนี้บัญชีนี้ฉันจะคิดกับเขาแน่นอน ต่อไปนายเจอเขาก็เดินอ้อมไปเลย…”
พี่สาวราชินีคุยโทรศัพท์บ่นจู้จี้จุกจิกกับลู่เฉินมากมาย
เธอไม่ค่อยพอใจเลี่ยวเจี่ยอย่างเห็นได้ชัด เธอกลัวว่าต่อไปลู่เฉินจะถูกเขาทำเสียคน จึงให้ลู่เฉินระวังตัว
เฉินเฟยเอ๋อร์กระทั่งยังต่อว่าลู่เฉินว่าทำไมถึงบุ่มบ่ามอย่างนั้น
ลู่เฉินไม่พูด
ความจริงลู่เฉินรู้สึกว่าเลี่ยวเจี่ยไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร สามารถคบเป็นเพื่อนได้
แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพูดกับเฉินเฟยเอ๋อร์ที่กำลังโกรธเดือดดาลอยู่
พูดตามจริง ลู่เฉินเพิ่งเคยเห็นเฉินเฟยเอ๋อร์โกรธแบบนี้เป็นครั้งแรก ถึงแม้จะถูกกั้นด้วยโทรศัพท์ก็ตาม
แต่ก็รู้สึกถึงความแปลกใหม่มาก
หลังจากเฉินเฟยเอ๋อร์ตำหนิโทษและตักเตือนเรียบร้อยแล้ว ก็รู้สึกว่าตัวเองเพิ่มแรงกดดันให้ลู่เฉินมากเกินไป เธอจึงเอ่ยพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน ฉันจะไปรับนาย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar