ตอนที่ 255 ข่าวลือกับการออกอากาศครั้งแรก
แชะๆ!
เสียงกดชัตเตอร์พลันดังขึ้นในร้านอาหาร ปรากฏแสงแสบตาขึ้นมาพร้อมกันในชั่วพริบตา
เห็นเพียงชายหนุ่มรูปร่างเตี้ยล่ำยืนอยู่หลังโต๊ะอาหารบุฟเฟ่ต์ สองมือจับกล้องเอสแอลอาร์สีดำกล้องหนึ่ง โน้มตัวไปข้างหน้ากระดกก้นขึ้นมา กับนิ้วมือที่รีบกดชัตเตอร์อย่างเต็มที่ โดยไม่สนใจว่าการกระทำของตัวเองจะรบกวนลูกค้าที่มารับประทานอาหารในร้านหรือไม่
พนักงานสองสามคนที่อยู่ใกล้ก็ตกตะลึงเป็นอย่างแรก พอได้สติกลับมา ก็โกรธแล้วรีบพุ่งเข้าไปล้อมเขาทันที!
โรงแรมแมริออทแห่งนี้อยู่ในเครือโรงแรมห้าดาวระดับสากล เนื่องจากอยู่ใกล้โรงถ่ายจินหลิง ดังนั้นจึงเป็นสถานที่ที่ดาราดังหลายคนเลือกพักอยู่ชั่วคราวตอนที่เดินทางมาถ่ายทำละคร
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมจึงมีกำลังสูงมากเป็นธรรมดา เหมือนอย่างห้องชุดข้างบน บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องไม่สามารถเข้าไปได้ แต่ร้านอาหารเป็นสถานที่เปิดกว้างต่อคนภายนอก ดังนั้นปาปารัสซี่จึงแอบเข้ามาถ่ายรูปได้เป็นเรื่องปกติ
ถ้าอยากจะรักษาความเป็นส่วนตัว ทางที่ดีที่สุดก็ต้องกินข้าวในห้องวีไอพี แต่ฝ่ายตรงข้ามที่ปาปารัสซี่คนนี้ถ่ายรูปได้เย็นนี้ เผอิญว่าไม่ได้กินข้าวในห้องวีไอพี ดังนั้นจึงนำมาซึ่งมรสุมเล็กๆ น้อยๆ
ก่อนที่พนักงานจะมาขวางทางตัวเอง ปาปารัสซี่ก็อุ้มกล้องหันหน้าแล้วรีบวิ่งหนี ร่างกายที่คล่องแคล่วปราดเปรียวสามารถเข้าแข่งขันกีฬาได้เลย เพียงชั่วพริบตาก็หายไปจากหน้าร้าน ทำให้คนได้แต่ร้อนใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ ลู่เฉินจึงส่ายหน้าอย่างจนใจ
ตอนนี้เขาสัมผัสความรู้สึกน่ารำคาญในฐานะดาราคนหนึ่งได้อย่างแท้จริงในที่สุด
เฉินเฟยเอ๋อร์ที่นั่งตรงข้ามลู่เฉินหัวเราะเบาๆ และเอ่ยว่า “ถ้าชินก็โอเคแล้ว ใครสั่งให้นายไม่ไปกินในห้องวีไอพีล่ะ!”
วันนี้ถ่ายละครเสร็จก็เย็นมากแล้ว ลู่เฉินจึงตามเฉินเฟยเอ๋อร์มากินข้าวในร้านอาหารของโรงแรม คิดแค่ว่ากินให้อิ่มท้อง และก็มีแค่สี่คนเท่านั้น ดังนั้นจึงหาที่นั่งในห้องโถงใหญ่
คิดไม่ถึงว่าปาปารัสซี่จะแอบสะกดรอยตาม ไล่ตามมาถึงร้านอาหารและแอบถ่ายรูปอย่างไม่ละอายใจ
คาดว่ารูปภาพที่ถ่ายไปได้เย็นนี้คงปรากฏอยู่ในเว็บไซต์บันเทิงแห่งใดแห่งหนึ่ง จากนั้นก็เขียนหัวข้อใหญ่โต สร้างกระแสข่าวลือซุบซิบของเขากับเฉินเฟยเอ๋อร์
สองสามวันที่ผ่านมานักข่าวบันเทิงปรากฏตัวอยู่รอบกองถ่ายละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เป็นจำนวนมากอย่างกะทันหัน สาเหตุสำคัญคือความร้อนแรงของการโปรโมตละครเรื่องนี้ โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ไห่จินที่ได้จัดการแข่งขันคู่รักคัฟเวอร์เพลงโชว์ในบล็อกล่างฉาว ยิ่งทำให้เกิดกระแสนิยมการถ่ายทำผลงานตัวเองขึ้นมาบนอินเทอร์เน็ต
ได้ยินว่าผลงานที่ร่วมกิจกรรมมีมากกว่าหนึ่งหมื่นชิ้น น่าทึ่งมากจริงๆ!
ลู่เฉินเป็นคนเสนอไอเดียนี้ และได้รับความเห็นชอบจากทุกคน จ่ายเงินหนึ่งร้อยหยวนได้ประสิทธิผลการโปรโมตมูลค่าหนึ่งพันหยวน แม้แต่บล็อกทางการของสถานีโทรทัศน์ไห่จินก็มีจำนวนแฟนคลับเพิ่มมากขึ้น
ทว่ากระแสความร้อนแรงนี้ ก็นำความยุ่งยากมาให้เขากับเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่น้อย
มวลชนเกิดความสนใจในความสัมพันธ์ของทั้งสองคนมากขึ้น
หากย้อนจนถึงต้นกำเนิด รูปภาพที่ปาปารัสซี่แอบถ่ายทั้งสองคนกินข้าวในร้านอาหารคราวที่แล้ว ได้ก่อให้เกิดคลื่นลมขนาดใหญ่ ถึงแม้จะปฏิเสธข่าวลือได้สำเร็จคลื่นลมสงบลง แต่ก็ปิดบังต้นตอไม่มิดชิด
ตอนนี้ทั้งสองคนเล่นละครคู่กัน แถมยังร้องเพลงรักซึ่งเป็นเพลงประกอบละครด้วยกันอีก คนอื่นไม่สงสัยก็คงแปลกน่าดู!
พี่จางที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันนิ่งเฉยมาก เธอเอ่ยว่า “ไม่ต้องสนใจพวกเขา ถึงเวลาค่อยออกแถลงการณ์ก็พอ”
ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์กำลังคบกันอยู่เป็นความจริง อยากจะปิดก็ปิดไม่อยู่ แต่ถ้าเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชนตอนนี้ก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ชาญฉลาด ทางที่ดีที่สุดคือปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ รอให้เงื่อนไขต่างๆ สุกงอมแล้วเรื่องต่างๆ ก็จะบรรลุผลสำเร็จเอง
ส่วนข่าวลืออะไรนั่น ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอย่างไร ทั้งสองคนก็จะพูดว่าเป็นเพื่อนเป็นพี่สาวกับน้องชายกันเท่านั้น ไม่ยอมรับทั้งหมดและไม่เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา แค่ทำให้ทุกคนเคยชินก็พอ
ความจริงแล้วคู่รักชายหญิงในวงการบันเทิงหลายคนก็เป็นแบบนี้ ขอแค่ไม่ถูกคนอื่นจับภาพเสน่หารักใคร่สนิทสนมแนบแน่น ใช้กลยุทธ์คลุมเครือเป็นวิธีการที่ดีที่สุด แบบนี้สื่อก็มีหัวข้อให้พูดคุย และไม่ทำให้แฟนคลับที่บ้าคลั่งบางคนก่อเรื่องวุ่นวาย
นอกจากนี้อนาคตหากเลิกกัน เวลาคนอื่นถามก็ได้แต่หัวเราะเหอะๆ แล้วกล่าวว่า “พวกเราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ไม่เคยคบกันมาก่อนแล้วจะอกหักได้ยังไง”
การคบๆ เลิกๆ ในวงการบันเทิงเป็นเรื่องที่ปกติมาก คนที่รู้จักปกป้องตัวเองก็จะสวมหน้ากากอีกหนึ่งอัน
คนที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวอะไร อยู่ในวงการแบบนี้ไม่รอดหรอก
ถึงแม้จะมีคนแบบนี้จริง ก็ล้วนแต่แสร้งทำออกมาทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นรูปภาพที่ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์กินข้าวด้วยกันถูกปาปารัสซี่จับภาพได้จึงไม่มีผลอะไร เพราะผู้ช่วยของทั้งสองก็อยู่ด้วย แค่อธิบายนิดๆ หน่อยๆ ก็จบแล้ว
ทว่าสิ่งที่ทำให้ลู่เฉินกลุ้มใจจริงๆ กลับไม่ใช่ตัวเอง แต่คือคนในครอบครัว
ถึงแม้ลู่ซีจะรู้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคน แต่ก็ไม่ได้บอกแม่ และข่าวลือที่แพร่ออกไปก็ไม่อาจต้านทานได้ ทำให้คนรู้จักหลายคนต่างมาถามฟางอวิ๋น แม้กระทั่งลู่เสวี่ยก็ยังถูกถาม
“ลู่เฉินลูกของเธอกำลังคบกับเฉินเฟยเอ๋อร์จริงๆ เหรอ”
เมื่อวานและวันนี้ ฟางอวิ๋นกับลู่เสวี่ยต่างก็โทรศัพท์มาหา ทำให้ลู่เฉินรู้สึกละอายใจและเป็นกังวล
และคนปากมากอย่างลู่เสวี่ย ถ้าหากเขาพูดความจริง รับรองว่าจะต้องถูกเธอป่าวประกาศไปทั่วแวดวงของเพื่อนๆ ทันที
พี่สะใภ้ของฉันคือเฉินเฟยเอ๋อร์!
ลู่เฉินสามารถจินตนาการท่าทางโอ้อวดอย่างภาคภูมิใจของน้องสาวได้ทั้งหมด
เป็นดาราอยากมีความรักไม่ง่ายเลย!
พอกินข้าวเย็นอย่างลวกๆ เสร็จแล้ว ลู่เฉินก็กลับไปที่ห้องพักของตัวเอง
เขาเพิ่งจะชงน้ำชานั่งลงบนโซฟา ก็ได้ยินเสียง ‘ติ๊ด’ ของประตู จากนั้นก็มีคนผลักออก
เฉินเฟยเอ๋อร์แวบตัวเข้ามาอย่างอ่อนช้อย
ห้องพักเอ็กเซ็กคิวทีฟสวีทของลู่เฉินห้องนี้มีคีย์การ์ดให้สองใบ ใบหนึ่งเขาเอาไว้พกติดตัว อีกใบหนึ่งให้เฉินเฟยเอ๋อร์ที่พักอยู่ห้องข้างๆ เหตุผลนั้นไม่ต้องพูดให้มากมาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar