ตอนที่ 260 จางลี่เวย
ครืด~
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ที่เปิดไว้แบบใช้ระบบสั่นก็ดังขึ้น จางลี่เวยจึงตกใจตื่นจากความฝัน
เธอยื่นมือออกมาจากผ้าห่มอย่างสะลึมสะลือ คว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่บนตู้ข้างเตียง คลำหาปุ่มปิดเปิดแล้วใช้แรงกดเล็กน้อย ปิดนาฬิกาที่ตั้งปลุกล่วงหน้า
ภายในห้องที่ผ้าม่านปิดสนิท มองเห็นเพียงแสงรำไรที่ลอดออกมาจากช่องของผ้าม่าน จางลี่เวยนอนหลับบนเตียงเงียบๆ อีกสองสามนาที จนกระทั่งสมองและร่างกายอยู่ในสภาวะที่ตื่นตัวทั้งหมดแล้ว ถึงได้ลุกขึ้นจากเตียงอย่างไม่รีบร้อน แล้วสวมเสื้อคลุม
เธอมีอายุยี่สิบกว่าปีแล้ว ถึงแม้จะอยู่ในช่วงที่เป็นสาวสวยวัยใส แต่รูปร่างหน้าตาก็แก่ชราง่าย ถ้าหากไม่เริ่มดูแลรักษาให้ดีตั้งแต่ตอนนี้ รอให้อายุสามสิบกว่าแล้วค่อยดูแล แบบนั้นก็จะต้องลงทุนลงแรงมาก
จางลี่เวยรักและทะนุถนอมตัวเองมาก เธอรู้จักเรียนรู้การบำรุงรักษาชีวิตตัวเองมานานแล้ว ใช้จิตใจและร่างกายที่เปี่ยมพลังเผชิญหน้ากับงานของตัวเองในทุกขณะ
และในจุดนี้ ก็ทำให้เธอโดดเด่นจากคู่แข่งหลายคน จึงได้รับโอกาสอันล้ำค่าครั้งนี้
เธอกำลังถ่ายละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ โดยรับบทเป็นชุยซินอ้าย
เป็นบทบาทที่คนเกลียดชังสุดๆ
หลังจากล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำเรียบร้อย จางลี่เวยใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มถึงจะบำรุงรักษาผิวหน้าในตอนเช้าเสร็จ ทั้งมาส์กหน้า บำรุงรอบดวงตา กำจัดความมันในรูขุมขนขั้นล้ำลึก…
ในฐานะที่ทำอาชีพนักแสดง การแต่งหน้าก่อนถ่ายทำเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ และเครื่องสำอางชนิดต่างๆ ก็เร่งผิวหน้าให้แก่เร็วขึ้น ถ้าหากไม่บำรุงดูแลรักษาผิวล่วงหน้า นั่นคือการไม่รับผิดชอบต่อตัวเอง
จะว่าไปคนที่ทำแบบจางลี่เวยมีน้อยมาก ตื่นล่วงหน้าหนึ่งชั่วโมงเพื่อบำรุงรักษาผิวหน้าก่อน
หลังจากดูแลผิวหน้าเรียบร้อยแล้ว เธอจึงเปลี่ยนเป็นชุดกีฬาแล้วออกจากห้อง วิ่งลงไปข้างล่างเพื่อไปออกกำลังกายในห้องฟิตเนส
ตอนที่จางลี่เวยปรากฏตัวในห้องอาหาร ก็เป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่งแล้ว
นักแสดงและทีมงานละครส่วนใหญ่จะรับประทานอาหารเช้าในห้องอาหารนี้ พวกเขาจะต้องเดินทางไปยังสถานที่ถ่ายทำก่อนเวลาแปดโมงเช้า เพื่อเริ่มงานถ่ายทำของวันนี้
และในห้องอาหารนี้ ก็ไม่ได้มีเพียงกองถ่ายละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เท่านั้น แต่ยังมีทีมงานอื่นอีกด้วย เพราะฉะนั้นจึงคึกคักเป็นอย่างมาก
ที่นี่คือหมู่บ้านฉวินอี้ของโรงถ่ายจินหลิง เป็นโรงแรมสไตล์อพาร์ตเมนต์สำหรับทีมงานที่มาถ่ายทำ ถึงแม้จะเทียบโรงแรมใหญ่ไม่ได้ แต่ก็มีที่ตั้งที่ดีเยี่ยมและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สะดวกสบายเป็นอย่างมาก
นับตั้งแต่โรงถ่ายจินหลิงเริ่มดำเนินกิจการ กองถ่ายที่พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านฉวินอี้ไม่เคยมีน้อยกว่าสามกอง แม้ว่าจะเป็นช่วงปีใหม่ก็เหมือนกัน ช่วงที่เยอะสุดมีมากกว่าสิบกองเลยทีเดียว
“สวัสดีตอนเช้าคุณจาง!” “สวัสดีตอนเช้าพี่ลี่เวย!” “สวัสดีตอนเช้าพี่เวย!”
พอเห็นจางลี่เวยเดินเข้ามา หลายคนก็ทยอยกันทักทายเธอ มีบางคนที่ไม่ใช่ทีมงานในกองถ่าย ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’
แต่ก็รู้จักเธอ แล้วยังมีบางคนอยากจะช่วยหยิบอาหารเช้าให้เธอ
ทว่าจากแววตาของคนเหล่านั้น จางลี่เวยมองเห็นสายตาของความอิจฉาและริษยา
การปฏิบัติตัวเช่นนี้ เธอไม่เคยได้รับมาก่อน
ปีนี้เธออายุยี่สิบห้าปี เรียนจบจากสถาบันภาพยนตร์ฮู่ไห่ เธอเริ่มถ่ายละครมาตั้งแต่อายุสิบเก้าปี เคยถ่ายโฆษณาเล็กๆ สองสามตัว แต่ก็ยังไม่มีชื่อเสียง และไม่เคยได้แสดงบทบาทที่สำคัญอะไรเลย
หลังจากเรียนจบเธอก็มาหางานที่เมืองหลวงกับเพื่อนของเธอ เซ็นสัญญากับบริษัทเอเจนซี่ระดับสองระดับสามบทบาทที่ดีที่สุดที่เคยรับในสองสามปีที่ผ่านมา ก็เป็นแค่ตัวประกอบปลายแถว ยามที่เดินตามท้องถนนมีเพียงสองสามคนที่จำเธอได้
พวกเพื่อนๆ ที่มาเมืองหลวงด้วยกัน บางคนยืนหยัดไม่ไหวก็เปลี่ยนอาชีพ บางคนล้มเลิกแล้วแต่งงาน มีเพียงเธอที่กัดฟันยืนหยัดอย่างเงียบๆ ขยันหมั่นเพียรเรียนรู้และทำงาน
จากนั้นแสงสว่างของชีวิต ก็พลันปรากฏขึ้น!
ถึงแม้จะเป็นตอนนี้ จางลี่เวยก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่ความจริง…เธอดังแล้ว
เหมือนกับพายุมรสุมในฤดูร้อน มาเร็วมากจนเธอตั้งตัวไม่ทัน
หากจะพูดให้เคร่งครัดกว่านี้ก็คือ ละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ที่เธอร่วมแสดงดังแล้ว เรตติ้งละครตอนล่าสุดสูงถึง 0.55% สามารถมองละครประเภทเดียวกันทั้งหมดได้อย่างโอหัง กลายเป็นหัวข้อยอดนิยมบนอินเทอร์เน็ต
ก่อนถ่ายทำละครเรื่องนี้ จางลี่เวยมีจำนวนแฟนคลับในบัญชีวีไอพีของบล็อกล่างฉาวห้าแสนกว่าคน
จำนวนแฟนคลับพวกนี้หากมองผิวเผินก็ยังพอใช้ได้ พอจะเป็นบัญชีวีไอพีได้นิดหน่อย แต่ตัวของจางลี่เวยรู้ดีว่าแฟนคลับส่วนใหญ่คือแฟนคลับที่บริษัทเอเจนซี่ใช้เงินซื้อมา ซึ่งก็คือแฟนคลับปลอมนั่นเอง
ปกติเธอโพสต์หนึ่งข้อความ มียอดคอมเมนต์เพียงน้อยนิด มากสุดก็สองสามร้อยเท่านั้น
แต่ตอนนี้ บล็อกของเธอมีแฟนคลับเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งล้านสองแสนคน และเป็นแฟนคลับจริงที่ไม่มีตัวปลอมผสม
เมื่อวานตอนบ่ายช่วงที่ว่างจากการถ่ายทำจางลี่เวยได้โพสต์ภาพถ่ายเบื้องหลัง จนถึงเมื่อคืนมียอดกดไลก์นับหมื่น ยอดแชร์และคอมเมนต์เกินหนึ่งหมื่นขึ้นไป ซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อนจนเทียบไม่ได้!
พูดตามจริง ก่อนรับเล่นบทนี้จางลี่เวยไม่เคยคาดฝันมาก่อนจริงๆ ละครเรื่องนี้ยังถ่ายทำไม่เสร็จ เธอก็เริ่มดังขึ้นมาแล้ว ตำแหน่งในวงการของเธอเพิ่มสูงขึ้นในระยะเวลาอันสั้น
แต่มีสิ่งที่น่าอึดอัดอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือมีคนด่าเธอเยอะมากในส่วนแสดงความคิดเห็น
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะจางลี่เวยนิสัยไม่ดีหรือทำเรื่องเลวร้าย แต่บทบาทที่เธอแสดงมันทำให้คนเกลียดเกินไป
ทุกคนด่าชุยซินอ้ายที่รับบทแสดงโดยจางลี่เวย
แม้แต่ตัวของจางลี่เวยหลังจากที่อ่านบทละครจบแล้ว ก็ยังหมดคำพูดกับบทบาทของตัวเอง
แต่ในฐานะนักแสดง จางลี่เวยไม่เพียงต้องแสดงจุดเด่นของตัวละครออกมาเท่านั้น เธอยังต้องขุดค้นหัวใจของตัวละครออกมาให้ได้อีกด้วย
ถึงแม้ชุยซินอ้ายจะร้าย แต่เธอก็เป็นเด็กผู้หญิงที่ขาดความรักและปรารถนาในความรักคนหนึ่ง การกระทำของเธอส่วนใหญ่มาจากจิตใจที่ไม่สมดุล ทว่าเธอไม่ได้ร้ายจนถึงที่สุด การที่เธอใช้จิตใจต่อสู้กับสภาวะที่อ้างว้างโดดเดี่ยวอย่างมุมานะก็เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การยอมรับเช่นกัน
ถ้าอยากจะจับจุดของตัวละครตัวนี้ให้มั่น นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย และต้องใช้ทักษะการแสดงที่สูงมากพอสมควร
จางลี่เวยกอดบทละครอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่ามากกว่าสิบครั้ง สิ่งที่โชคดีก็คือ เธอมักจะศึกษาพิจารณากับผู้เขียนบทบ่อยครั้ง เพื่อทำความเข้าใจความคิดของตัวละคร จากนั้นก็ทำให้ตัวละครนี้มีชีวิตขึ้นมา ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ตั้งโปรแกรมการแสดงเอาไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar