ตอนที่ 261 ข่าวที่ไม่คาดฝัน
ตอนที่ลู่เฉินเจรจากับกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์สในตอนแรก ได้เสนอความต้องการในเรื่องผู้กำกับ พระเอก และนางเอก
ตามกฎเกณฑ์ในวงการ สิ่งที่เขาทำเป็นการตัดเค้กก้อนใหญ่ที่สุดของละครเรื่องหนึ่งไป
เพราะฉะนั้นตอนที่คุยกับเป่าหลงฟิล์มก่อนหน้านั้น จู้หมิงเหอคิดว่าลู่เฉินกระเพาะใหญ่เกิน ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ดังนั้นจึงปฏิเสธละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ อย่างไม่ลังเล และถือว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ไม่ได้
จู้หมิงเหอขาดความอดทนไปนิดหน่อย คิดไม่ถึงว่าคนที่ถูกเลือกเป็นนางเอกก็คือเฉินเฟยเอ๋อร์
แต่สถานการณ์ของกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์สกลับไม่เหมือนกัน หลู่อี้ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจเป็นฝ่ายมาหาลู่เฉินด้วยตัวเอง บวกกับการทำความเข้าใจเหตุการณ์อย่างละเอียดแล้ว และตัวเองก็ยังมีพลังไม่ยิ่งใหญ่พอ จึงอยู่ในสถานะที่ด้อยกว่าเป็นธรรมดา
ดังนั้นถึงแม้ลู่เฉินจะไม่ได้บอกความต้องการอะไร การเลือกตัวประกอบที่สำคัญสองสามคนของกานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์สก็ยังเคารพความคิดเห็นของลู่เฉินอย่างเต็มที่
ชุยซินอ้ายคือตัวประกอบหญิงคนแรกในเรื่อง เป็นบทที่สำคัญมาก ต้องเล่นบทกับพระเอกหลายตอน ดังนั้นตอนที่กานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์สกำลังคัดเลือกคน จึงส่งวีซีอาร์ของนักแสดงเจ็ดคนที่ผ่านรอบแรกไปให้ลู่เฉินโดยเฉพาะ
ลู่เฉินเลือกจางลี่เวยจากทั้งหมดเจ็ดคน
แน่นอนว่าเขาไม่รู้จักจางลี่เวย แค่รู้สึกว่าบุคลิกและภาพลักษณ์ภายนอกของอีกฝ่ายเหมาะสมกับความต้องการมาก และพอใจกับการสัมภาษณ์ของเธอด้วย
หลังจากจางลี่เวยเซ็นสัญญาเป็นทางการแล้ว ก็รู้เรื่องนี้จากทางบริษัท ดังนั้นจึงรู้สึกซาบซึ้งใจต่อลู่เฉินเป็นที่สุด
วงการภาพยนตร์โทรทัศน์เป็นสถานที่ที่ซับซ้อนยุ่งเหยิงมาก ที่นี่ใช่ว่าคุณเก่งมีความสามารถแล้วจะเหนือกว่าคนอื่น ไม่รู้ว่าคนเก่งๆ ถูกกลบฝังไปเท่าไรแล้ว กฎในที่ลับหรือกฎในที่แจ้งมีมากมายนับไม่ถ้วน
ละครเรื่องหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นละครใหม่ที่ไม่ดังมาก การคัดเลือกนักแสดงก็ไม่ง่ายเหมือนกัน และเธอที่อาศัยความสามารถของตัวเองล้วนๆ ถูกรับเลือกให้เป็นตัวประกอบหญิงเบอร์หนึ่งแบบนี้ ก็เห็นได้น้อยมากจริงๆ
จางลี่เวยไม่ได้ดังมาก เธอจึงไม่สามารถหยิบผลงานที่ยอดเยี่ยมออกมาโชว์ได้ และเธอก็ไม่ได้ ‘อุทิศร่างกายเพื่อศิลปะ’
หลังจากเริ่มถ่ายทำอย่างเป็นทางการ การร่วมงานระหว่างเธอกับลู่เฉินเป็นไปอย่างราบรื่นมีความสุข ลู่เฉินไม่วางมาดเลยสักนิด มักจะอธิบายให้เธอเข้าใจตัวละครอย่างละเอียดและอดทน นอกจากนี้ยังช่วยให้เธอเข้ากับกองถ่ายได้อย่างราบรื่น
สิ่งที่ทำให้จางลี่เวยตกใจก็คือ ลู่เฉินยังหนุ่มมาก ก่อนหน้านี้เคยถ่ายแค่โฆษณาและมิวสิควิดีโอ แต่ไม่ว่าจะเป็นทักษะการแสดงของเขาหรือว่าความรู้ล้วนแม่นยำมาก มีกลิ่นอายของนักแสดงรุ่นใหญ่ที่มีทักษะการแสดงสูง
เธอเรียนการแสดงมาโดยตรง ถ่ายละครมาไม่น้อย แต่กลับด้อยกว่าอีกขั้นหนึ่ง!
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ลู่เฉินไม่มี ‘ความปรารถนา’ ในตัวเธอ
จางลี่เวยอยู่ในวงการมาหลายปี จึงเข้าใจในความสำคัญของโอกาส ถ้าหากลู่เฉินที่มีตำแหน่งสูงในกองถ่ายคิดอะไรกับเธอ ความจริงเธอก็ไม่ถือสาและยอมสละได้
อย่างน้อยลู่เฉินก็หล่อมากใช่ไหมล่ะ
แต่ลู่เฉินกลับไม่มีความคิดในด้านนี้ สุภาพและมีมารยาทกับเธอมาโดยตลอด
การเรียกเขาว่า ‘อาจารย์ลู่’ คือความเคารพจากใจจริงของเธอ
ถึงแม้ลู่เฉินจะอายุน้อยกว่าเธอสองสามปีก็ตาม
ลู่เฉินกลับเอ่ยอย่างจนปัญญาว่า “พี่ลี่เวย พี่เรียกผมว่าอาจารย์ลู่ เรียกเธอว่าพี่เฟย จงใจอยากให้ผมรำคาญใช่ไหม”
เขาให้อีกฝ่ายเปลี่ยนการเรียกหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่ยอมเปลี่ยนสักที
จางลี่เวยยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ก็ได้ ต่อไปฉันจะเรียกคุณว่าต้าเฉิน”
กองถ่ายละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เป็นกองถ่ายที่มีบรรยากาศดีที่สุดเท่าที่จางลี่เวยเคยอยู่มา ที่นี่ไม่มีการโจมตีซึ่งกันและกัน เฉินเฟยเอ๋อร์มีตำแหน่งในวงการสูงที่สุด แต่เธอไม่เคยทำตัวโอ้อวด แม้ว่าจะเป็นพนักงานธรรมดาที่สุดเธอก็ยังเกรงใจตลอด
ลู่เฉินเป็นคนเขียนบท เป็นพระเอก และเป็นผู้ลงทุน มีตำแหน่งที่เป็นตัวแปรสำคัญในกองถ่ายเช่นเดียวกัน เขาปฏิบัติกับคนอื่นอย่างสุภาพอ่อนโยนและมีความสามารถที่โดดเด่นกว่าใคร มีความรู้ใจกันกับเฉินเฟยเอ๋อร์เป็นอย่างมากทั้งสองคนต่างเรียกกันว่าพี่สาวกับน้องชาย
หนำซ้ำลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ก็สนับสนุนผู้กำกับฟางฮุ่ยเป็นอย่างยิ่ง กานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์สที่คอยดูแลกองถ่ายก็ไม่ได้ใช้อำนาจฝืนบังคับใคร เพราะฉะนั้นจึงไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายทะเลาะกันภายในกองถ่าย นักแสดงคนอื่นต่างทะนุถนอมโอกาสมาก ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ดังนั้นการถ่ายทำจึงดำเนินไปอย่างราบรื่นสุดๆ และมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะถ่ายทำทั้งหมดยี่สิบตอนเสร็จล่วงหน้า
ตอนนี้เรตติ้งละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นม้ามืดตัวหนึ่งในตลาดละครสิ้นปี ทุกคนต่างได้รับอานิสงส์ในครั้งนี้ บรรยากาศในกองถ่ายจึงดียิ่งขึ้น
จางลี่เวยรู้ว่าถึงแม้ตัวเองจะเล่นมุกตลกที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับลู่เฉิน คนหลังก็ไม่ถือสาเด็ดขาด
เธอกระทั่งรู้สึกชอบเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมานิดหน่อย
ลู่เฉินกลับไม่คิดอะไรมาก ทักทายนักแสดงคนอื่นเช่นกัน แล้วเริ่มการถ่ายทำของวันนี้
ตั้งแต่เช้าจรดเย็น จนกระทั่งฟ้ามืด ผู้กำกับฟางฮุ่ยจึงประกาศเลิกกอง
ภายในห้องพักผ่อนชั่วคราว เฉินเฟยเอ๋อร์เหนื่อยมากจนไม่มีแรงพูด
วันนี้ฉากของเธอเยอะที่สุด มีหลายช็อตที่ต้องถ่ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายรอบ กว่าจะผ่านไม่ง่ายเลย
ฟางฮุ่ยยิ่งถ่ายก็ยิ่งได้อารมณ์ มีความเรียกร้องต้องการต่อนักแสดงสูงขึ้นเรื่อยๆ ช็อตที่คิดว่าผ่านเกณฑ์แล้วในสายตาของคนอื่น เธอมักจะขอให้ทำให้ดีที่สุดแล้วถึงจะยอมให้ผ่าน
แรงกดดันของเฉินเฟยเอ๋อร์จึงสูงมาก
พอเห็นว่ารอบๆ ไม่มีคน เฉินเฟยเอ๋อร์จึงพิงไหล่ของลู่เฉิน แล้วเอ่ยว่า “ถ่ายเรื่องนี้จบ ฉันจะพักผ่อนสองสามวัน”
ลู่เฉินยิ้มและกล่าวว่า “ถ่ายเสร็จก็จะตรุษจีนแล้ว ได้หยุดวันตรุษจีนพอดี!”
เฉินเฟยเอ๋อร์ปรับเปลี่ยนท่าทางเล็กน้อย แล้วซบไปที่อ้อมอกของเขา หลับตาครึ่งหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ตอนฉันเป็นเด็กจะรอคอยวันตรุษจีนมากที่สุด วันตรุษจีนได้เสื้อผ้าใหม่ ได้กินของอร่อยเยอะแยะ…”
“แต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกอะไรกับการฉลองวันตรุษจีนแล้ว วันส่งท้ายปีเก่าก็ได้แต่นั่งดูโทรทัศน์”
หลังจากเป็นราชินีแห่งวงการเพลง การเชื้อเชิญเฉินเฟยเอ๋อร์ในช่วงวันตรุษจีนมีเยอะเหลือเกิน และมีบางคำเชิญที่เธอปฏิเสธไม่ได้
อย่างเช่นงานกาล่าวันตรุษจีนของสถานีโทรทัศน์กลาง (ซีซีทีวี) ปีนี้เฉินเฟยเอ๋อร์มีรายการร้องเดี่ยว คนอื่นอยากมีก็ทำไม่ได้
แต่งานกาล่าวันตรุษจีนเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า เธอไม่สามารถเข้าร่วมได้
ลู่เฉินจับมือของเธอ แล้วถามว่า “งั้นปีนี้พี่ไปเลี้ยงฉลองวันตรุษจีนที่บ้านของผมไหม”
“หา?”
ร่างกายที่กำลังออดอ้อนของเฉินเฟยเอ๋อร์พลันแข็งทื่อ หน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที “ไปบ้านของนาย?”
แน่นอนเธอรู้ว่าลู่เฉินเชื้อเชิญแบบนี้หมายความว่าอะไร
ลู่เฉินเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ใช่ครับ แม่กับน้องสาวของผมจะต้องยินดีต้อนรับพี่แน่นอน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar