ตอนที่ 290 เนี่ยผาน
ตอนนี้ยังเป็นเวลาเช้าอยู่ ลู่เฉินควักโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดหาบันทึกการโทร แล้วต่อสายหาหวังจิ้งแห่งสตูดิโอเนี่ยผาน
ดนตรีประกอบที่จะใช้ในงานเปิดสาขาใหญ่ของแบรนด์เซินฉีในกรุงปักกิ่ง เขาเตรียมจะให้ฝ่ายนั้นเป็นคนทำ
เดิมทีงานพวกนี้ลู่เฉินล้วนยกให้บริษัทเฟยสือเรคคอร์ดทำ แต่กิจกรรมในครั้งนี้ไม่ใหญ่ อีกอย่างครั้งก่อนที่หวังจิ้งยืมเงินเขา น่าจะเป็นเพราะสตูดิโอเนี่ยผานประสบปัญหา ดังนั้นถ้าหากช่วยได้เขาก็อยากช่วย
อย่างน้อยเมื่อก่อนทั้งสองฝ่ายก็เคยร่วมงานกันอย่างมีความสุข
เสียงรอสายดังอยู่สิบกว่าครั้งไม่มีคนรับสาย แล้วเปลี่ยนเป็นเสียงบันทึกข้อความ
ลู่เฉินไม่สนใจ เปลี่ยนไปต่อสายหาหวังฉางเซิง
ฝ่ายนั้นปิดโทรศัพท์
ครั้งนี้ลู่เฉินรู้สึกตงิดใจแล้ว แม้ว่าตอนนี้เพิ่งจะเป็นวันที่หกของปีใหม่ แต่สตูดิโอเนี่ยผานไม่น่าจะยังไม่เปิดทำการ เพราะช่วงเดือนนี้กำลังเป็นช่วงขาขึ้นของบริษัททำเพลงทั้งหลาย
เขาคิดไปคิดมา แล้วก็ตัดสินใจมุ่งตรงไปที่สตูดิโอเนี่ยผาน
ซึ่งอยู่ภายในศูนย์เดียวกัน เดินจากตรงนี้ไปถึงตรงนั้นใช้เวลาแค่สิบนาที
เมื่อถึงชั้นที่สตูดิโอเนี่ยผานตั้งอยู่ ประตูลิฟต์เปิดออก ลู่เฉินเห็นภาพความรกร้างว่างเปล่า!
ประตูหน้าของสตูดิโอเปิดอยู่ โต๊ะเก้าอี้ม้านั่งมากมายและกล่องกระดาษกองกระจุกกันอยู่ตรงหน้าประตู ด้านในมีพนักงานขนย้ายที่ใส่ชุดสีฟ้ากำลังทำงานยุ่งอยู่
หวังจิ้ง หวังฮุย ยังมีสมาชิกวงเนี่ยผานอีกสามคนยืนอยู่อีกมุมหนึ่งนอกประตู ในมือของพวกเขาบ้างก็ถือเครื่องดนตรี บ้างก็ถือกล่องใบใหญ่ แต่ละคนดูทรุดโทรมเหม่อลอย
เห็นภาพแบบนี้แล้วลู่เฉินตกใจ รีบเข้าไปถามว่า “หวังจิ้ง หวังฮุย สตูดิโอของพวกนายเกิดอะไรขึ้น จะย้ายเหรอ”
“พี่ลู่เฉิน…”
หวังฮุยเผยยิ้มที่ไม่น่าดู ตอบว่า “สตูดิโอของพวกเราเจ๊งแล้ว”
เจ๊งแล้ว?
ลู่เฉินตะลึง เขารู้ว่าสตูดิโอเนี่ยผานกิจการไม่ค่อยดีมาโดยตลอด แต่ก็ยังพอฝืนทำต่อไปได้อยู่ อีกทั้งสตูดิโอแห่งนี้เป็นศูนย์รวมน้ำพักน้ำแรงของครอบครัวหวังฉางเซิง ทำไมถึงสิ้นสุดลงง่ายๆ แบบนี้เล่า
หวังจิ้งหน้าซีดขาว บีบมือไปมาอย่างแรง พลางเอ่ยเสียงเบาว่า “ลู่เฉิน เงินที่ฉันติดหนี้อยู่…”
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้!”
ลู่เฉินตัดบทเธอ “บอกฉันสิว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
ตอนที่ทำอัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ เขาทำงานในสตูดิโอเนี่ยผานอยู่นาน ความสัมพันธ์กับหวังจิ้งและหวังฮุยเป็นไปอย่างดี ต่อมาสิ้นสุดการร่วมงานกันเพราะเขาอยากเพิ่มคุณภาพของผลงานเพลงให้สูงขึ้น
ทั้งอุปกรณ์ต่างๆ และพื้นฐานความสามารถของสตูดิโอเนี่ยผานค่อนข้างด้อยเกินไป
แต่การร่วมงานกันครั้งนั้น ลู่เฉินได้เรียนรู้หลายสิ่งจากหวังจิ้ง เข้ากันได้ดีกับคนรุ่นราวคราวเดียวกันกลุ่มนี้
พวกเขายังอายุน้อย มีความกระตือรือร้น มีทั้งความมุ่งมั่นและความพยายาม มีความหวังในอนาคตอันสดใส
ดังนั้นตอนนี้พอได้ยินว่าสตูดิโอเนี่ยผานจบสิ้นลงแล้ว ลู่เฉินรู้สึกไม่สบายใจและเป็นกังวล ต้องถามที่มาที่ไปให้ละเอียด
หวังฮุยเหลือบมองหน้าพี่สาวแวบหนึ่ง แล้วอธิบายเหตุผลให้ลู่เฉินฟัง
เมื่อเดือนที่แล้วหวังฉางเซิงรับงานใหญ่มางานหนึ่ง เป็นงานที่ได้กำไรอย่างงาม ถ้าทำได้ดีจะได้รายได้ที่เพียงพอสำหรับสตูดิโอไปทั้งปี เพียงแต่เงินต้นที่ลงทุนนั้นค่อนข้างมาก
เพื่อที่จะคว้างานนี้ให้ได้ เขาไปเซ็นชื่อยืมเงินโดยไม่ได้ปรึกษากับหวังฮุยและหวังจิ้ง ถึงขั้นใช้อุปกรณ์ในสตูดิโอทั้งหมดเป็นหลักประกัน เพื่อให้ได้เงินเจ็ดแสนมา
สุดท้ายคิดไม่ถึงว่าฝ่ายนั้นเป็นพวกหลอกลวง สร้างกับดักชุดใหญ่หลอกหวังฉางเซิงเข้าไปติดกับ เงินที่ลงทุนไปละลายหายไปสิ้น เจ้าหนี้มาทวงหนี้ถึงหน้าประตูบ้าน
เมื่อได้รับการโจมตีอันโหดร้ายเช่นนี้ หวังฉางเซิงถึงกับล้มป่วย ตอนนี้ยังอยู่ในโรงพยาบาล
ส่วนสตูดิโอเนี่ยผานแน่นอนว่าทำต่อไปไม่ได้แล้ว เอาทรัพย์สินทั้งหมดชดใช้แล้วก็ยังไม่เพียงพอ!
ที่แท้เกิดเรื่องแบบนี้นี่เอง…
ลู่เฉินไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ตลาดเหมือนสมรภูมิรบ หากไม่ระวังพลาดพลั้งสักเล็กน้อยก็อาจจะทำให้ทั้งกองทัพล่มสลาย
หวังฉางเซิงเริ่มทำธุรกิจตอนครึ่งหลังของชีวิต ประสบการณ์ไม่เพียงพอจึงถูกหลอกง่าย แต่สิบแปดมงกุฎพวกนี้ก็น่ารังเกียจจริงๆ!
เขาถามว่า “แจ้งตำรวจหรือยัง”
หวังฮุยพยักหน้า “แจ้งแล้ว คนที่ถูกหลอกไม่ได้มีแค่สตูดิโอของเราที่เดียว ทางตำรวจได้ตั้งคดีขึ้น แต่คนร้ายหนีไปนานแล้ว บัญชีธนาคารถูกโอนเงินออกไปหมดเกลี้ยง หมายความว่าจะได้เงินค่าเสียหายคืนยากมาก”
เขาตอบอย่างหม่นหมองว่า “เงินยังหาใหม่ได้ แต่พ่อของผม…”
ลู่เฉินยื่นมือออกไปตบบ่าเขาปลอบใจ “พวกนายอยู่ที่นี่ ลุงหวังมีคนดูแลไหม”
หวังฮุยตอบ “แม่ผมอยู่เป็นเพื่อน ร่างกายไม่เป็นอะไรมาก แต่สภาพจิตใจป่วยหนัก”
ตอนนี้เองหวังจิ้งพูดแทรกขึ้น “ลู่เฉิน เงินที่ฉันค้างนายอยู่ฉันจะรีบหาทางคืนให้!”
จิตใจของเธอหนักแน่นมั่นคง ไม่เปิดเผยความทุกข์ร้อนออกมา
หวังฮุยเริ่มหน้าแดง “พี่ พวกเราคืนเงินด้วยกัน!”
ลู่เฉินคิดแล้วบอกว่า “ถ้าเธออยากรีบหาเงินคืนฉันละก็ ฉันพอจะมีหนทาง”
หวังจิ้งตาโต “หนทางอะไร”
ลู่เฉินยิ้ม “เธอมาที่สตูดิโอของฉันเถอะ ให้เงินเดือนหนึ่งหมื่นบวกกันเงินโบนัส คืนเงินได้เร็วมาก”
หวังจิ้งจบการศึกษาสาขาวิชาการแต่งทำนองเพลงจากวิทยาลัยดนตรีแห่งปักกิ่ง และมีประสบการณ์การทำงานในระดับหนึ่ง ผลงานเพลงทั้งหมดในอัลบั้ม ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ เธอเป็นผู้เรียบเรียงเสียงประสานให้ มีทั้งความสามารถและพรสวรรค์ที่โดดเด่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar