ตอนที่ 298 มีเมียแล้วลืมพี่
วงการบันเทิงเป็นวงการใหญ่ บรรจุคนนิสัยต่างๆ เอาไว้มากมาย แต่คนในวงการบันเทิงแห่งนี้มีความสัมพันธ์ต่อกันหลายรูปแบบ คนที่อยู่ลำพังโดดเดี่ยวนั้นแทบไม่มี
มีคนสรรเสริญ มีคนใจดำ มีคนโอ้อวด มีคนใส่ความ…แปลกประหลาดซับซ้อน
สิ่งเดียวที่ศรัทธาคือผลประโยชน์!
ลู่เฉินประกาศในบล็อกล่างฉาวว่าจะจัดตั้งกองทุนการกุศลช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เฉินเฟยเอ๋อร์สนับสนุนเขาเต็มที่โดยไม่ต้องพูดมาก
ส่วนถานหง เลี่ยวเจี่ย และพี่หลีเป็นเพื่อน เพื่อนในวงการบันเทิงมักช่วยส่งเสริมกันเป็นธรรมดา แต่คนที่มาเข้าร่วมเองซึ่งมีทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักเหล่านั้น จุดประสงค์มักไม่ค่อยบริสุทธิ์นัก
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะมีจุดประสงค์อะไร ก็ล้วนเป็นคนที่เก็บฟืนมาช่วยสุมไฟ ข่าวในอินเทอร์เน็ตยิ่งแพร่สะพัดไปกว้างขวาง
ลู่เฉินไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้!
เขารีบเข้าไปดูในบล็อกที่ตัวเองปล่อยออกไป สำหรับคนที่สนับสนุนเขาแสดงความขอบคุณ บอกว่าจะรีบจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิกองทุนการกุศลให้สำเร็จในเร็ววัน
ตามกฎหมายของประเทศ ไม่สามารถจัดตั้งกองทุนการกุศลส่วนบุคคลได้ อีกอย่างการอนุมัติการจดทะเบียนจัดตั้งมูลนิธิกองทุนการกุศลก็มีการตรวจสอบเคร่งครัด ต้องมีคุณสมบัติสูงมากถึงจะผ่าน
แต่ในเมื่อลู่เฉินตัดสินใจแล้ว ปณิธานของเขาจะไม่สั่นคลอน
ตำแหน่ง ชื่อเสียง และเงินทองของเขาในวันนี้ นอกจากได้มาด้วยความพยายามของตัวเองแล้ว หลักๆ แล้วยังมาจากความทรงจำในโลกแห่งความฝัน
ลู่เฉินไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะใช้ประโยชน์จากความทรงจำอันล้ำค่านั้นไปทั้งชีวิต เขาขอบคุณสวรรค์ที่เมตตามอบรางวัลให้ และยินดีนำผลประโยชน์ที่ได้จากรางวัลชิ้นนี้ไปช่วยเหลือผู้คนอีกมากมาย
การก่อตั้งมูลนิธิกองทุนการกุศล เป็นก้าวแรกของลู่เฉิน
คนหนึ่งคนจะเดินไปได้ไกลแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความกว้างขวางของจิตใจเขาคนนั้น!
เฉินเฟยเอ๋อร์ถามว่า “นายเตรียมจะให้ใครดูแลมูลนิธินี้ คนดูแลนั้นสำคัญมาก”
ในประเทศมีมูลนิธิกองทุนการกุศลอยู่ไม่น้อย มักมีปัญหาเรื่องการทุจริตเกิดขึ้น บางมูลนิธิชื่อเสียงย่ำแย่ เพราะการจัดการวุ่นวายไม่เป็นระบบ ตกต่ำจนกลายเป็นเครื่องมือหาเงิน
ดาราที่มีชื่อเสียงอย่างลู่เฉิน เขาเองไม่มีเวลาและกำลังจะดูแลจัดการมูลนิธิกองทุนการกุศลแน่นอน แต่ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของมูลนิธิเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของเขาโดยตรง
ถ้าเกิดปัญหาเรื่องการจัดการหรือเกิดข่าวฉาวก็จะส่งผลถึงลู่เฉินอย่างมาก
ดังนั้นผู้ดูแลมูลนิธินั้นสำคัญมาก!
ลู่เฉินเกาหัว “พี่สาวแล้วกัน”
คนที่เขาเชื่อใจที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นคนใกล้ชิดของตัวเอง ให้ลู่ซีเป็นคนดูแลวางใจได้แน่นอน
เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้ม “พี่ลู่ซีไม่ได้มีสามหัวหกแขนนะ นายให้เธอดูแลเรื่องเยอะขนาดนั้น ทำไหวเหรอ”
“เอ่อ…”
ลู่เฉินเห็นภาพตัวเองถูกพี่สาวพ่นไฟใส่หัว
พร้อมกันกับที่ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ ผู้จัดการสตูดิโอลู่เฉินควบตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวของเขาอย่างลู่ซีก็ยิ่งงานยุ่ง เมื่อก่อนยังบอกว่าจะให้เธอเรียนต่อปริญญาโทในปักกิ่งตามความฝัน ตอนนี้แม้แต่เวลาทบทวนบทเรียนเธอยังไม่มีเลย
เรียนต่องั้นเหรอ? เหอะๆ
ถ้าโยนภาระหนักอย่างงานดูแลมูลนิธิกองทุนการกุศลให้เธออีก…
ลู่เฉินปาดเหงื่อ “คุณมีความคิดดีๆ ไหม หรือมีใครแนะนำให้ได้บ้าง”
เฉินเฟยเอ๋อร์ตอบ “ถ้าให้ฉันแนะนำ ฉันก็จะแนะนำพี่หลี ไม่มีใครเหมาะสมเท่านี้อีกแล้ว…”
“พี่หลีเหรอ”
ลู่เฉินตาลุกวาว “เธอจะยอมหรือเปล่า”
พี่หลีมีชื่อเสียงที่ดีในวงการ ทั้งยังชอบทำบุญ เมื่อครู่ในบล็อกเธอก็บอกว่าจะบริจาคเงินให้โครงการการกุศลของลู่เฉินห้าแสน ที่สำคัญคือเธอฉลาดมีความสามารถและประสบการณ์สูง มีเส้นสายกว้างขวางทั้งในและนอกวงการ
จุดนี้ต้องเน้นย้ำเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกันแล้วลู่ซีด้อยกว่ามาก
ถ้าได้พี่หลีเข้ามาดูแลมูลนิธิ ลู่เฉินก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก
ปัญหาอยู่ที่พี่หลีมีกิจการของตัวเอง บริษัทเอเจนซี่ของเธอกำลังไปได้สวยและมีชื่อเสียงโด่งดัง ปกติก็งานยุ่งอยู่แล้ว
เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้ม “ฉันถามให้ก่อน น่าจะไม่มีปัญหามาก”
ลู่เฉินอดไม่ไหวกอดเธอไว้ในอ้อมอก แล้วชมเปาะ “ถ้าไม่มีคุณ ผมจะทำยังไงดี”
คนอื่นได้ยินคำหวานเหล่านี้คงจะขนลุก แต่ใบหน้าเรียวของเฉินเฟยเอ๋อร์ฉายแววเอียงอาย เธอมองลู่เฉินด้วยสายตายั่วยวน ตอบว่า “ปากหวานนักนะ! ฉันจะกลับแล้ว อาเสวียนส่งข้อความมาแล้ว”
ลู่เฉินดูเวลา “ไอ้หยา เราไปกินข้าวเที่ยงกันเถอะ”
เวลาล่วงไปถึงบ่ายโมงโดยไม่รู้ตัว
เฉินเฟยเอ๋อร์เอ่ยว่า “ไม่ทันแล้ว ตอนบ่ายฉันยังมีถ่ายรายการ นายไปกินเองเถอะ”
เธอจูบปลอบเขาทีหนึ่ง “อาเสวียนอยู่ข้างล่าง นายไม่ต้องไปส่งฉันหรอก”
เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ ลู่เฉินส่งเฉินเฟยเอ๋อร์ที่ใส่หน้ากากอนามัยและแว่นกันแดดออกนอกประตูไป
เขาคิดว่าควรจะซื้อห้องชุดใหม่สักห้องได้แล้ว อยู่ที่นี่ต่อไปมันไม่สะดวก
หลังจากเฉินเฟยเอ๋อร์ออกไปแล้ว ลู่เฉินไม่ได้อยู่ในคอนโดต่อนานนัก เขากินอะไรนิดหน่อยแล้วออกไปที่สตูดิโอ
เมื่อเขาไปถึงสตูดิโอก็ถูกพี่สาวเรียกเข้าห้องไปด่ายกใหญ่จนเงยหัวไม่ขึ้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar