ตอนที่ 367 แนวคิดหนังกำลังภายใน
การแสดงความคิดเห็นบนอินเทอร์เน็ตราวกับลมพายุในฤดูร้อน เปี่ยมไปด้วยการคาดเดาที่ไม่มีความแน่นอน ก่อนหน้านั้นยังเป็นพายุฝน วินาทีต่อมาอาจจะเป็นฟ้าหลังฝน การพลิกผันอย่างรวดเร็วทำให้คนตั้งตัวแทบไม่ทัน
ตอนบ่ายกรณีที่ลู่เฉิน ‘ถูกจับ’ ที่เกาหลีได้ระเบิดตู้มในบล็อก พอตกเย็นชาวเน็ตทั้งหลายก็โน้มเอียงมาสนับสนุนลู่เฉิน ความนิยมของเขาจึงทวีเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ถือว่ามีความโชคดีในความโชคร้าย
การที่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปเป็นเช่นนี้ ย่อมขาดความช่วยเหลือของหุ้นส่วนและเพื่อนๆ ของลู่เฉินไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นการชี้แจงความจริงคงไม่ง่ายขนาดนี้ เพราะถึงอย่างไรก่อนหน้านี้พลังของฝ่ายที่ต่อต้านเขานั้นแข็งแกร่งเป็นที่สุด
เรื่องนี้ต้องขอบคุณกลยุทธ์การแบ่งปันผลประโยชน์ที่ลู่เฉินทำเป็นประจำ เพราะเขาคิดเสมอว่า ยามที่รากฐานของตัวเองอ่อนแอมาก หากฮุบผลประโยชน์ไว้กินคนเดียว นั่นคือเส้นทางของความหายนะ
เหมือนละครเรื่องใหม่ ‘ฟูลเฮ้าส์’ ที่กำลังถ่ายทำอยู่ ลู่เฉินดึงยักษ์ใหญ่ในวงการอย่างสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งสถานีโทรทัศน์เจ้อตง เดอะคราวน์พิคเจอร์ส เฟยสือเรคคอร์ด เอสพีจี เป็นต้น มาร่วมงานด้วย ในขณะที่รักษาผลประโยชน์หลักของตัวเองไว้ ก็ยังแบ่งปันเค้กออกไปบางส่วน เพื่อสร้างรากฐานในวงการบันเทิงของตัวเองให้ดี
พอลู่เฉินเกิดเรื่อง หุ้นส่วนพวกนี้จึงอยู่เฉยไม่ได้ เพราะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของพวกเขา ดังนั้นตอนที่ลู่เฉินออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ จึงได้รับการสนับสนุนจากผู้คนมากมายบนอินเทอร์เน็ต พลิกสถานการณ์จากการเป็นฝ่ายถูกกระทำทันที
คลื่นใต้น้ำลึกกลุ่มนั้นที่อยากโจมตีเขา จึงจนปัญญา ทำอะไรไม่ได้
เส้นทางไปสู่ยอดเขา ลู่เฉินไม่ได้เดินเพียงลำพังอีกต่อไป ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าดูถูกเขาอีก!
แน่นอนว่าผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา ก็ยังเป็นแฟนคลับนับหมื่นนับพันของเขา
ตอนที่เหตุการณ์เพิ่งจะเปิดเผยออกมา แฟนคลับส่วนใหญ่ยังคงเชื่อมั่นในตัวลู่เฉินและสนับสนุนลู่เฉิน ไม่เชื่อข่าวลือที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต ยืนหยัดเพื่อรอคอยความจริง
แต่ก็มีแฟนคลับส่วนน้อยที่เกิดความหวั่นไหว เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งและวิจารณ์กันต่างๆ นานา แล้วก็ยังมีคนอีกส่วนหนึ่งที่เปลี่ยนจากแฟนคลับมาเป็นฝ่ายโจมตี หันมาแสดงความไม่พอใจและไม่ชอบใจต่อลู่เฉินในบล็อก ฟอรัม และหน้าเว็บต่างๆ
หลังจากความจริงปรากฏ แฟนคลับพวกนี้จึงตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเอง บ้างก็เงียบไม่พูด บ้างก็มาขอโทษลู่เฉิน
ส่วนแฟนๆ ที่สนับสนุนลู่เฉินมาตลอด เหมือนกับได้รับชัยชนะจากการสู้รบที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาเยาะเย้ยพวกที่โจมตีลู่เฉิน รวมทั้งบัญชีวีไอพีน้อยใหญ่ในบล็อกล่างฉาวอีกไม่น้อย
แต่ความสุขที่มาจากชัยชนะไม่อาจคงอยู่นาน ส่วนพวกต่อต้านที่ถูกตบหน้าต่างก็นิ่งเป็นหมาตาย ดังนั้นพวกแฟนคลับที่ไม่พอใจจึงเปลี่ยนจุดโฟกัสไปที่อื่นอย่างรวดเร็ว
จุดสนใจใหม่คือศิลปะการต่อสู้ของลู่เฉิน
คลิปวิดีโอที่ถ่ายโดยนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีคลิปนั้นได้แพร่กระจายไปบนอินเทอร์เน็ตของจีนและเกาหลี ฝีมือการถ่ายทำอยู่ในระดับที่ดีมาก ถ่ายภาพตอนที่ลู่เฉินเข้าไปต่อสู้ท่ามกลางกลุ่มคนที่ชุลมุน และจัดการบอดี้การ์ดชาวญี่ปุ่นหกคนได้อย่างชัดเจนและสมบูรณ์แบบ
อันที่จริงลู่เฉินใช้เวลาลงมือสั้นมาก นับจากตอนที่เขาเข้าไปในสนามรบจนถึงแก้สถานการณ์การต่อสู้ได้ ระยะเวลาทั้งหมดไม่ถึงหนึ่งนาที ไม่เพียงแต่เอาชนะคู่ต่อสู้ติดต่อกันได้เท่านั้น ยุทธวิธีและการเคลื่อนไหวก็ลื่นไหลดุจสายน้ำ ราบรื่นถึงขั้นทำให้คนลานตาไปหมด รู้สึกน่าทึ่งมากจริงๆ!
เหล่าแฟนคลับที่รู้จักลู่เฉินเป็นอย่างดีต่างรู้ว่า ลู่เฉินฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อยู่แล้ว ปีก่อนตอนที่เขาไปร่วมแสดงคอนเสิร์ตที่หังโจว ก็ได้ช่วยเถียนเถียนที่ถูกโจมตีจากแฟนคลับบ้าคลั่ง
วิดีโอในตอนนั้นก็ถูกคนถ่ายเอาไว้ เกิดความฮือฮาในโลกออนไลน์มากทีเดียว
แต่เหตุการณ์ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่แล้วมาก ครั้งนั้นคู่ต่อสู้ของลู่เฉินมีแค่คนเดียวเท่านั้น และยังเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง การเปรียบเทียบพละกำลังจึงไม่รุนแรงนัก
แต่ครั้งนี้ลู่เฉินเผชิญหน้ากับบอดี้การ์ดที่ฝึกฝนมาอย่างดีถึงหกคน และบอดี้การ์ดพวกนี้ก็ซัดทีมงานกองละครของพวกเขาล้มไปหลายคน ลู่เฉินใช้กำลังของตัวเองพลิกสถานการณ์การต่อสู้ ขับดุนพลังอันยิ่งใหญ่ของเขาให้เด่นออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย
“เฉินของฉันเก่งมาก!”
“พวกเธอคิดว่า พี่ลู่เฉินใช้วิชาต่อสู้แบบไหน คิกบ็อกซิ่ง? มวยจีน?”
“ไม่รู้ว่าเป็นศิลปะการต่อสู้อะไร เอาเป็นว่าสุดยอดมากก็พอแล้ว!”
“พูดจริงๆ นะ ตอนที่ฉันดูวิดีโอ ยังคิดว่ากำลังถ่ายหนังกำลังภายในอยู่”
“หนังกำลังภายในก็เก่งสู้ลู่เฉินไม่ได้ นี่คือศิลปะการต่อสู้ของจริง!”
“ดูจนฉันอยากไปเรียนศิลปะการต่อสู้มั่ง…”
ไม่เพียงแค่แฟนคลับของลู่เฉินเท่านั้น ศิลปินดาราในวงการจำนวนมากก็เข้ามาดูความคึกคักเช่นกัน ขณะที่แชร์วิดีโอก็ยังชมลู่เฉินว่ามีฝีมือไม่ธรรมดา ถึงขนาดมีบางคนพูดว่าขอคารวะลู่เฉินเป็นอาจารย์
แน่นอนว่าเป็นแค่การล้อเล่นเท่านั้น หรือไม่ก็อยากขยี้ประเด็นร้อน
หนึ่งในนั้นมีถังเฉียงนักแสดงอาวุโสที่มีชื่อเสียงของจีนคนหนึ่ง เมื่อดูวิดีโอแล้ว เขาจึงนำประโยคหนึ่งในบทกลอน ‘เทพบุตรทลายฟ้า’ ของหลี่ไป๋มาเขียนลงในบล็อกอย่างตั้งใจเป็นพิเศษ ชื่นชมลู่เฉินว่ามีมาดของจอมยุทธ์ในสมัยโบราณมาก ขจัดผู้มีอิทธิพลประคับประคองคนอ่อนแอ กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง!
“อาจารย์ถังฉันรู้จัก…”
ภายในห้องพักเอ็กเซ็กคิวทีฟสวีทของโรงแรมฮิลตันในเมืองเชจูเกาหลีใต้ เฉินเฟยเอ๋อร์ที่อยู่ในอ้อมอกของลู่เฉินเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์พลางเอ่ยว่า “เขาเคยแสดงหนังเรื่อง ‘สามผู้กล้าห้าผู้ทรงคุณธรรม’ เล่นมวยไท่เก๊กเก่งมาก เขาต้องชื่นชมนายแน่นอน!”
ราชินีของวงการเพลงคนนี้พูดจาเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ เพราะคนที่เธอรักมีความกล้าหาญถึงเพียงนี้
พูดตามจริง ตอนที่เฉินเฟยเอ๋อร์ดูวิดีโอเป็นครั้งแรก ก็รู้สึกตื่นตะลึงเหมือนกัน
เธอรู้ว่าลู่เฉินฝึกศิลปะการต่อสู้มาตลอด แต่คิดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำว่าลู่เฉินจะแข็งแกร่งถึงระดับนี้ เอาชนะศัตรูทั้งหกคนได้อย่างสบาย
ขณะที่พูด เฉินเฟยเอ๋อร์ไม่อาจอดกลั้นความรักที่ล้นอยู่เต็มอกได้ เธอจึงขยับเข้าไปแล้ว ‘จุ๊บ’ ใบหน้าลู่เฉินหนึ่งที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar