ตอนที่ 430 ไม่เคยได้ยิน
เสียงของพิธีกรประมูลเพิ่งขาดคำ หญิงสาวสวมชุดกี่เพ้าเป็นทางการก็เดินก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มโชว์ของประมูลชิ้นแรกให้แขกเป็นร้อยรายในงานเห็น
ของประมูลชิ้นนี้เป็นนาฬิกาข้อมือโบราณเรือนหนึ่ง เป็นของสะสมอย่างแท้จริง ราคาหนึ่งหมื่นเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น มีคนยกป้ายเสนอราคาสองหมื่นทันที
“สองหมื่นห้า! คุณผู้ชายท่านนี้ให้ราคาสองหมื่นห้า!”
“สามหมื่น! คุณหยวนจื่ออวิ๋นคนสวยของเราให้ราคาสามหมื่น สามหมื่นแล้วครับ!”
“ครับ ตอนนี้สี่หมื่นห้า คุณนายเหอเป็นคนให้ราคา”
“ห้าหมื่น!”
แขกที่มาร่วมงานกาล่าดินเนอร์คืนนี้มีแต่คนในวงสังคมชั้นสูงและคนในวงการบันเทิงของเซียงเจียงทั้งนั้น ในบรรดาพวกเขามีหลายคนที่ออกงานสังคมอยู่บ่อยๆ มีแต่ใบหน้าที่คุ้นเคย พิธีกรประมูลรู้จักเกือบทั้งหมด
แต่ไม่เหมือนกับงานประมูลทั่วไป การประมูลในงานกาล่าดินเนอร์การกุศลบรรยากาศการแก่งแย่งกันนั้นจืดชืดมาก ทุกคนแย่งกันเสนอราคาเพื่อให้บรรยากาศของงานคึกคักขึ้นเท่านั้น เมื่อราคาของประมูลเข้าใกล้ความเป็นจริงแล้ว คนที่ยกป้ายเหลือเพียงไม่กี่คน
สุดท้ายไช่หงประมูลได้ไปในราคาห้าหมื่นแปด
“ขอบคุณท่านเซอร์ไช่หงที่ช่วยบริจาคเงินให้กับเด็กผู้ยากไร้ครับ”
สิ้นเสียงตัดสินของพิธีกร เสียงปรบมือดังขึ้นทั่วทั้งงาน
ท่านเซอร์ชราผมขาวทั้งหัวลุกขึ้นยืนแล้วหันมาทำท่าขอบคุณให้กับแขกคนอื่น
นี่เป็นเหตุการณ์ปกติที่เกิดขึ้นในงานประมูลการกุศล บางคนนำของรักของสะสมของตัวเองออกมาเป็นของประมูล จากนั้นค่อยประมูลกลับไป ได้บริจาคเงินและชื่อเสียงหน้าตาไปพร้อมกัน
แขกที่มาร่วมงานล้วนเข้าใจเรื่องนี้ดี ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีใครอยากกระโดดออกมาแย่งประมูลในราคาสูง
คนที่ไม่ทำตามกฎเกณฑ์ก็จะถูกคนในวงการกีดกันออกไป
หลีเจินบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองรู้ให้ลู่เฉินฟังเบาๆ ทั้งสองคนนั่งหลบอยู่ในมุมหนึ่งอย่างเจียมตัว ส่วนใหญ่แล้วดูการประมูลการกุศลครั้งนี้ในฐานะผู้สังเกตการณ์
ของประมูลชิ้นแรกถูกประมูลออกไปอย่างราบรื่น ตามด้วยชิ้นถัดไปและถัดไป ความรวดเร็วและความถี่ในการประมูลนั้นสูงมาก มีเพียงของประมูลที่โดดเด่นไม่กี่ชิ้นเท่านั้นที่เกิดการแก่งแย่งกันอย่างดุเดือดเพราะเจ้าของคนเก่าไม่ประมูลกลับไป
ลู่เฉินเสนอราคาครั้งแรก ประมูลกระเป๋าชาเนลรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นด้วยเงินห้าหมื่นหยวน
เขายื่นกระเป๋าที่ประมูลมาได้ให้กับผู้ช่วยส่วนตัว
“ให้ฉันเหรอคะ”
หลีเจินทั้งตกใจทั้งดีใจ แทบไม่อยากจะเชื่อ
ด้วยเงินเดือนของเธอ ต้องกัดฟันเก็บเงินครึ่งปีถึงจะซื้อกระเป๋าใบนี้ไหว แต่สินค้าในเซียงเจียงนั้นมีราคาสูง ค่าครองชีพสูงลิ่ว หากให้เธอควักเงินซื้อกระเป๋าห้าหมื่นหยวนคงจะเสียดายน่าดู
ที่ร้านแบกะดินในตลาดนัดกลางคืน เงินห้าสิบหยวนก็ซื้อกระเป๋าแบบนี้ได้เหมือนกัน
แต่เสียดายก็ส่วนเสียดาย มีเพียงผู้หญิงส่วนน้อยที่สามารถต่อต้านความเย้ายวนของกระเป๋าแบรนด์เนมได้ จู่ๆ เธอก็ได้กระเป๋าใบนี้มา หลีเจินดีใจแค่ไหนไม่บอกก็รู้
“บอสคะ คุณทำแบบนี้ฉันจะตกหลุมรักคุณเอาได้นะคะ”
หลังจากทำงานร่วมกันเพียงไม่กี่วัน หลีเจินได้รู้จักนิสัยและอารมณ์ของลู่เฉิน ลู่เฉินใจกว้าง ใจดี โอบอ้อมอารี และเป็นกันเอง ไม่เคยวางมาดบอสเลย เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย
เธอจึงกล้าพูดล้อเล่นใหญ่โต
ความจริงอาจจะไม่ได้เป็นการล้อเล่น
ลู่เฉินหลุดขำ “ไม่ต้องตกหลุมรักผมหรอก ผมมีแฟนแล้ว ต่อไปตั้งใจทำงานก็แล้วกัน”
ลู่เฉินใจป้ำกับลูกน้องของตัวเองเสมอ เมื่อวานเพิ่งให้รถบีเอ็มดับเบิลยูสองคัน วันนี้ยกประเป๋าให้เธอที่เป็นผู้ช่วยและเลขาอย่างไม่คิดอะไร ในอนาคตงานและชีวิตของเขายังต้องพึ่งพาเธออีกมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar