ตอนที่ 445 เจียหยางพิคเจอร์ส
ลู่เฉินไม่รู้ว่าตัวเองถูก ‘หนังสือพิมพ์รายวันโปโล’ จับตาดูแล้ว แต่ถึงรู้เขาก็จนปัญญา
ความสุดยอดของปาปารัสซี่ฮ่องกงไม่ใช่พูดกันเล่นๆ เท่านั้น พวกเขาสามารถทำให้ดาราฮ่องกงได้ข่าวแล้วเป็นต้องหวาดกลัว แต่ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน และกฎหมายของฮ่องกงก็ค่อนข้างปกป้องพฤติกรรมการแอบถ่ายติดตามของพวกปาปารัสซี่เสียด้วย สิ่งที่สามารถสั่งสอนพวกเขาได้อย่างแท้จริง มีเพียงพลังของเงินทุน
ลู่เฉินเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก ยังไม่มีเงินทุนอะไรที่ฮ่องกง ดังนั้นภาพยนตร์เรื่องแรกเขาจึงต้องหาบริษัทผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์ของท้องถิ่นมาร่วมงานก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงความยุ่งยากต่างๆ
หาบริษัทมาร่วมงานผลิตภาพยนตร์เป็นข้อเสนอของเฉินเหวินเฉียง และเขายังเขียนรายชื่อบริษัทผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์มาให้สามแห่งด้วย
บริษัทผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์ทั้งสามแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสามารถหรือว่าอิทธิพล ล้วนไม่อาจเทียบเคียงกับยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมอย่างจิ่นหรง หวังซื่อ เป่าลี่ต๋าได้เลย แต่พวกเขาก็เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงเก่าแก่ มีรากฐานที่มั่นคงและเส้นสายกว้างขวาง
ที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาไม่มีกระเพาะใหญ่ที่น่าตกใจเหมือนนักล่าผู้มีอำนาจอย่างจิ่นหรง ตอนนี้เศรษฐกิจอยู่ในช่วงที่ซบเซา เงื่อนไขข้อตกลงอันเป็นที่น่าพอใจของทั้งสองฝ่ายก็จะบรรลุเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย
ทว่าเฉินหวินเฉียงกลับถูกความเป็นจริงตบหน้า ตอนที่ไปหาสองบริษัทแรก ยังไม่ทันพูดถึงเงื่อนไข ก็ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธอย่างอ้อมค้อมเสียแล้ว และแสดงตัวว่าตอนนี้บริษัทของตัวเองกำลังจะทำภาพยนตร์เรื่องใหม่ จึงไม่อยากร่วมงานกับคนอื่นชั่วคราว
ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเพราะแผนสนับสนุนธุรกิจภาพยนตร์โทรทัศน์ที่ผลักดันโดยรัฐบาลฮ่องกง ข่าวดีนี้ทำให้บริษัทผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์ที่มีกำลังความสามารถหลายแห่งเตรียมตัวพร้อมทำงานใหญ่ เจตนาก็คืออยากอาศัยภาพยนตร์เรื่องใหม่บุกตลาดยักษ์ใหญ่ในประเทศจีน
แต่โควตาภาพยนตร์ที่จะเข้าสู่ประเทศจีนมีจำนวนจำกัด แน่นอนว่าอย่างแรกพวกเขาต้องมั่นใจและจดจ่อกับภาพยนตร์ใหม่ของตัวเองก่อน แล้วจะร่วมงานกับสตูดิโอลู่เฉินอันไร้ชื่อเสียงได้อย่างไร
แม้นักล่าทรงอิทธิพลในอุตสาหกรรมอย่างจิ่นหรงสามารถถ่ายทำภาพยนตร์สามเรื่องพร้อมกันได้ แต่ยิ่งไม่น่าเชื่อถือ
เฉินเหวินเฉียงเอ่ยพูดตามตรง “จิ่นหรงกับหวังซื่อเข้าไปไม่ได้เลย ในสายตาของพวกเขาไม่เห็นคนตัวเล็กอย่างผมเลย ต่อให้หาคนแล้วยัดเงินเพื่อขออนุโลม สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร และจะกลายเป็นเรื่องตลกให้คนอื่นเขาพูดกัน”
เห็นได้ชัดว่าเฉินเหวินเฉียงได้รับบทเรียนอันน่าเจ็บปวด แม้แต่วั่นเสี่ยวเฉวียนที่นั่งข้างๆ ก็ฟังออกถึงความขุ่นเคืองและน้อยเนื้อต่ำใจของเขา
ลู่เฉินหัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “ไม่เป็นไรครับ ตอนนี้พวกเราต้องการเพื่อนร่วมงานที่ซื่อสัตย์และจริงใจ ส่วนในอนาคต ผมคิดว่าคนอื่นจะมาของานถึงที่เองแหละ”
เขาพูดอย่างเงียบสงบ เหมือนกับพูดเรื่องที่ธรรมดามาก
และน้ำเสียงที่เผยออกมา ก็เป็นความมั่นใจอย่างยิ่งยวด!
วั่นเสี่ยวเฉวียนเข้าใจอย่างสุดซึ้ง เฉินเหวินเฉียงกลับไม่เห็นด้วยเท่าไร เขารู้ว่าลู่เฉินมีความสามารถโดดเด่นไม่เหมือนใคร มีชื่อเสียงมากในประเทศจีน แต่ที่นี่คือฮ่องกง
แน่นอนว่าเฉินเหวินเฉียงจะไม่เผยความคิดในใจออกมาทางสีหน้า เขายิ้มแล้วกล่าวว่า “เถ้าแก่พูดถูกแล้ว สตูดิโอของพวกเราจะดังเป็นพลุแตกไหม ก็ต้องดูผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกเรื่องนี้”
เฉินเหวินเฉียงได้แนะนำให้ลู่เฉินรู้จักเจียหยางพิคเจอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทเพียงแห่งเดียวที่ให้ความสนใจอยากร่วมงานด้วยอย่างละเอียดอีกครั้ง
เจียหยางพิคเจอร์สมีประวัติการก่อตั้งสามสิบปี ส่วนใหญ่จะถ่ายทำภาพยนตร์ฮ่องกงต้นทุนระดับกลางถึงต่ำ ในยุคที่ภาพยนตร์ฮ่องกงเพื่องฟู ก็เคยมีวันเวลาที่รุ่งโรจน์มาก่อนเช่นกัน เคยออกผลงานภาพยนตร์ขายดีสองสามเรื่อง
แต่สิบกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากความถดถอยขนาดใหญ่ของอุตสาหกรรมภาพยนตร์โทรทัศน์ของฮ่องกง เจียหยางพิคเจอร์สจึงโดนโจมตีอย่างรุนแรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ่ายภาพยนตร์ตลกโปกฮาตามแนวดั้งเดิมของฮ่องกงหนึ่งเรื่องก็ขาดทุนหนึ่งเรื่อง ขาดทุนจนแทบไม่เหลือ เผชิญหน้ากับภาวะล้มละลายและกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ในปี 2012 เจียหยางพิคเจอร์สถูกโจวอี้นักธุรกิจชาวฮ่องกงซื้อกิจการไปอย่างเต็มตัว หลังจากผ่านการปรับเปลี่ยนระบบโครงสร้างใหม่ ในที่สุดก็หลุดพ้นจากสถานะชักหน้าไม่ถึงหลัง พอที่จะประคองธุรกิจได้อยู่บ้าง
“โจวอี้เป็นนักธุรกิจอย่างแท้จริง…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar