ตอนที่ 458 ร้องเพลง – ตอนที่ต้องอ่านของ (นิยายแปล) Perfect Superstar
ตอนนี้ของ (นิยายแปล) Perfect Superstar โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายSlice of Lifeทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 458 ร้องเพลง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 458 ร้องเพลง
ห่างกันช่วงสั้นๆ ยิ่งรักกันมากกว่าเพิ่งแต่งงาน ลองคำนวณดูแล้วทั้งสองคนไม่ได้เจอหน้ากันครึ่งเดือนกว่าแล้ว
คู่รักที่รักกันดูดดื่มล้วนอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดเวลา การแยกกันอยู่คนละฟากฟ้าเป็นความทรมานที่ยากจะทัดทานได้ ยามที่เจอหน้ากันอีกครั้ง ไฟรักจึงลุกโชนมากขึ้นเป็นพิเศษ
ทว่าตอนนี้ฟ้ายังไม่มืด และเพิ่งถ่ายละครเสร็จ ด้านนอกกระโจมมีคนเดินไปมาขวักไขว่ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ลู่เฉินจึงต้องระงับอารมณ์ชั่วแล่นไว้ ได้แต่แลกเปลี่ยนความอบอุ่นกับเฉินเฟยเอ๋อร์เล็กๆ น้อยๆ เพื่อระบายความคิดถึง
เฉินเฟยเอ๋อร์หน้าแดงระเรื่อคว้ามือของลู่เฉินที่กำลังรุ่มร่ามอยู่ในกระโปรงของตัวเอง นัยน์ตาสวยแฝงอารมณ์รักเอ่ยพูดอย่างเขินอาย “พอแล้ว ตอนค่ำ…ตอนค่ำค่อยว่ากัน”
ดวงตาของเธอสวยงามราวกับสายน้ำที่หยดย้อย อย่าให้พูดเลยว่างดงามอ่อนหวานมากเพียงใด
โชคดีที่ลู่เฉินมีสติที่แน่วแน่มากพอ มิฉะนั้นเขาคงจะผลักเธอล้มลงก่อนแล้วค่อยว่ากันโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
เขาชักมือกลับอย่างเสียดาย ก้มหน้าแล้วหอมแก้มเฉินเฟยเอ๋อร์หนึ่งที
ทั้งสองคนนั่งเคียงข้างกัน เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นของแต่ละฝ่าย
ลู่เฉินเล่าเรื่องทุกอย่างที่ตัวเองพบเจอให้เฉินเฟยเอ๋อร์ฟังโดยไม่บิดพลิ้ว เทียบกับเฉินเฟยเอ๋อร์ที่ถ่ายละครอยู่ที่นี่เขามีเรื่องให้เล่าเยอะกว่าเธอ ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วเฉินเฟยเอ๋อร์จะเป็นผู้ฟังเสียมากกว่า
หลังจากเฉินเฟยเอ๋อร์ฟังจบ ก็ยิ้มพลางพูดว่า “นายโชคดีมากๆ ที่ได้รับคำชมจากหลิวกั่งเซิง มีเขาคอยคุ้มครอง อย่างนั้นนายก็สามารถเดินเบ่งในวงการบันเทิงฮ่องกงได้เลย!”
พูดแบบนี้…
ลู่เฉินรู้สึกทึ่งแฟนสาวของตัวเอง…เธอคงจะดูภาพยนตร์แก๊งมาเฟียฮ่องกงเยอะมากแน่นอน
“คุณรู้จักหลิวกั่งเซิง?”
เฉินเฟยเอ๋อร์ตอบว่า “เคยเจอสองครั้ง แต่ไม่สนิท เพื่อนที่ฮ่องกงของฉันหลักๆ แล้วก็คือพี่ซูจิ้ง”
ลู่เฉินถามว่า “แล้วคุณนายจินล่ะ”
เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะพลางเอ่ยว่า “คุณนายจินเป็นคนฉลาดทันคน สามารถร่วมงานได้แต่ไม่เหมาะคบเป็นเพื่อน”
ลู่เฉินพยักหน้า เขาพลางนึกถึงโจวอี้ขึ้นมา
การประเมินของเฉินเฟยเอ๋อร์แม่นยำมาก คุณนายจินด้วยคุณสมบัติแล้วไม่ต่างกับโจวอี้มากนัก
“เอ๊ะ?”
เฉินเฟยเอ๋อร์หยิบแส้ที่อยู่ตรงหัวเตียงขึ้นมา แล้วถามอย่างสงสัยว่า “ไปเอามาจากที่ไหนคะ”
“อ้อ!”
ลู่เฉินอธิบายว่า “เมื่อกี้ผมเจอสาวน้อยเผ่ามองโกล เก๋อเกินถ่าน่า เธอยัดใส่มือของผมครับ”
คนอื่นให้ของขวัญหากทิ้งก็รู้สึกแกรงใจ ดังนั้นเมื่อครู่ตอนที่เข้ามา เขาจึงวางไว้ตรงนี้
“เก๋อเกินถ่าน่า”
เฉินเฟยเอ๋อร์ตกใจ “ใช่เก๋อเกินถ่าน่าบ้านฉี่เหยียนหรือเปล่าคะ เด็กสาวที่สวยมากคนนั้น”
ลู่เฉินไม่ค่อยมั่นใจ “น่าจะใช่มั้งครับ”
เฉินเฟยเอ๋อร์เบิกตาโต ชูแส้ที่อยู่ในมือ “เธอยัดแส้นี้ให้นาย จากนั้นนายก็รับไว้ ไม่ได้คืนเธอเหรอ”
“เอ่อ…”
ลู่เฉินรู้สึกเหมือนตกลงไปในหลุมกะทันหัน “มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”
เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะขึ้นมาทันที หัวเราะอย่างเริงร่า
เธอซบไปที่ไหล่ของลู่เฉิน แล้วหัวเราะพลางพูดว่า “นี่คือแส้ของหญิงสาวเผ่ามองโกล ที่ทำขึ้นมาด้วยตัวเอง โดยทั่วไปจะมอบให้กับคนที่ชอบ ถือว่าเป็นของแทนใจ”
“เก๋อเกินถ่าน่าชอบนายเข้าแล้ว เกิดรักแรกพบกับนาย ดังนั้นเธอถึงมอบแส้นี้ให้ตอนที่เจอหน้า!”
“นายกลับรับเอาไว้ เหอะๆ!”
เมื่อดื่มกันอย่างเต็มคราบแล้ว ผู้ชายร่างกายบึกบึนแข็งแรงเหมือนหลังเสือเอวหมีคนหนึ่งจึงลุกขึ้น แล้วเอ่ยเสียงดังว่า “พวกสาวๆ และพวกหนุ่มๆ พวกเรามาเต้นรำกันเถอะ ต้อนรับเพื่อนๆ ที่มาจากเมืองหลวง!”
เฉินเฟยเอ๋อร์พูดกับลู่เฉินเสียงเบา “คนนี้ก็คือพ่อของเก๋อเกินถ่าน่า และเป็นเจ้าของลานล่าสัตว์สุ่ยเฉวียน พวกเราเรียกเขาว่าลุงฉี่เหยียน”
พวกคนเลี้ยงสัตว์ที่อายุน้อยทั้งหลายที่อยู่รอบๆ ทยอยกันลุกขึ้น คนชราของเผ่ามองโกลสองสามคนบรรเลงซอหัวม้าและกลองแบน กระตุ้นบรรยากาศในงานเลี้ยงให้ครึกครื้นยิ่งขึ้น
ชนเผ่ามองโกลเป็นชนชาติที่ชอบร้องเพลงและเต้นรำ เพลงและระบำของพวกเขาได้สืบทอดมารุ่นต่อรุ่น จวบจนปัจจุบันก็ยังคงมนต์เสน่ห์น่าหลงใหล อารมณ์ที่คึกคักเปี่ยมไปด้วยการมองโลกในแง่ดี ใครที่ได้ฟังล้วนต้องเผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า
ภายใต้การนำของพวกเขา ทีมงานกองถ่ายก็สลัดความสำรวมทิ้งไป เริ่มเต้นรำตาม แบ่งปันความสุขร่วมกัน
เต้นจบไปหนึ่งเพลง ไม่ทราบว่าเป็นคนเลี้ยงสัตว์คนไหนตะโกนเสียงดังขึ้นมาว่า “ให้พวกแขกร้องสักเพลงดีไหม”
“ดี!”
พวกคนเลี้ยงสัตว์อายุน้อยต่างเห็นด้วย ปรบมืออย่างพร้อมเพรียงกัน
สิ่งที่เรียกว่ายากที่จะปฏิเสธการเชื้อเชิญได้ ก็คือสถานการณ์เช่นนี้ แขกทั้งหลายไหนเลยจะกล้าโชว์ฝีมือ
ดังนั้นสายตาของทุกคนจึงตกอยู่ที่ตัวของลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์
หากพูดถึงการร้องเพลง คนที่อยู่ในนี้มีใครสามารถเทียบคู่รักคู่นี้ได้บ้าง
ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์สบตากัน คนหลังเม้มปากยิ้มแล้วเอ่ยว่า “นายร้องเถอะ”
ลู่เฉินก็ไม่ปฏิเสธ ลุกขึ้นอย่างมีมารยาทเป็นกันเองแล้วเอ่ยเสียงดังว่า “งั้นผมขอโชว์ความตลก ร้องสักหนึ่งเพลงนะครับ”
“ดี!”
เสียงปรบมือและเสียงร้องว่าดีดังขึ้นอีกครั้ง!
…………………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar