อ่านสรุป ตอนที่ 549 ‘โปเยโปโลเย’ รอบปฐมทัศน์ (3) จาก (นิยายแปล) Perfect Superstar โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 549 ‘โปเยโปโลเย’ รอบปฐมทัศน์ (3) คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายSlice of Life (นิยายแปล) Perfect Superstar ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 549 ‘โปเยโปโลเย’ รอบปฐมทัศน์ (3)
90 นาที ชั่วโมงครึ่ง เป็นเวลาสองคาบเรียน สามารถนั่งรถไฟความเร็วสูงจากเมืองหังโจวไปถึงหนานจิงได้
และยังเป็นเวลาดูหนังสักเรื่องในโรงภาพยนตร์
‘โปเยโปโลเย’ รอบปฐมทัศน์ที่ฉายในโรงภาพยนตร์ข่ายเสวียน เริ่มขึ้นตอนสองทุ่มตรงและจบลงตอนสามทุ่มครึ่ง
แปะ! แปะ! แปะ!
เมื่อแสงไฟในโรงหนังสว่างขึ้น ผู้ชมที่กำลังนิ่งเงียบอยู่เหมือนถูกปลุกจากการหลับฝัน ไม่รู้ว่าใครเริ่มปรบมือขึ้นมาก่อน จากนั้นเสียงปรบมือก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งโรง
ตอนแรกเริ่มยังวุ่นวายสะเปะสะปะ แต่เสียงปรบมือก็กลายเป็นจังหวะเดียวกันภายในเวลาอันรวดเร็ว เหมือนกับลมพายุที่พัดกระหน่ำในฤดูร้อน ทั้งแรงและเร็ว สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโรงภาพยนตร์
แขกผู้มีเกียรติลุกขึ้นยืนคนแล้วคนเล่า หันหน้าไปทางทางตำแหน่งที่ทีมงาน ‘โปเยโปโลเย’ นั่งอยู่ เพื่อแสดงความยินดีอย่างจริงใจและอบอุ่น!
แขกที่ได้รับเชิญมางานเปิดตัวภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์หลังจากชมภาพยนตร์จบแล้ว ไม่ว่ามีความคิดเห็นอย่างไร ก็ต้องปรบมือตามมารยาท แต่มารยาทยังแบ่งระดับเป็นสูงต่ำ
‘โปเยโปโลเย’ ได้รับการแสดงความชื่นชมเป็นอย่างสูง!
แขกเรือนร้อยคน มีทั้งตัวแทนจากบริษัทภาพยนตร์โทรทัศน์ มีทั้งศิลปินดาราในวงการ มีทั้งสื่อมวลชนและนักเขียน ยังมีสมาชิกสมาคมภาพยนตร์ฮ่องกงอีกด้วย…พวกเขาก็คือสมาชิกของคณะกรรมการโครงการสนับสนุนภาพยนตร์ฮ่องกง
คนที่เป็นตัวแทนของชนชั้นระดับสูงในโลกบันเทิงเหล่านี้ ไม่ได้ซื้อหากันได้ง่ายๆ พวกเขามีที่ยืนของตัวเอง มีวิจารณญาณของตัวเอง และมีการตัดสินดีชั่วในแบบของตัวเอง
การจะทำให้พวกเขาชื่นชมและยอมรับในตัวทีมงานได้อย่างจริงใจ ต้องอาศัยความสุดยอดของ ‘โปเยโปโลเย’ ล้วนๆ!
“ยินดีด้วย!”
คนแรกที่เข้ามาแสดงความยินดีกับลู่เฉินคือหลิวกั่งเซิง “คุณถ่ายหนังได้ดีมาก เก่งจริงๆ!”
ลู่เฉินจับมือกับราชาแห่งวงการบันเทิงฮ่องกง แสดงความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณครับพี่เซิง!”
หลิวกั่งเซิงตบบ่าเขา ยิ้มแล้วพูดว่า “ครั้งหน้าถ้ามีหนังดีๆ อีก เหลือบทให้ผมบ้างนะ”
ลู่เฉินรีบตอบ “เป็นเกียรติของผมครับ!”
ด้วยตำแหน่งและอิทธิพลของหลิวกั่งเซิงในวงการบันเทิงฮ่องกง ย่อมมีบทภาพยนตร์มากมายมารอให้เขาเลือก ไม่รู้ว่ามีบริษัทผลิตภาพยนตร์มากน้อยแค่ไหนที่อยากร่วมงานกับเขา
แน่นอนว่าต้องจ่ายค่าตัวของหลิวกั่งเซิงไหวด้วย เขาเป็นนักแสดงชายที่มีค่าตัวสูงที่สุดในฮ่องกง
เขาออกปากขอบทจากลู่เฉิน ไม่ใช่เพื่อการไว้หน้าลู่เฉินอย่างเดียว ยังเป็นการชื่นชม ‘โปเยโปโลเย’ อีกด้วย
ซือฟางที่ยืนอยู่กับหลิวกั่งเซิงเอ่ยขึ้นว่า “นับฉันเข้าไปด้วยคนหนึ่ง”
ลู่เฉินมึนงง
ในความทรงจำของเขา หลิวกั่งเซิงกับซือฟางเคยถ่ายทำภาพยนตร์ร่วมกันเพียงเรื่องเดียว ผลงานภาพยนตร์เรื่องนี้เคยสร้างสถิติสูงสุดของบ็อกซ์ออฟฟิศฮ่องกงมาแล้ว และได้รับคะแนนสูงมากในจีนแผ่นดินใหญ่
แม้ทั้งสองคนจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่ถ่ายภาพยนตร์ร่วมกันเพียงเรื่องเดียว ถ้าลู่เฉินเชิญทั้งสองคนมาร่วมงานในภาพยนตร์เรื่องใหม่ของตัวเอง แทบไม่ต้องลงโฆษณาเลยก็ทำให้สื่อออกมาเคลื่อนไหวได้แน่นอน
แม้ค่าตัวของทั้งสองคนจะสูงมาก ขอแค่เนื้อเรื่องไม่เละเทะเกินไป ก็ยากที่จะขาดทุน!
แต่กุญแจสำคัญคือต้องมีมาตรฐานสูง บริษัทผลิตภาพยนตร์ใดก็ตามที่เชิญทั้งสองคนมาร่วมงานได้ ถือเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่ง
แน่นอนว่าหลิวกั่งเซิงกับซือฟางอาจจะพูดเพราะความเกรงใจ ลู่เฉินไม่ถึงกับสับสนไปชั่วขณะ เขาอึ้งไปเท่านั้น เปลี่ยนเป็นยิ้มบอกว่า “คืนนี้ผมจะกลับไปเขียนบทเลย!”
หลิวกั่งเซิงกับซือฟางหัวเราะออกมา
กล้องถ่ายทำหลายตัวถูกจัดตั้งเอาไว้แล้ว เลนส์ทุกเลนส์จับจ้องไปที่กลุ่มนักแสดง
โดยเฉพาะลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ และเนี่ยหมิงจู ที่ได้รับการจับตามองจากบรรดานักข่าวมากที่สุด
ถึงตอนถามคำถาม นักข่าวที่นั่งอยู่แถวหน้าคนหนึ่งยืนขึ้นพูดเสียงดังอย่างทนไม่ไหวว่า “ฉันเป็นนักข่าวจากนิตยสารภาพยนตร์รายสัปดาห์ ขอถามคุณลู่เฉินค่ะ…”
การสัมภาษณ์จากสื่อดำเนินไปหนึ่งชั่วโมงกว่า นักข่าวฮ่องกงแต่ละคนไม่ใช่คนดีนัก ต่อให้พวกเขาชื่นชอบ ‘โปเยโปโลเย’ มาก ไหนจะรับอั่งเปาจากสตูดิโอลู่เฉินอีก ก็ยังขุดค้นคำถามอันกวนประสาทออกมาถามได้
ตอนนี้จะเห็นว่าระดับความสามารถในการรับมือของผู้ถูกสัมภาษณ์ยังดีอยู่ หากมีเรื่องขายหน้าเกิดขึ้น พรุ่งนี้จะต้องถูกสื่อเหล่านี้ลงข่าวเยาะเย้ยในหนังสือพิมพ์และนิตยสารแน่นอน
ลู่เฉินไม่ใช่ศิลปินหน้าใหม่เนื้ออ่อน ความทรงจำที่ได้มาจากคนทั้งสามในโลกแห่งความฝันทำให้เขามีสติปัญญาและวุฒิภาวะสูงกว่าคนวัยเดียวกัน ต่อให้ถูกนักข่าวเค้นถาม เขาก็ยังรับมือได้ดีเหมือนเดิม
หลังจากสู้กับคำถามอยู่หลายข้อ บรรดานักข่าวจากนิตยสาร หนังสือพิมพ์ และเว็บไซต์แม้จะไม่ยินยอมแต่โดยดี แต่ก็อดนับถือในความช่ำชองและความหลักแหลมของลู่เฉินไม่ได้…หาจุดบอดไม่เจอจริงๆ
พวกเขารีบเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ไปที่เฉินเฟยเอ๋อร์และเนี่ยหมิงจู
“คุณเฉินเฟยเอ๋อร์ครับ ทุกคนรู้ว่าคุณเป็นแฟนสาวของคุณลู่เฉิน พวกคุณร่วมเล่นละครมาด้วยกันสองเรื่องแล้ว รับบทเป็นพระเอกนางเอกทั้งสองเรื่อง แต่ทำไมบทนางเอกใน ‘โปเยโปโลเย’ ถึงเป็นคุณเนี่ยหมิงจูแทนครับ แล้วคุณกลับไปเล่นบทตัวร้ายที่โหดเหี้ยมแทน”
นักข่าวบางสำนักจดจ้องถามเฉินเฟยเอ๋อร์ ดวงตาแทบจะไม่กะพริบ
เฉินเฟยเอ๋อร์เข้าวงการมาหลายปี ทำไมจะไม่เคยเจอนักข่าวแบบนี้? เผชิญหน้ากับคำถามแบบนี้ เธอยิ้มตอบว่า “เป็นเพราะฉันกับคุณลู่เฉินได้ร่วมรับบทพระเอกนางเอกในละครถึงสองเรื่องแล้ว ดังนั้นครั้งนี้จึงอยากเปลี่ยนบทบ้าง แบบนี้คนดูจะได้ไม่เบื่อ และเป็นความท้าทายทักษะการแสดงของตัวฉันเองด้วยค่ะ…”
เธอกุมไมโครโฟนไว้หลวมๆ รัศมีแห่งความงามและความมั่นใจในตัวเองแผ่กระจายออกมาจากร่างของเธอ ทำให้คนไม่มีทางตำหนิได้
ใน ‘โปเยโปโลเย’ เฉินเฟยเอ๋อร์ เป็นบอสใหญ่ แต่ที่นี่เธอยังคงเป็นราชินีเหมือนเดิม!
…………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar