ตอนที่ 572 มีเงินทำตามใจได้ – ตอนที่ต้องอ่านของ (นิยายแปล) Perfect Superstar
ตอนนี้ของ (นิยายแปล) Perfect Superstar โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายSlice of Lifeทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 572 มีเงินทำตามใจได้ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 572 มีเงินทำตามใจได้
ความมั่นใจในตัวเองและความทะเยอทะยานของลู่เฉิน ได้นำมาซึ่งการโจมตีจากพนักงานระดับสูงของฝ่ายสตูดิโอเฉินเฟยเอ๋อร์
ผู้จัดการหลายคนไม่ค่อยเห็นด้วย
ทั้งสองสตูดิโอรวมตัวกันตั้งเป็นบริษัทใหม่ พวกเขาไม่มีข้อแม้ แต่ระหว่างขั้นตอนการรวมตัว สตูดิโอเฉินเฟยเอ๋อร์ที่มีความสามารถและอำนาจมากกว่าต้องรวมเข้ากับสตูดิโอลู่เฉิน พวกเขาย่อมต้องมีความคิดบางอย่างในใจแน่นอน
ความคิดส่วนความคิด เฉินเฟยเอ๋อร์ตัดสินใจแล้ว ทุกคนต้องยอมรับเท่านั้น
แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะยอมรับในตัวลู่เฉินด้วย
ตอนนี้ลู่เฉินได้แบแผนการสร้างบริษัทที่ใหญ่โตขนาดนี้ออกมา ทั้งมาตรฐานระดับนานาชาติ และทีมงานสเปเชียลเอฟเฟกต์ล้วนเป็นงานใหญ่ที่น่าตกใจ นั่นต้องใช้เงินทุนเป็นสิบล้านหรืออาจจะมากถึงร้อยล้านอย่างต่อเนื่อง
ผู้จัดการแผนกคนหนึ่งทนไม่ไหว ถามขึ้นว่า “คุณลู่ครับบริษัทเพิ่งจะเริ่มดำเนินการ พวกเราควรจะต้องระวังหน่อยไหมครับ ให้รากฐานของบริษัทมั่นคงก่อน แล้วค่อยพัฒนาทีละขั้น”
ในสายตาของผู้จัดการแผนกคนนี้ ลู่เฉินดูโอหังและเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป
ผู้ก่อตั้งบริษัทที่อายุน้อยมักจะพลาดพลั้งแบบนี้ ผลงานของลู่เฉินที่ผ่านมานั้นโดดเด่นมาก แต่ไม่ว่าจะในวงการบันเทิงหรือวงการธุรกิจ ตัวอย่างที่กระทำการอย่างประมาทเลินเล่อจนทำให้ตัดสินใจผิดและพลาดพลั้งตามมา มีให้เห็นถมไป!
หนึ่งลมหายใจกินไม่อ้วน เพิ่งเริ่มเดินก็จะวิ่งแล้ว มันง่ายขนาดนั้นที่ไหน!
สตูดิโอถ่ายหนังยังดี อยากสร้างใหญ่ก็มีวิธีสร้าง อยากสร้างเล็กก็มีช่องทาง งบประมาณยังจำกัดได้
แต่ทีมงานสเปเชียลเอฟเฟกต์ที่เก่งกาจกับอุปกรณ์ชั้นสูง นั่นเท่ากับหลุมที่ไม่มีก้น ถ้าจะทำให้ได้มาตรฐานระดับนานาชาติ นั่นก็ต้องทุ่มเงินทุนทั้งหมดไปกับหลุมดำในห้วงอวกาศ
ทำไมเงินลงทุนภาพยนตร์ฮอลลีวูดถึงได้น่าตกใจเยี่ยงนี้? นอกจากค่าตัวนักแสดงแล้วยังมีค่าทำสเปเชียลเอฟเฟกต์ ค่าทำสเปเชียลเอฟเฟกต์ของหนังฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์นั้นสูงถึง 70% ของเงินทุนทั้งหมด
ภาพยนตร์จีนอยากไล่ตามแต่ช่างทำได้ยากเย็น แม้มีภาพยนตร์ของจีนแผ่นดินใหญ่หลายเรื่องที่ได้ชื่อว่ามีสเปเชียลเอฟเฟกต์ระดับหนังฮอลลีวูด แน่นอนว่าทุ่มเงินก้อนใหญ่ลงไป แต่เมื่อเทียบกับหนังฮอลลีวูดของจริงแล้ว ยังด้อยกว่ามาก!
ภาพยนตร์บางเรื่องทุ่มเงินไปกับสเปเชียลเอฟเฟกต์มากเกินไป แต่กลับไม่อาจทำให้ผู้ชมพึงพอใจ สุดท้ายก็ต้องขาดทุนกลับไป นี่เป็นผลจากการจ้างทำสเปเชียลเอฟเฟกต์
เทียบกันแล้ว ภาพยนตร์ไอดอลวัยรุ่นที่ไม่ต้องใช้สเปเชียลเอฟเฟกต์หาเงินในตลาดได้มากกว่า
ดังนั้นในความคิดของลู่เฉิน เขาไม่เห็นด้วยอย่างมาก
ความคิดของลู่เฉินเด็ดเดี่ยวมั่นคง ทีมงานสเปเชียลเอฟเฟกต์ที่เก่งนั้นหาได้ยาก แต่ขอเพียงแค่กล้าลงทุนและไปค้นหาคนเก่งด้วยความจริงใจ กล้าลงเงินไปกับอุปกรณ์และเทคนิค แล้วยืนหยัดทำต่อไป สิ่งที่ลงทุนไปนั้นหนักหนา แต่ผลตอบรับก็น่าดึงดูดใจไม่แพ้กัน
ตอนนี้เองที่เฉินเฟยเอ๋อร์เอ่ยขึ้นว่า “ฉันสนับสนุนการตัดสินใจของลู่เฉิน!”
การแสดงออกของเธอที่ชัดเจน ทำให้คนอื่นพูดอะไรไม่ออก
ลู่เฉินเห็นผู้จัดการแผนกหลายคนทำท่าไม่ยอมรับ เขายิ้มบอกว่า “ผมขอประกาศข่าวดีเรื่องหนึ่ง ภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ ที่เป็นผลงานของสตูดิโอเรา ทำรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศในฮ่องกงได้ทะลุเก้าสิบล้าน ก่อนที่จะลาโรงต้องทำได้ร้อยล้านอย่างแน่นอน!”
‘โปเยโปโลเย’ ตั้งแต่ลงโรงฉายในฮ่องกงในวันที่ 21 ของเดือนที่แล้ว จนวันนี้วันที่ 8 มีนาคม รวมเป็นเวลา 16 วัน ยังไม่ถึง 3 สัปดาห์ สะสมยอดบ็อกซ์ออฟฟิศได้ 91.08 ล้านแล้ว
ยังห่างจากวันที่ภาพยนตร์จะออกโรงอีกสิบกว่าวัน ทะลุร้อยล้านนั้นเกิดขึ้นได้จริง
ทุกข้อที่กล่าวมา ทุกคนค้นพบว่าการทุ่มทุนสร้างสตูดิโอมาตรฐานสากลกับทีมงานสเปเชียลเอฟเฟกต์นั้น ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของการก่อตั้งบริษัทใหม่เลยสักนิด
มีเงิน ก็ทำตามใจได้!
ส่วนข้อดีของสตูดิโอถ่ายหนังมาตรฐานสูงและทีมงานสเปเชียลเอฟเฟกต์นั้นไม่จำเป็นต้องพูดมาก
ผู้จัดการแผนกหลายคนจากสตูดิโอเฉินเฟยเอ๋อร์ไม่ใช่คนโง่ ใช้สมองคิดนิดเดียวก็เข้าใจแล้ว ท่าทีของพวกเขาต่อลู่เฉินจึงเปลี่ยนไป ความดูถูกและความไม่เห็นด้วยนั้นน้อยลง กลับเพิ่มความเคารพและยกย่องมากขึ้น
ในวงการนี้วัดกันที่ความสามารถ ผลกำไรเป็นสิ่งที่ชี้วัดความสามารถได้ชัดเจนที่สุด
ลู่เฉินมีความสามารถมากพอที่จะทำให้ความทะเยอทะยานของเขาเป็นจริง!
หลังจากโน้มน้าวทุกคนได้แล้ว ลู่เฉินก็รุกหน้าต่อ “แผนการสร้างบริษัทนั้นเราวางเอาไว้ก่อน เรื่องสำคัญเรื่องแรกของบริษัทใหม่ก็คือการโปรโมต ‘โปเยโปโลเย’ ผมคาดหวังต่อบ็อกซ์ออฟฟิศเรื่อง ‘โปเยโปโลเย’…”
“ไม่น้อยกว่าห้าร้อยล้าน!”
ถ้าเปลี่ยนเป็นวัยรุ่นคนอื่น ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องแรกก็หวังว่าจะทำรายได้ในประเทศห้าร้อยล้าน ทุกคนคงคิดว่าคุยโว จะมีแต่คนหัวเราะเยาะในความโอหัง
แต่กับลู่เฉิน ตอนนี้ไม่มีใครสงสัย หรือรู้สึกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้สูงเกินไป
ถ้าคิดตามยอดบ็อกซ์ออฟฟิศห้าร้อยล้าน ภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ จะนำกำไรมาให้บริษัทเฉินเฟยมีเดียมากถึงสองร้อยล้าน ยังไม่รวมกำไรจากของที่ระลึกต่างๆ
……………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar