(นิยายแปล) Perfect Superstar นิยาย บท 571

ตอนที่ 571 มองการณ์ไกล

ศูนย์ศิลปะยุคใหม่สร้างขึ้นในปี 2001 ตั้งอยู่ระหว่างสวนสาธารณะไห่ติ้งกับมหาวิทยาลัยปักกิ่ง มีพื้นที่เกือบ 700 หมู่ เป็นศูนย์ศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของปักกิ่ง

ในฐานะศิลปินที่มีชื่อเสียงได้รับการยกย่องทั้งในและต่างประเทศ อวี๋จี้จงเป็นหนึ่งในบุคคลแรกๆ ที่ย้ายสตูดิโอเข้ามาในศูนย์ศิลปะยุคใหม่แห่งนี้ ตอนนั้นจึงใช้พื้นที่ทั้งตัวอาคาร พื้นที่ใช้สอยกว้างขวางถึง 1,800 ตารางเมตร

ต้นปีที่แล้ว ลู่เฉินติดต่อผ่านทางหลินจื้อเจี๋ยผู้อำนวยการเพลงของเฟยสือเรคคอร์ดเพื่อขอเช่าพื้นที่ขนาดหนึ่งพันตารางเมตรจากศิลปินท่านนี้ เพื่อใช้เป็นที่ตั้งของสตูดิโอใหม่ ทั้งยังลงทุนมหาศาลสร้างห้องอัดเสียงคุณภาพระดับประเทศขึ้นด้วย

วันนี้พื้นที่ที่เหลืออีกแปดร้อยตารางเมตร อวี๋จี้จงจะให้ลู่เฉินเช่าต่อทั้งหมด เป็นการขจัดปัญหาเรื่องการขยายบริษัทของลู่เฉินไปได้พอดี แม้ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือ แต่ก็ดีกว่าการมาทำดีเอาหน้า

อีกทั้งเขายังให้ราคาที่เป็นธรรม ไม่ได้อาศัยจังหวะนี้ขูดรีดลู่เฉิน ไหนจะตอบตกลงเรื่องช่วยลู่เฉินทำสัญญาระยะยาวฉบับใหม่กับทางผู้ดูแลศูนย์ศิลปะให้อีก

สิ่งปลูกสร้างในศูนย์ศิลปะเป็นของประเทศ ไม่อนุญาตให้ซื้อขาย ทำได้เพียงทำสัญญาระยะยาวเพื่อรับรองผลประโยชน์ทางธุรกิจ ดังนั้นสตูดิโอแบบของลู่เฉินที่มาเช่าช่วงต่อกลางทาง ถ้าไม่มีเส้นสาย อยากจะเซ็นสัญญาคงไม่ได้ทำกันง่ายๆ

ด้วยรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณอวี๋จี้จง ลู่เฉินกับลู่ซีจึงขอเลี้ยงอาหารมื้อเที่ยงศิลปินท่านนี้

อวี๋จี้จงตอบตกลง

ระหว่างรับประทานอาหาร อวี๋จี้จงดื่มสุราไปหลายแก้ว มึนเมาเล็กน้อย จู่ๆ ก็พูดกับลู่เฉินว่า “เสี่ยวลู่ นายไม่รู้สึกว่ามันบังเอิญมากเหรอ ฝ่ายนายเตรียมจะตั้งบริษัทใหม่ ส่วนฉันจะย้ายไปที่อื่น”

ลู่เฉินกับลู่ซีมองหน้ากัน ลู่ซีตอบอย่างลองเชิงว่า “ใช่สิคะ อาจารย์อวี๋ พวกเราก็รู้สึกแปลกใจ บังเอิญจริงๆ ต้องขอบคุณคุณมากเลย”

อวี๋จี้จงใช้ตะเกียบแตะที่จานอาหาร หัวเราะเอ่ยว่า “นั่นเพราะมีคนมาช่วยพูดให้พวกเธอต่างหาก เขายังช่วยฉันติดต่อจนได้บ้านที่หมู่บ้านศิลปะด้วย ไม่อย่างนั้นภายในปีสองปีนี้ฉันยังไม่ย้ายไปหรอก”

มีคนช่วยพูด?

ลู่เฉินถามด้วยความตะลึงว่า “อาจารย์อวี๋ครับ บอกผมได้ไหมครับว่าใครเป็นคนช่วย”

อวี๋จี้จงยิ้มแล้วส่ายหน้า “เขาไม่ให้ฉันบอก เอาเป็นว่านายรู้ไว้แล้วกัน อีกอย่าง…”

เงียบไปครู่หนึ่ง เขากล่าวต่อว่า “อีกอย่างฉันชื่นชมนายมาก ในวงการบันเทิงคนหนุ่มแบบนายมีน้อยมาก ทั้งเก่งมีความสามารถแต่ไม่อวดดี แสวงหาความก้าวหน้าทั้งเรื่องงานและชีวิต ทั้งยังมีความรักความเมตตา”

ลู่เฉินถ่อมตัวอย่างเก้อเขิน “อาจารย์อวี๋ คุณชมเกินไปแล้วครับ”

อวี๋จี้จงส่ายหน้า “ไม่ได้ชมหรอก ฉันพอจะรู้เรื่องในวงการบันเทิงอยู่บ้าง มีนักเรียนสองคนอยู่ในวงการ เทียบกับนายแล้วสู้ไม่ได้เลย เรื่องที่นายจัดตั้งมูลนิธิการกุศลช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว ฉันได้ยินคนพูดถึงมาหลายครั้ง”

ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ร่วมกันจัดตั้งมูลนิธิกองทุนการกุศลเฉินเฟย ตราบจนวันนี้ตั้งมาได้เกือบปีแล้ว ตอนนี้ได้ช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ครอบครัวยากจนไปสามร้อยกว่าราย ส่วนใหญ่ในนั้นเป็นเด็ก

ผู้ป่วนส่วนหนึ่งรักษาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกจนหายแข็งแรงดี ทำให้มูลนิธิได้คำชมเชยเป็นอย่างมาก

สิ่งสำคัญที่สุดคือ มูลนิธิกองทุนการกุศลเฉินเฟยไม่เหมือนกับมูลนิธิส่วนบุคคลอื่นอีกหลายแห่งที่แม้จะมีเอกสารรับรองการรับบริจาคเงิน แต่ไม่เคยเปิดเผยเงินบริจาคอย่างโปร่งใส นอกจากลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ และเพื่อนในวงการอีกหลายคนที่ร่วมบริจาคแล้ว อย่างมากก็มีการรับบริจาคด้วยวิธีระดมทุนออนไลน์สำหรับเป้าหมายที่กำหนดเป็นพิเศษเท่านั้น และยังแจกแจงบัญชีการเงินอย่างชัดเจนอีกด้วย

อีกอย่างค่าใช้จ่ายทั่วไปในมูลนิธิ ทั้งหมดมาจากกองทุนที่ทั้งสองตั้งขึ้น ทำให้เงินที่คนบริจาคมานำไปใช้ได้ตรงจุดทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ เทียบกับมูลนิธิส่วนบุคคลที่บัญชีสับสนวุ่นวายดีกว่าไม่รู้ตั้งเท่าไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar