ตอนที่ 638 อยู่เหนือกว่าทุกด้าน
เดิมทีลู่เฉินวางแผนจะอยู่ในเมืองปินไห่สามวัน ถือโอกาสนี้พาซือฟางไปชมวิวท้องถิ่นของเมืองปินไห่
แม้เมืองปินไห่จะเป็นเพียงเมืองเล็กๆ แต่เพราะมีทั้งทะเลและภูเขา ทำให้ยังมีทิวทัศน์ที่งดงาม มีสถานที่ท่องเที่ยวระดับ 4A มีจุดชมวิวที่มีชื่อเสียง เช่น เมฆหมอกฝัวซาน ถ้ำพันปี รุ่งอรุณแห่งทะเลจีนตะวันออก นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านชาวประมงและเมืองโบราณ บ้านของชาวบ้านริมแม่น้ำที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ในสามวันนี้สามารถท่องเที่ยวได้อย่างเพลิดเพลินไร้กังวล
แต่แผนมักไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้ ในวันที่สองที่มาถึงปินไห่ ลู่เฉินพาเฉินเฟยเอ๋อร์และซือฟางไปเยี่ยมชมวัดโบราณที่ฝัวซาน ผลที่ได้คือนักท่องเที่ยวจำพวกเขาได้และพากันเข้ามารุมห้อมล้อมจนเกือบหนีไม่ทัน
ในตอนนี้ทุกคนมีโทรศัพท์ และในโทรศัพท์แต่ละเครื่องมี 4G ที่สามารถถ่ายรูปและโพสต์ลงอินเทอร์เน็ตได้ทันที ในไม่ช้าทุกคนก็รู้ว่ามีดาราชื่อดังถึงสามคนมาที่เมืองปินไห่!
ลู่เฉินได้กลายเป็นดาราดังประจำเมืองปินไห่หลังจากที่ ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ได้ออกอากาศไปเมื่อปีที่แล้ว ชาวเมืองหลายคนตอบไม่ได้ว่านายกเทศมนตรีของพวกเขาชื่ออะไร แต่กลับรู้ว่าลู่เฉินเป็นชาวปินไห่ตัวจริงเสียงจริง
ถึงแม้ว่าประวัติศาสตร์ของเมืองปินไห่จะสามารถสืบค้นได้จนถึงราชวงศ์ซ่งและหยวน แต่น้อยมากที่จะมีคนดังด้านวัฒนธรรม แน่นอนว่าดาราดังระดับลู่เฉินนั้นเป็นคนแรก จึงเป็นปกติที่จะดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้มากขนาดนี้
แม้แต่รัฐบาลยังใส่ชื่อลู่เฉินลงในนามบัตรแนะนำวัฒนธรรมท้องถิ่นอีกด้วย
เกรงว่าเพียงแค่ภาพของลู่เฉินคนเดียวก็ทำให้ผู้คนแถวนั้นคลุ้มคลั่งได้แล้ว แต่นี่กลับมีสองราชินีดังอย่างเฉินเฟยเอ๋อร์และซือฟางเพิ่มเข้ามาอีก ยิ่งทำให้ฝูงชนรู้สึกสติแตกเป็นทวีคูณ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรายการ ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ กำลังดังจนฉุดไม่อยู่ และมีโค้ชสามในสี่คนที่ฮอตทะลุปรอทมาปรากฏตัวในเมืองปินไห่ ทุกคนคงจะเดาได้ว่าอิทธิพลของพวกเขาส่งผลกระทบเป็นวงกว้างขนาดไหน!
และเรื่องที่ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้น สื่อท้องถิ่นแห่กันเข้ามารุมล้อม สถานีโทรทัศน์ในเมืองส่งคนมาสัมภาษณ์ จนแม้แต่เทศบาลเองยังตื่นตระหนกไปด้วย
สรุปแล้วเมื่อถึงวันที่สอง นายกเทศมนตรีก็ได้ออกมาเชิญลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ และซือฟางด้วยตัวเอง เพื่อที่จะเชิญทั้งสามคนเข้าร่วมงานเลี้ยงที่โรงแรมนานาชาติปินไห่ โดยมีแขกที่ได้รับเชิญเป็นข้าราชการและคนดังในแวดวงศิลปะและวรรณกรรมในท้องถิ่นอีกมากมาย
จุดประสงค์ของนายกเทศมนตรีแน่นอนว่าไม่ใช่แค่ต้องการกินข้าวเย็นด้วย หรือแค่อยากจะพบดาราดังสักครั้ง ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเมืองปินไห่นั้นกำลังวางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนด้านวัฒนธรรมในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพื่อสร้างเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง และในตอนนี้เมืองปินไห่ก็กำลังดำเนินการจัดงานเทศกาลวัฒนธรรมเป็นครั้งแรก
แน่นอนว่าแขกคนแรกที่ได้รับเชิญย่อมเป็นลู่เฉินที่อยู่ในฐานะดาราที่มีชื่อเสียงมากที่สุดที่เป็นคนปินไห่
ครั้งนี้ที่ลู่เฉินพาเฉินเฟยเอ๋อร์และซือฟางมาเที่ยวนั้นเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดสำหรับเมืองปินไห่ ถ้าเกิดว่าเชิญทั้งสามคนมาเข้าร่วมได้ละก็ งานเทศกาลวัฒนธรรมนี้จะต้องไม่ล้มเหลวอย่างแน่นอน!
แน่นอนว่าลู่เฉินไม่สามารถปฏิเสธนายกเทศมนตรีไปอย่างไม่ไว้หน้า และไม่มีเหตุผลที่จะไม่สนับสนุนงานเทศกาลวัฒนธรรมท้องถิ่นครั้งนี้ ดังนั้นเขาจึงตอบตกลงไปอย่างไม่ลังเล แต่นั่นก็เป็นแค่คำตอบของเขาคนเดียวเท่านั้น ในส่วนของเฉินเฟยเอ๋อร์และซือฟางยังต้องให้คณะผู้จัดงานเทศกาลวัฒนธรรมไปเจรจากับผู้จัดการของพวกเธอเกี่ยวกับเรื่องค่าตัวและตารางงานเสียก่อน
แต่ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพวกเธอกับลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์และซือฟางเลยรับปากว่าจะนำไปคิดอย่างจริงจัง ทำให้ทั้งแขกเหรื่อและเจ้าบ้านต่างพากันดีใจเป็นอย่างมาก
แต่หลังจากรับประทานอาหารมื้อนี้เสร็จแล้ว ลู่เฉินกลับต้องพาราชินีทั้งสองวิ่งหนีเหล่าแฟนคลับที่ยกโขยงกันเข้ามาหาจากนอกเมือง รวมทั้งบ้านของเขาในเขตชุมชนจิ่งเซิ่งก็ถูกเปิดเผยในโลกออนไลน์เช่นกัน
ถ้าเกิดว่ายังอยู่ที่นี่ต่อไปละก็ คาดว่าหลังจากนี้คงจะออกไปไหนได้ยากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะอยู่เที่ยวต่อ เพียงแค่ปัญหาเรื่องความปลอดภัยก็ลำบากมากแล้ว อยู่เที่ยวที่นี่ต่อก็คงไม่สนุกอีกต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar