(นิยายแปล) Perfect Superstar นิยาย บท 650

สรุปบท ตอนที่ 650 ครบรอบสองปี: (นิยายแปล) Perfect Superstar

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 650 ครบรอบสองปี – (นิยายแปล) Perfect Superstar โดย Internet

บท ตอนที่ 650 ครบรอบสองปี ของ (นิยายแปล) Perfect Superstar ในหมวดนิยายSlice of Life เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 650 ครบรอบสองปี

ยุคสมัยที่แตกต่างกัน นักร้องก็ไม่เหมือนกัน

นักร้องชื่อดังหลายคนที่เข้าวงการในยุคแปดศูนย์เก้าศูนย์ แม้ว่ามาจนถึงตอนนี้จะมีหลายคนที่ออกจากวงการเพลงหรือหายเงียบไป แต่ในแง่ของนิสัยและศีลธรรม บ่อยครั้งที่ได้รับคำยกย่องชื่นชม และมีเพียงส่วนน้อยที่ใจร้อน

มองจากในหลายๆ ด้าน เว่ยซินหรานและถานหงมีความคล้ายคลึงกันมาก ถึงแม้เว่ยซินหรานจะไม่โด่งดังเท่าถานหง แต่สิ่งที่เหมือนกันคือการปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความจริงใจ เต็มใจที่จะช่วยเหลือรุ่นน้องและยังมีใจที่เปิดกว้างอีกด้วย

ถ้าเกิดว่าที่นี่ในวันนี้เป็นนักร้องหนุ่มสาวรุ่นใหม่พวกนั้นที่จัดคอนเสิร์ต แล้วถูกลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์แย่งซีนไปแบบนี้ละก็ เดาว่าถ้าไม่ตกใจแต่ก็ปลื้ม ก็คงจะรู้สึกขุ่นเคืองริษยาไปแล้ว มีน้อยคนนักที่จะสามารถรักษาความสงบของตัวเองไว้ได้

เว่ยซิ่นหรานไม่มีวันที่จะทำแบบนั้น เขาแสดงความขอบคุณและชื่นชมลู่เฉินอย่างจริงใจต่อหน้าผู้ชมทุกคน ไม่ได้รู้สึกว่าวิธีการพูดแบบนี้จะทำให้ตัวเองเสียหน้าเลยสักนิด

“ขอบคุณคุณลู่เฉิน ขอบคุณคุณเฉินเฟยเอ๋อร์ ค่ำคืนนี้ทำผมเซอร์ไพรส์สุดๆ ไปเลย ขอบคุณมาก!”

ในกลุ่มผู้ชม เฉินเฟยเอ๋อร์เป็นคนแรกที่ปรบมือดังกึกก้อง ทันใดนั้นเสียงปรบมือก็ดังขึ้นตามมา

ลู่เฉินรู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่ได้รับคำชมจากผู้อาวุโสท่านนี้ พูดตอบไปว่า “พี่เว่ยจะชมกันเกินไปแล้ว ผมรู้สึกละอายใจจริงๆ ”

เว่ยซิ่นหรานยิ้มแล้วพูดว่า “นายไม่ต้องถ่อมตัวไปหรอกน่า ฉันไม่ขอยืมเงินนายหรอก”

เหล่าผู้ชมต่างปรบมือให้พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะอย่างถูกใจ

เว่ยซิ่นหรานดึงตัวลู่เฉินเข้ามาแล้วกล่าวว่า “ขึ้นมาแล้วก็อย่าคิดที่จะหนีไปไหน มาร้องเพลงให้ทุกคนฟังกันสักเพลงเถอะ!”

ลู่เฉินคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงพยักหน้าแล้วตอบตกลงทันที “ตกลง แต่ผมอยากจะร้องเพลงกับพี่เว่ย พวกคุณว่าดีไหม”

ประโยคสุดท้ายเขาพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นเพื่อถามผู้ชม

ผู้ชมตอบรับอย่างกระตือรือร้น “ดี!”

เว่ยซิ่นหรานไม่ได้คัดค้าน และถามว่า “แล้วเราจะร้องเพลงอะไรกันดีล่ะ เพลงของนายฉันร้องได้เกือบทั้งหมดเลยนะ”

ลู่เฉินยิ้มตอบ “ผมต้องร้องเพลงของพี่เว่ยอยู่แล้ว เอาเป็นเพลง ‘ความปรารถนา’ ดีไหมครับ”

‘ความปรารถนา’ เป็นหนึ่งในผลงานที่มีชื่อเสียงของเว่ยซิ่นหราน อัลบั้มชื่อเดียวกันนี้เคยขายได้หลายล้านแผ่นในแผ่นดินใหญ่ เป็นตัวแทนแสดงถึงความสำเร็จของเว่ยซิ่นหรานในช่วงที่อาชีพการงานของเขาขึ้นสู่จุดสูงสุด

เว่ยซิ่นหรานหัวเราะและพูดออกมาเสียงดัง “งั้นเราก็มาร้องเพลง ‘ความปรารถนา’ ด้วยกันเถอะ!”

……

เมอร์เซเดสเบนซ์สีดำขับไปตามถนนสายยาว บดบังแสงและเงาบนพื้นดิน หน้าต่างหนาทึบกันเสียงจากภายนอก ปล่อยพื้นที่เงียบสงบไว้ให้กับเบาะหลังที่กว้างขวาง

เฉินเฟยเอ๋อร์นั่งพิงแขนของลู่เฉิน ดวงตาเป็นประกายปิดลงครึ่งหนึ่ง ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงก่ำ เสียงหอบหายใจดังออกมา

หลังจากดูคอนเสิร์ตของเว่ยซิ่นหรานเสร็จแล้ว เมื่อถึงเวลาออกมาจากศูนย์วัฒนธรรมหย่วนฟาง ก็เจอกับแฟนๆ จำนวนมากที่เฝ้ารออยู่ด้านนอก ถ้าไม่ใช่เพราะการปิดกั้นอย่างแน่นหนาจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย คาดว่าจนถึงตอนนี้ทั้งสองคนก็ยังคงหนีไม่พ้น

ต่อให้เป็นอย่างนั้นก็เถอะ เมื่อกี้ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์วิ่งหนีราวกับจะเอาชีวิตรอดมาไม่ใช่ระยะทางสั้นๆ เลยโชคดีที่จางเสี่ยวฟางมารับได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นคงจะยุ่งยากมากไปกว่านี้

“บอกให้ออกมาก่อนคุณก็ไม่ฟัง…”

ลู่เฉินยื่นมือออกไปเขี่ยจมูกของเฉินเฟยเอ๋อร์และพูดว่า “จะต้องดูให้จบให้ได้”

เฉินเฟยเอ๋อร์ตีมือของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง “นี่เป็นคอนเสิร์ตอำลาของรุ่นพี่เว่ยเชียวนะ ฉันต้องอยากดูจนจบอยู่แล้วน่า”

เพลงสุดท้ายนั้นซึ้งมาก ผู้ชมทั้งหมดหนึ่งหมื่นเจ็ดพันคนลุกขึ้นยืนเพื่อร้องเพลง ‘ไม่สามารถลืมได้’ของเว่ยซิ่นหรานไปพร้อมๆ กันกับเขา นักร้องรุ่นใหญ่จากไต้หวันคนนี้ยืนน้ำตาไหลพรากอยู่บนเวที ร้องเพลงออกมาเป็นเสียงสะอึกสะอื้นของตนเอง

เฉินเฟยเอ๋อร์เองก็หลั่งน้ำตาเช่นกัน ถึงแม้จะผ่านไปกี่ยุคสมัย ในฐานะนักร้องเหมือนกันก็รู้สึกแบบเดียวกันนั่นเอง

ขณะที่พูด รถเมอร์เซเดสเบนซ์ก็ค่อยๆ ชะลอเข้าข้างทางและหยุดลง

ลู่เฉินมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถึงแล้ว”

“เอ๊ะ?”

“อ่า?”

เฉินเฟยเอ๋อร์ตกใจแล้วจริงๆ เธอไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนเลยว่าลู่เฉินจะพาเธอมาร้านที่ปิดแล้วแห่งนี้เพื่อเลือกซื้อเครื่องประดับ เพื่อเซอร์ไพรส์ในวันครบรอบสองปีที่พวกเขาทั้งคู่ได้รู้จักกัน

โดยไม่ทันได้รู้ตัว ทั้งสองคนก็ได้รู้จักและตกหลุมรักกันและกันมานานถึงสองปีแล้ว

เมื่อเธอรู้ตัวอีกที คนทั้งคนก็มีแต่ความสุขและอบอวลไปด้วยความหวานอันมากมาย

ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใช้อารมณ์ ใครจะไปสามารถต้านทานความโรแมนติกเช่นนี้ได้ล่ะ แน่นอนว่าเฉินเฟยเอ๋อร์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

แม้แต่เหล่าพนักงานขายของหลงต๋าจิวเวลรี่ยังมองไปที่เฉินเฟยเอ๋อร์ด้วยสายตาอิจฉา พวกเขาทั้งหมดรู้ดีว่าลูกค้าที่มาซื้อของในเวลากลางคืนหลังร้านปิดเป็นใคร และเข้าใจความรู้สึกของเฉินเฟยเอ๋อร์ในตอนนี้เป็นอย่างดี

ลู่เฉินพูดว่า “คุณเลือกได้ตามสบายเลยนะ ชอบชิ้นไหนก็เอาชิ้นนั้น… ”

เฉินเฟยเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะจุมพิตลงบนใบหน้าของเขาทีหนึ่ง เพื่อแสดงความรักที่อยู่ภายในใจของเธอ

ด้วยฐานะของเฉินเฟยเอ๋อร์และครอบครัว ภายในร้านหลงต๋าจิวเวลรี่สาขานี้ ไม่มีเครื่องประดับใดที่เธอไม่สามารถซื้อได้ แต่ความตั้งใจของลู่เฉินกลับมีค่ามากกว่าเพชรมรกตเหล่านั้นเสียอีก!

แน่นอนว่าเธอจะไม่ทำให้หัวใจของลู่เฉินผิดหวังแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว เธอเดินเลือกเครื่องประดับภายในร้านด้วยความยินดี

ในที่สุดก็เลือกสร้อยคอเพชรรุ่นล่าสุดที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศสชื่อดังเส้นหนึ่ง

ลู่เฉินรูดบัตรเพื่อจ่ายเงินไปอย่างใจกว้าง เขาใช้เงินหลายล้านออกไปอย่างไม่คิดมาก

และหลังจากกลับถึงบ้าน เขายังได้รับรู้สิ่งที่อ่อนโยนที่สุดของแฟนสาวอีกด้วย

เป็นอีกหนึ่งค่ำคืนที่สวยงาม

……………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar