ตอนที่ 759 ไม่มีเหตุผล
พอพูดถึงเรื่องเด็ก บรรยากาศในห้องส่วนตัวยิ่งคึกคักสนุกสนาน
นอกจากแซวลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์แล้ว ซ่งหว่านหลิ่วก็พูดถึงลูกสาวของตัวเอง อายุน้อยแค่นี้แต่เข้าใจอะไรตั้งมากมาย ได้ยินและได้เห็นข้อมูลสารสนเทศในยุคปัจจุบันอยู่เป็นประจำ ทำให้ยามที่เธอต้องอบรมสั่งสอนลำบากขึ้นอีกเท่าตัวขึ้น
เธอพูดกับเฉินเฟยเอ๋อร์ว่า “ต่อไปถ้าเธอจะมีลูก ทางที่ดีที่สุดมีสองคนทีเดียวไปเลย แบบนี้พวกเขาจะได้เป็นเพื่อนเล่นด้วยกัน ไม่ต้องมาทรมานพ่อกับแม่”
ซ่งหว่านหลิ่วกับถานหงมีลูกชายและลูกสาวอย่างละหนึ่งคน ลูกชายอายุยี่สิบกว่าปีแล้ว แน่นอนว่าไม่สามารถอยู่บ้านเป็นเพื่อนเล่นลูกสาวได้ อายุห่างกันมากเกินไป ไม่มีหัวข้อสนทนาอะไรที่เหมือนกัน
ขณะที่กำลังคุยกันอย่างเมามัน ถานหลิงก็พาถานเจียหว่านกลับมา
มือซ้ายและมือขวาของถานหลิงแยกกันถือโน้ตบุ๊กกับกีตาร์ ถานเจียหว่านกระโดดโลดเต้นอยู่ข้างหลังของเธอแล้วพูดอย่างอดใจไม่ไหว “พี่ลู่เฉิน ตอนนี้ถึงตาพี่แล้วค่ะ!”
ลู่เฉิยยิ้มเอ่ยว่า “ได้เลย งั้นตอนนี้คอยดูพี่นะครับ!”
เขารับกระเป๋าโน้ตบุ๊กมาจากมือของถานหลิง เปิดกระเป๋าหยิบโน้ตบุ๊กออกมา ในนั้นได้ติดตั้งโปรแกรมเรียบร้อยดังนั้นจึงเริ่มแต่งทำนองเพลงได้ทันที
สายตาของทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ตัวของเขา
เห็นเพียงลู่เฉินเคลื่อนไหวนิ้วมืออย่างรวดเร็ว เคาะแป้นพิมพ์ดังต๊อกแต๊ก ใช้เวลาสั้นๆ ไม่ถึงสิบนาทีก็เสร็จแล้ว“เรียบร้อย!”
“เร็วขนาดนี้เลยเหรอ”
ถานหงตกใจมาก ถึงแม้จะเป็นการด้นสด แต่ความเร็วเช่นนี้มันเร็วเกินไปแล้ว!
ทว่าเขาฉุกคิดอย่างรวดเร็ว เดิมทีเอาไว้กล่อมลูกสาวให้ดีใจ หากจริงจังเกินไปคงไม่เหมาะสม ดังนั้นจึงเอ่ยว่า “ฉันขอดูหน่อย ช่วยเช็คให้…”
ก่อนหน้านั้นเขาแต่เพลงเด็กให้ลูกสาวอย่างยากลำบากแต่เธอกลับไม่ชอบ เขาจึงค้างคาใจมาโดยตลอด ดังนั้นจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าลู่เฉินหยิบอะไรออกมาถึงใช้เวลาเพียงแค่สิบนาที
ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อยยื่นโน้ตบุ๊กไปให้เขา
ถานหงก็ไม่เกรงใจ รับมาเพื่อเตรียมจะหาข้อบกพร่อง เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเอง
ประมาณว่าเป็นความขุ่นเคืองใจเล็กน้อยในฐานะคนเป็นพ่อ!
ผลปรากฏว่าเพียงแค่ดู เขาก็เคลิ้มทันที จ้องมองหน้าจอสิบนาทีเต็ม
ซ่งหว่านหลิ่วกับถานหลิงมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ถานเจียหว่านกลับอดทนรอไม่ไหว ยื่นมือไปแย่งโน้ตบุ๊ก “หนูขอดูหน่อยค่ะ นี่คือเพลงที่พี่ลู่เฉินแต่งให้หนูนะคะ!”
เธอมีครอบครัวที่มีพื้นฐานการเรียนการสอนที่ดี อายุสี่ห้าขวบก็เริ่มเรียนดนตรีแล้ว ยามที่อ่านโน้ตเพลงจึงไม่มีปัญหาเลยสักนิดเดียว
แต่ถานหงปิดหน้าโน้ตบุ๊ก เขาส่ายหน้า ถามลู่เฉินว่า “เพลงนี้ เป็นเพลงที่อยู่ในสต็อกของนายเหรอ”
นักแต่งเพลงหลายคนมักจะมีเพลงอยู่ในสต็อกของตัวเองทั้งนั้น เวลาเกิดแรงบันดาลใจก็จะเขียนสองสามประโยคหรือสองสามท่อน ครึ่งเพลงหรือไม่ก็เขียนหนึ่งเพลงเต็มแล้วเก็บไว้ เมื่อถึงเวลาจำเป็นก็จะหยิบออกปรับแต่งให้สมบูรณ์อีกครั้ง
งานสร้างสรรค์เพลงของลู่เฉินในวงการสามารถเรียกได้ว่าไร้คนเทียบเคียง แต่ต่อให้เขาอัจฉริยะแค่ไหน ก็ไม่สามารถพูดได้ว่าฉันอยากจะแต่งเพลงให้เธอสักเพลง แล้วก็เขียนผลงานเพลงที่ยอดเยี่ยมสมบูรณ์ออกมาได้ภายในเวลาสิบนาทีเท่านั้น
การหยิบผลงานเพลงที่เก็บสำรองเอาไว้หรือดึงแรงบันดาลใจออกมาจากเพลงในสต็อก เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก
ถานหงเป็นใคร เป็นถึงนักร้องตัวท็อปในวงการเพลงป็อปของจริง ความสามารถในการฟังดนตรียอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย แน่นอนว่าสามารถแยกแยะออกถึงระดับคุณภาพของบทเพลงเพลงหนึ่ง
ปัญหาอยู่ตรงนี้พอดี ลู่เฉินหยิบเพลงนี้ออกมาไม่ได้เอามาโอ๋เด็กเล่นเฉยๆ
มันเกินกว่านั้น!
ลู่เฉินอธิบายว่า “ผมจำได้ว่าวันเกิดของเจียหว่านเพิ่งจะผ่านไป เพลงนี้ถือว่าผมใช้เป็นของขวัญชดเชยวันเกิดของเธอก็แล้วกันนะครับ”
“ของขวัญวันเกิด?”
ถานหงพูดไม่ออก “เฟยเอ๋อร์ก็ให้แล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าให้อีก แบบนี้มัน…”
เขายังพูดไม่จบ เบ้าตาของถานเจียหว่านก็แดงแล้ว ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ เพราะเพลงที่กำลังจะถึงมือกลับถูกคุณพ่อของเธอปัดออก
เฉินเฟยเอ๋อร์ดูแล้วสงสารจับใจ อดไม่ได้ที่จะบ่น “พี่ถาน พวกเรายังต้องคิดเล็กคิดน้อยอะไรกันอีกคะ”
ถานหลิงมองพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของตัวเองอย่างไม่เข้าใจเช่นกัน
ลู่เฉินยิ้มให้ถานเจียหว่านแล้วเอ่ยว่า “เจียหว่าน หนูเอากีตาร์มาให้พี่หน่อย เดี๋ยวพี่จะสอนหนูร้องต้อนนี้เลย”
เด็กน้อยเปลี่ยนอารมณ์จากเสียใจเป็นดีใจทันที รีบหยิบกีตาร์ของตัวเองให้ลู่เฉินอย่างไว
ถานหงโน้มน้าวไม่ได้ผล เอ่ยพูดอย่างจนใจว่า “เฮ้อ พวกเธอตามใจน้องกันตามสบายเลย…”
ซ่งหว่านหลิ่วเม้มปากยิ้ม ถ้าจะพูดว่าตามใจลูกสาว ไม่มีใครตามใจได้มากกว่าตัวเขาเองอีกแล้ว ยังจะไปว่าคนอื่นอีก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar