ตามธรรมเนียมทั่วไป งานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิโดยทั่วไปจะมีเนื้อหารายการสี่ชั่วโมงครึ่ง
แต่การซ้อมจริงต้องใช้เวลามากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นดาราตัวท็อปแค่ไหน ถึงแม้รายการการแสดงของตัวเองจะซ้อมเสร็จแล้วก็ไม่สามารถกลับได้ทันที เพราะยังต้องวิเคราะห์และพิจารณาผลลัพธ์ของรายการ ดังนั้นมักจะใช้เวลามากกว่าครึ่งวัน
ข้าวกลางวันทางสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีเป็นฝ่ายจัดหา ไม่ว่าจะเป็นดารานักแสดง ศิลปินรับเชิญ หรือว่านักแสดงเอกซ์ตร้าและทีมงาน ล้วนต้องกินข้าวกล่อง และเป็นข้าวกล่องเกรดเดียวกัน
แน่นอนว่าดาราที่ไม่คุ้นชินกับข้าวกล่องแบบนี้สามารถเตรียมอาหารของตัวเองมาได้ แต่โดยทั่วไปแล้วไม่มีใครทำแบบนี้
ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์แน่นอนว่าไม่มีข้อยกเว้น พอถึงตอนพักกลางวันก็ไปรับข้าวกล่องที่เป็นของตัวเอง
อย่ามองว่าข้าวกล่องของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีมีราคามาตรฐานเพียงห้าสิบแปดหยวนเท่านั้น ในวงการคนที่อยากกินข้าวกล่องนี้ไม่รู้ว่ามีกี่คน ทุกปีจะมีดารานักแสดงที่เสนอตัวเข้ามามากมาย แต่ที่ประสบความสำเร็จกลับมีน้อยนิด
ลู่เฉินเพิ่งได้กินข้าวกล่องของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีเป็นครั้งแรก
“ให้เนื้อนายหมดเลย…”
เฉินเฟยเอ๋อร์เลือกเนื้อในกล่องอาหารออกมา แล้วคีบใส่กล่องข้าวของลู่เฉิน “เมื่อเช้ากินอิ่มมาก ตอนนี้หนักเพิ่มขึ้นอีกครึ่งกิโลฯ ฉันต้องลดอีกหนึ่งกิโลฯ!”
ลู่เฉินกระอักกระอ่วน “คุณยังต้องลดอีกเหรอ ไม่กินเนื้อไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ”
เฉินเฟยเอ๋อร์คีบเนื้อชิ้นสุดท้ายยัดใส่ปากของเขา “ฉันรู้ตัวดี พูดมาก!”
ลู่เฉินถูกยัดเนื้อเข้าปาก ส่ายหน้าไม่พูด จากนั้นก็คีบแคร์รอตกับบรอกโคลีของตัวเองให้เฉินเฟยเอ๋อร์
ทั้งสองคนหลบมุมแอบพลอดรักกันหวานชื่นอย่างเงียบๆ แต่คนอื่นเห็นกลับรู้สึกเจ็บใจนัก โดยเฉพาะพวกคนโสดทั้งหลายที่ถูกสาดอาหารสุนัขคำโต
แถมพวกเขายังป้อนกันเรื่อยๆ ไม่หยุด จนกระทั่งมีผู้กล้าลุกขึ้นมา!
“อะแฮ่ม!”
เสียงกระแอมดังมาก ทำให้ลู่เฉินต้องหยุดกิจกรรมอวดความรักโชว์อย่างช่วยไม่ได้
เขาหันไปเกือบตาบอด…หัวล้านเหน่งมาเชียว!
“อ้าว!”
ลู่เฉินรีบลุกขึ้นทันที เอ่ยทักทายอย่างมีมารยาท “อาจารย์เกาสวัสดีครับ”
ในวงการบันเทิงมีคนหัวล้านสามคนที่มีชื่อเสียงมากที่สุด และเป็นบุคคลดังในสายอาชีพของตัวเองทั้งสิ้น คนหนึ่งเป็นนักร้อง คนหนึ่งเป็นนักแสดงภาพยนตร์ และคนนี้ที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าพวกเขาสองคนก็คือศิลปินนักแสดงละครสั้น…เกาเต๋อเซิ่ง!
หัวล้าน ตาหยีๆ จมูกกลม ปากหนาๆ…เวลายิ้มมีพลังเวทมนต์ทำให้คนหยุดหัวเราะไม่ได้ นี่คือใบหน้าที่คนคุ้นเคยทั่วประเทศ ถึงจะขี้เหร่แต่เป็นใบหน้าที่มีเอกลักษณ์มาก
ทว่าเกาเต๋อเซิ่งได้รับฉายาศิลปิน ไม่ใช่ว่าเขาอาศัยการคุยโวโอ้อวดจากคนอื่น แต่เป็นชื่อเสียงและบารมีที่สะสมมาจากอาชีพการแสดงมากกว่ายี่สิบปี เรียกได้ว่าเป็นผู้อาวุโสที่เด่นพร้อมทั้งด้านคุณธรรมและศิลปะอย่างแท้จริง
อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ลำพังแค่งานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ เขาเคยมาแล้วถึงเจ็ดปี และปีนี้ก็เป็นปีที่แปด!
สำหรับผู้อาวุโสในวงการคนนี้ เฉินเฟยเอ๋อร์ก็ไม่กล้ารีรอ รีบวางข้าวกล่องลุกขึ้นทักทายทันที
เกาเต๋อเซิ่งยิ้มเอ่ยว่า “พวกเธอนั่งเถอะ ผมแค่มาคุยด้วยสองสามประโยค รบกวนพวกคุณแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar