ตอนที่ 804 ต้นกล้าใหม่
การมาถึงของนักเรียนทั้ง 170 คน ทำให้ศูนย์ฝึกศิลปะการต่อสู้จิงอู่ที่เพิ่งสร้างขึ้นมานี้มีชีวิตชีวาขึ้นเป็นอย่างมาก
กลุ่มย่อยทั้ง 10 กลุ่มที่อยู่ภายใต้การนำของอาจารย์ ได้เริ่มเข้าสู่การอบรมขั้นพื้นฐานด้านการถ่ายทำภาพยนตร์และโทรทัศน์
เวลาสามวันนั้นสั้นมาก สิ่งที่นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้จึงมีอย่างจำกัดมาก เว้นเสียแต่ว่าจะมีอัจฉริยะที่เก่งมากๆ ไม่อย่างนั้นก็เป็นไปไม่ได้เลยที่คนหนุ่มสาวเหล่านี้จะกลายเป็นนักแสดงบู๊ที่ได้มาตรฐานภายในสามวัน
เหล่าอาจารย์จากทีมตระกูลลู่จะเน้นไปที่การให้พวกเขาได้สัมผัสกับขั้นตอนการถ่ายทำภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ด้วยตนเอง การฝึกต่อสู้ตอบโต้กันแบบง่ายๆ การใช้สลิง การกวัดแกว่งปืนและดาบ… รวมถึงการเคลื่อนไหวต่างๆ หน้ากรีนสกรีน และรวมเข้ากับขั้นตอนการทำเอฟเฟกต์พิเศษด้วยคอมพิวเตอร์!
ช็อตและมุมมองจะขึ้นอยู่กับการถ่ายทำที่ชัดเจน ช็อตระยะกว้างจะไม่เคลื่อนไหวมาก ช็อตระยะใกล้จะเน้นรายละเอียดเล็กๆ จากนั้นใช้มุมกดขนาดใหญ่เพื่อสะท้อนการเคลื่อนไหวที่สำคัญรอบๆ ตัวคน ใช้มุมเงยเพื่อแสดงการเคลื่อนไหวบางส่วน และใช้การถ่ายแบบชัดลึกเพื่อแสดงสถานการณ์การต่อสู้…
ตามมาตรฐานของลู่เฉิน การถ่ายทำภาพยนตร์กังฟูกำลังภายในนั้นมีทักษะที่ลึกซึ้งมาก เขาใช้เวลานานในการจัดระเบียบความทรงจำจากโลกแห่งความฝัน เขียนแบบแผนทฤษฎีอย่างละเอียดออกมาชุดหนึ่งสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ต่อสู้ แล้วจึงสะสมประสบการณ์ผ่านการถ่ายทำจริง
เมื่อภาพยนตร์เรื่อง ‘โปเยโปโลเย’ ถูกถ่ายทำ ลู่เฉินใช้มันเป็นบททดสอบความสามารถเล็กๆ ในภาพยนตร์ฉากต่อสู้ฆ่าฟันกันในยุทธภพหรือการต่อสู้ระหว่างฝ่ายร้ายและฝ่ายดีล้วนทำได้อย่างยอดเยี่ยมและน่าตื่นเต้นอย่างไม่มีสิ่งใดสามารถเทียบได้ กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จ
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ลู่เฉินก็อาศัยความเข้าใจในความสามารถของทีมตระกูลลู่ ทำหน้าที่ในส่วนของผู้กำกับแอกชันไปด้วย
แต่ว่า ‘โปเยโปโลเย’ ไม่ใช่หนังกำลังภายในอย่างแท้จริง ฉากต่อสู้มีไม่มากนัก เมื่อมาถึงเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ถึงจะถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ทดสอบเขาจริงๆ
ทว่าสมาชิกทีมตระกูลลู่ในปัจจุบันมีแค่ยี่สิบถึงสามสิบคน ยังไม่เพียงพอสำหรับโปรเจกต์ผลงานกำลังภายในอันยิ่งใหญ่ของลู่เฉิน
คนหนุ่มสาวที่มาจากทั่วทั้งประเทศเหล่านี้ เป็นคนที่มีความฝันและความกระตือรือร้น เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย
สำหรับเมล็ดพันธุ์นั้น ลู่เฉินเต็มใจเป็นอย่างยิ่งที่จะใช้เวลา พลังงาน และแม้แต่เงินในการรดน้ำและเพาะปลูก การฝึกอบรมและเรียนรู้ที่ศูนย์ฝึกศิลปะการต่อสู้จิงอู่ในสามวันนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
สำหรับนักเรียนวัยเยาว์เหล่านี้ ในเวลาสามวันพวกเขาราวกับได้เข้าพิธีศีลจุ่มมาครั้งหนึ่งในชีวิต อย่างแรกเลยคือวิสัยทัศน์เปิดกว้างหลุดออกจากกรอบแคบที่มีอยู่เดิมในทันที เข้าสู่โลกที่กว้างใหญ่และมหัศจรรย์มากขึ้น
ไม่ว่าใครก็เคยดูภาพยนตร์และละครโทรทัศน์มาก่อน เคยเห็นเอฟเฟกต์พิเศษต่างๆ ในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ แต่เมื่อตนเองและเพื่อนๆ ได้มาทำตามคำสั่งหลายอย่างตามที่กำหนดอยู่หน้ากรีนสกรีนขนาดยักษ์ และได้เห็นเอฟเฟกต์พิเศษชั้นยอดของภาพยนตร์ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอหลังจากนั้น ความรู้สึกแบบนี้ช่างวิเศษอย่างที่ไม่มีสิ่งใดมาเทียบได้!
ทันใดนั้นเหล่านักเรียนก็ตระหนักได้ว่า พวกเขาอยู่ใกล้ความฝันของตนเองมากถึงเพียงนี้แล้ว ราวกับเพียงแค่ก้าวเข้าไปใกล้อีกก้าวหนึ่ง พวกเขาก็จะสามารถเข้าไปอยู่ในวงการที่ผู้คนต่างพากันอิจฉา และเพลิดเพลินกับความโด่งดังที่ผู้คนต่างจดจ้องมา
ความรู้สึกนึกคิดแบบนี้เป็นแรงกระตุ้นที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขา ทำให้พวกเขากระตือรือร้นที่จะฝึกฝนในทุกๆ วัน กัดฟันยืนหยัดไม่ว่าจะเหนื่อยและท้อสักแค่ไหน และจะไม่ร้องไห้ออกมาแม้จะประสบกับความยากลำบากใดๆ
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ลู่เฉินจะอยู่ที่ศูนย์ฝึกศิลปะการต่อสู้จิงอู่ตลอดช่วงเวลาสามวันนี้ เพื่อดูแลการฝึกอบรมของพวกเขา!
“ต้นกล้ารุ่นนี้ไม่เลวเลย…”
วั่นหย่งพูดกับลู่เฉินว่า “อย่างน้อยก็มีเจ็ดสิบถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่มีความสามารถตรงตามความต้องการของพวกเรา จะคัดออกไปก็น่าเสียดายมากเลยละ”
ตามแผนของลู่เฉิน ทีมตระกูลลู่จะคัดเลือกนักเรียนจากในกลุ่มนี้ประมาณยี่สิบถึงสามสิบคนเพื่อเซ็นสัญญาฝึกอบรม จากนั้นพวกเขาจะเข้าร่วมการถ่ายทำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ และจะหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นกระดูกสันหลังของทีมตระกูลลู่ในอนาคต
แต่วั่นหย่งไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าเหล่านักเรียนที่กว้านหามานี้จะมีคุณสมบัติพื้นฐานที่ดีมากขนาดนี้ นอกจากนี้โดยพื้นฐานแล้วทุกคนสามารถอดทนต่อความยากลำบากในการเรียนรู้อย่างหนักได้ เมื่อคิดถึงในอนาคตที่ต้องคัดเลือกพวกเขาส่วนใหญ่ออกแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดาย
ลู่เฉินพูดยิ้มๆ ว่า “อย่างน้อยต้องมียี่สิบถึงสามสิบคนเป็นหลักประกัน แต่การมีต้นกล้าที่ดีเพิ่มมากขึ้นนั้นไม่ใช่ปัญหาเลย ขอเพียงแค่เป็นคนที่นายเลือกเท่านั้น อยากจะเลือกทั้งหมดก็ยังได้!”
หากทีมตระกูลลู่ขยายจำนวนสมาชิกถึงหนึ่งร้อยกว่าคน ค่าใช้จ่ายสามสิบสี่สิบล้านต่อปีก็มากเกินพอ เมื่อเทียบกับการลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์กับรายได้แล้ว นั่นก็ไม่นับว่าเป็นอะไรได้เลย
และในอนาคตหลังจากที่ทีมตระกูลลู่โด่งดั่งในแวดวงแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะถ่ายภาพยนตร์เพียงเรื่องเดียวต่อปี แค่โปรเจกต์ผลงานกำลังภายที่ยิ่งใหญ่ของลู่เฉินจำนวนคนก็อาจจะไม่พอใช้แล้วด้วยซ้ำ
หากว่างมากจริงๆ ก็สามารถรับงานนอกได้อย่างแน่นอน แม้กระทั่งจะทำธุรกิจก็ยังได้ วิธีหาเงินนั้นมีมากมายเหลือเกิน
ดังนั้นเมื่อพบคนที่มีพรสวรรค์จริงๆ อย่างนั้นก็ไม่ควรปล่อยไป
วั่นหย่งหัวเราะออกมาเสียงดังและถูมือตัวเองไปมาอย่างพออกพอใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar