(นิยายแปล) Perfect Superstar นิยาย บท 838

สรุปบท ตอนที่ 838 รอบปฐมทัศน์ (2): (นิยายแปล) Perfect Superstar

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 838 รอบปฐมทัศน์ (2) – (นิยายแปล) Perfect Superstar โดย Internet

บท ตอนที่ 838 รอบปฐมทัศน์ (2) ของ (นิยายแปล) Perfect Superstar ในหมวดนิยายSlice of Life เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 838 รอบปฐมทัศน์ (2)

เวลา 90 นาทีทำอะไรได้บ้าง

สามารถเข้าเรียนได้สองคาบ สามารถนอนกลางวันได้อย่างเต็มที่ สามารถแข่งฟุตบอลกับเพื่อนได้ ยังสามารถเพลิดเพลินกับอาหารมื้อค่ำอันแสนโรแมนติกกับแฟนสาวของคุณได้

และเวลา 90 นาทียังสามารถดูภาพยนตร์จบหนึ่งเรื่องได้อีกด้วย

ที่ห้องโถงหมายเลขหนึ่งของเป่าลี่แกรนด์เธียเตอร์ ที่นั่งเต็มทั้งหมด 500 ที่นั่ง เมื่อเงากระบี่เลือนหายไป เครดิตท้ายเรื่องปรากฏขึ้นบนจอยักษ์ ตอนที่ ‘ทะเลสรวล’ เพลงประกอบภาพยนตร์ดังขึ้นมาอีกครั้ง แสงไฟในโรงภาพยนตร์ก็สว่างขึ้นอย่างช้าๆ ทำให้ทุกคนออกจากโลกมายากลับสู่ความเป็นจริง

จากนั้นก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น

แปะ!

แปะ! แปะ! แปะ!…

ในช่วงแรกมีเสียงปรบมือดังขึ้นก่อนแค่ครั้งสองครั้ง ยังมีความลังเลอยู่ แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เสียงปรบมือก็ดังขึ้นเกรียวกราว ทั้งยังมีความกระตือรือร้นและพร้อมเพรียงกันมากขึ้นเรื่อยๆ

แขกที่เข้าร่วมรอบปฐมทัศน์ในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นเพื่อนร่วมงานในวงการที่มีความร่วมมือกับเฉินเฟยมีเดียเป็นอย่างดีแล้ว ยังมีเพื่อนในวงการของลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ รวมไปถึงตัวแทนสื่อและนักวิจารณ์ภาพยนตร์ เป็นต้น

ไม่เกี่ยวกับว่าคุณภาพของภาพยนตร์เป็นอย่างไร หลังจากรับชมภาพยนตร์จนจบเรื่องแล้ว คนหน้าจะต้องปรบมือเป็นมารยาทให้อยู่แล้ว แต่คนหลังนั้นไม่จำเป็น เว้นแต่ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง

โดยเฉพาะนักวิจารณ์ภาพยนตร์ นอกเสียจากว่าจ่ายเงินเพื่อเชิญมาโดยเฉพาะ ไม่อย่างนั้นอยากจะสร้างความประทับใจให้พวกเขานั้นไม่ง่ายนัก นักวิจารณ์ภาพยนตร์มืออาชีพหรือกึ่งมืออาชีพที่มีชื่อเสียงเหล่านี้มีแฟนคลับในบล็อกล่างฉาวมากมาย มักจะชอบจับผิดโครงเรื่องของภาพยนตร์ องค์ประกอบของตัวละคร การแต่งกาย สเปเชียลเอฟเฟกต์ เพลงประกอบ…

ล้วนอยู่ในขอบเขตการตัดสินของพวกเขา มาตรฐานของพวกเขาอาจจะไม่เหมือนกัน แต่แน่นอนว่าสูงกว่าผู้ชมทั่วไปมาก

นักข่าวและสื่อก็เช่นเดียวกัน ตามคำกล่าวที่ว่าเป็นการยากที่จะปรุงรสชาติให้ถูกปากของคนกินทุกคน เรื่องนี้เมื่ออยู่บนตัวของพวกเขาก็ยิ่งลงลึกขึ้นไปอีกขั้นอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ในตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมอาชีพ เพื่อนในวงการ หรือสื่อและนักวิจารณ์ภาพยนตร์ที่จ้องจับผิดเหล่านี้ ทุกคนต่างก็ปรบมืออย่างพร้อมเพียงและพากันยืนขึ้น

ไม่มีใครพูดคุยอะไร มีเพียงเสียงปรบมือดังก้องในโรงภาพยนตร์ และเสียงปรบมือก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง!

จนกระทั่งลู่เฉินนำทีมสร้างหลักทั้งหมดมาปรากฏตัวบนเวที

เดิมทีพิธีฉายรอบปฐมทัศน์ของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ในวันนี้ ควรจะเป็นผู้กำกับเฉินกั๋วจื้อนำทีมขึ้นมาบนเวทีถึงจะถูก แต่น่าเสียดายที่ผู้กำกับใหญ่คนนี้ไปร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์แห่งหนึ่งที่ยุโรปในฐานะกรรมการผู้ตัดสิน ดังนั้นจึงตามมาไม่ทัน

นอกจากนี้หลิวกั่งเซิงและถานหงก็ไม่ได้มา คนหน้ามีงานอื่น ในขณะที่คนหลังหลังจากได้รับเชิญมาแสดงใน ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ แล้วก็กลับไปใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายที่บ้าน ไม่อยากเป็นจุดสนใจอีกต่อไป

มีแค่ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ก็เพียงพอแล้ว โดยเฉพาะลู่เฉิน เขาไม่เพียงแต่เป็นนักแสดงนำชายของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้กำกับแอกชัน ผู้เขียนบท ผู้แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ และอีกมากมาย เขาเป็นจิตวิญญาณที่แท้จริงของภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

สายตาของทุกคนจับจ้องมาที่เขา และเสียงปรบมือก็ดังยิ่งขึ้น

เสียงปรบมือเป็นการยอมรับ เป็นการสรรเสริญ เป็นการแสดงความเคารพ และเป็นการขอบคุณในเวลาเดียวกัน

ขอบคุณลู่เฉินและขอบคุณทีมงานทั้งหมดของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ที่สร้างภาพยนตร์ดีๆ ให้กับทุกคน!

เสียงปรบมือของพวกเขา อบอุ่นและจริงใจ!

ลู่เฉินและเฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มให้กันอย่างเคย นักแสดงหลักและทีมสร้างหลักคนอื่นๆ ต่างก็ขอบตาแดงรื้น หรือมีน้ำตาเอ่อคลออยู่ ตื่นเต้นซาบซึ้งมากจนกลั้นไว้ไม่อยู่

แต่หลังจากดูภาพยนตร์เรื่องนี้จบ หลายคนถึงกับเปลี่ยนความคิด หลายคนถึงกับตกใจราวกับได้ค้นพบโลกใบใหม่อย่างไม่ทันตั้งตัว คำพูดนี้มีความเป็นไปได้มากทีเดียว

ตรงที่นั่งมีมืออาชีพตัวจริงอยู่ไม่น้อย ตามเกณฑ์การตัดสินของพวกเขา ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ คงได้ต้นทุนคืนแน่นอนแล้ว และการที่ยอดจำหน่ายตั๋วจะสร้างผลกำไรมหาศาลนั้นก็เป็นเรื่องปกติมาก เพียงแต่ยอดจำหน่ายตั๋วในท้ายที่สุดจะได้เท่าไรนั้นยังไม่อาจจะทราบได้

พวกเขาเคยดูภาพยนตร์เรื่อง ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ และ ‘เจ็ดผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม’ มาก่อน หลังจากที่ทำการเปรียบเทียบแล้ว ถึงได้เข้าใจความแตกต่างระหว่าง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ และผลงานที่ทำตามกระแสเหล่านี้

ความแตกต่างพื้นฐานนี้ เป็นศักยภาพที่จะทำให้ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ประสบความสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย!

เมิ่งเซ่าถังที่นั่งทางด้านขวาของแถวที่สามในโรงภาพยนตร์ เป็นมืออาชีพคนหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย เขามองลู่เฉินที่ยืนอยู่บนเวทีอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ยังคงนึกถึงฉากที่ยอดเยี่ยมในภาพยนตร์เรื่องนี้ในใจของเขา

ในขณะเดียวกัน เขาขีดเขียนตามอารมณ์ลงบนสมุดเล่มเล็กในมือของเขา ทิ้งรอยขีดไร้ความหมายเอาไว้

เมิ่งเซ่าถังไม่ชอบใช้แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก หรือโทรศัพท์มือถือเพื่อบันทึกสิ่งที่ได้จากการชมภาพยนตร์ แตกต่างจากนักข่าวจากสื่อต่างๆ และนักวิจารณ์ภาพยนตร์ส่วนใหญ่ เขาชอบใช้ปากกาและกระดาษเขียนความรู้สึกของตัวเองมากกว่า เพราะความรู้สึกยามที่ปลายปากกาสัมผัสกับกระดาษนั้น อุปกรณ์ทางเทคโนโลยีใดๆ ก็ไม่สามารถมาแทนที่ได้

มองจากมุมนี้ เมิ่งเซ่าถังเป็นนักเขียนอิสระที่มีอารมณ์สุนทรีย์ บทความวิจารณ์ภาพยนตร์ของเขามักเต็มไปด้วยคำพูดที่สื่อถึงอารมณ์ บางทีสไตล์การเขียนอาจจะอยู่นอกกรอบไปหน่อย แต่นั่นก็ทำให้การเขียนของเขาต่างจากเพื่อนร่วมอาชีพคนอื่นๆ ที่มีสไตล์การเขียนคล้ายคลึงกันไปหมด

ความรู้สึกที่ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ มอบให้เขานั้น ต่างกันคนละขั้วกับ ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’

ตอนที่เข้าร่วมรอบปฐมทัศน์ของ ‘เด็กหนุ่มท่องยุทธภพ’ ในครั้งก่อน เมิ่งเซ่าถังเขียนอะไรไม่ออกเลย เพราะเขารู้สึกแย่เอามากๆ

แต่ทว่าในตอนนี้ อารมณ์ของเขามีมากเกินไป กลับกลายเป็นว่าไม่รู้จะระบายออกมาอย่างไรดี!

…………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar