ตอนที่ 87 บทเรียนที่หนึ่ง
ในดวงตาคู่งามของหลูหย่ามีโทสะบางๆ พาดผ่าน
เธอเข้าวงการนี้มาสิบกว่าปี แม้ไม่ถึงกับเป็นระดับสูงของวงการก็เคยเป็นนักร้องแถวหน้า ถึงตอนนี้จะมีน้ำโหไปหน่อย แต่มีตอนไหนบ้างที่พูดไม่จบก็ถูกคนขัดจังหวะอย่างไม่มีมารยาทแบบนี้?
กรรมการที่ขัดจังหวะเธอชื่อจวงเฮ่า เป็นบรรณาธิการนิตยสารสมัยใหม่ ‘ซิ่วเหม่ย’ และเป็นนักวิจารณ์ดนตรี
ว่าด้วยชื่อเสียงแล้ว หลูหย่ายังดีกว่าเขามากนัก!
แต่หลูหย่าไม่ได้แสดงอาการโกรธของตัวเองออกมา เพราะตอนที่เฉินเจินหนีกดไฟแดง เธอก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลเช่นกัน ราวกับผู้เข้าแข่งขันที่ชื่อลู่เฉินคนนี้ถูกเพ่งเล็งอย่างจงใจ
อยู่ในวงการบันเทิงมาหลายปี หลูหย่ารักษาชื่อเสียงอันขาวสะอาดของตัวเองมาตลอด ขณะเดียวกันเธอก็รู้ว่าในวงการนี้น้ำนิ่งไหลลึกแค่ไหน เธอเห็นมามากแล้วกับคนที่ภายนอกดูดี งดงามโดดเด่น แต่เบื้องหลังสกปรกดำมืด!
ดังนั้นเธอจึงเงียบเอาไว้ตามสัญชาตญาณ
พวกที่ทนการเอารัดเอาเปรียบไม่ได้ ไม่อาจมีที่ยืนอยู่ในวงการนี้
จวงเฮ่าไม่มองหลูหย่าเลย จ้องไปที่ลู่เฉินแล้วพูดว่า “ฉันเห็นด้วยกับจางเสี่ยวอัน เพลงของคุณล้าสมัยเกินไป แถมทำนองแบบนี้ก็ได้ยินบ่อย ขาดความคิดสร้างสรรค์ แนวเพลงนี้มีล้นตลาด ดังนั้นผมจึงไม่ให้ผ่าน”
น้ำเสียงของเขาราบเรียบราวกับกำลังอ่านรายงานฉบับเก่าที่น่าเบื่อ แต่ถ้อยคำกลับแฝงด้วยการดูถูกและประชดประชัน ทำให้ผู้ฟังรู้สึกวางตัวไม่ถูกและทนไม่ได้
ภายใต้ความเห็นของกรรมการทั้งสี่รวมถึงหลูหย่า ลู่เฉินฟังจบแล้วไม่ได้รู้สึกอับอายหรือโกรธเคืองแต่อย่างใด และยิ่งไม่ได้โต้เถียงต่อต้าน หรือร้องขอโอกาสอีกครั้งเหมือนผู้เข้าร่วมการแข่งขันวัยรุ่นคนอื่นๆ ที่ถูกให้ออกจากแข่งขัน
เขาพยักหน้าแล้วพูดอย่างมีมารยาทว่า “ขอบคุณกรรมการทั้งสี่ท่านสำหรับคำวิจารณ์ครับ…”
น่าเสียดายจริงๆ!
ใจของหลูหย่าเกิดความทนไม่ได้ ในสายตาของเธอลู่เฉินยอดเยี่ยมมาก ไม่ควรจะถูกกดขี่เช่นนี้
ไม่ผิดหรอก บนใบหน้าของจวงเฮ่าแทบจะเขียนคำว่า ‘กดขี่’ เอาไว้แล้ว!
เธอไม่รู้ว่าลู่เฉินเคยไปล่วงเกินใครมาก่อน
ครู่ถัดมา ลู่เฉินยืดอกขึ้น มองตรงๆ ไปที่จวงเฮ่า พูดว่า “แต่ผมไม่เห็นด้วยกับความเห็นของอาจารย์จวงเฮ่านะครับ เพลงของผมเพลงนี้ได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์ในห้องสมุดดนตรีจีนมาแล้ว ไม่พบการตรวจสอบว่าซ้ำหรือเลียนแบบเพลงของคนอื่น และมีคนยอมจ่ายเงินหนึ่งแสนหยวนเพื่อซื้อเพลงนี้จากผม…”
เขายิ้มอย่างมั่นใจในตัวเอง “แต่ผมไม่ขาย”
อย่างไรถึงจะเรียกว่าตบหน้า แบบนี้แหละที่เรียกว่าตบหน้า ทั้งยังตบโดยตรง!
จวงเฮ่าไม่ได้วิจารณ์เพลง ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ว่า ‘ทำนองแบบนี้เหมือนเห็นบ่อยแล้ว ขาดความคิดสร้างสรรค์’ หรือ ถ้าอย่างนั้นลู่เฉินจะบอกเขาเสียว่าเพลงนี้ได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์ในเว็บไซต์ ‘ห้องสมุดดนตรีจีน’ ไปแล้ว
คุณมีอำนาจมากกว่า ‘ห้องสมุดดนตรีจีน’ อีกหรือ?
มีคนยอมจ่ายหนึ่งแสนเพื่อซื้อเพลงนี้เป็นเรื่องจริง ลู่เฉินไม่ขายแน่นอน เพลงคลาสสิคเพลงนี้เขาต้องเก็บไว้ให้ตัวเอง
ล้าสมัยเกินไป มีดาษดื่นในตลาด? ถ้าอย่างนั้นคนที่จ่ายเงินซื้อก็โง่เต็มทีแล้ว?
จวงเฮ่าหน้าแดงขึ้นมาทันใด
จวงเฮ่าไม่ได้เป็นกรรมการการแข่งขัน ‘นักร้องนักแต่งสุดสตรอง’ เป็นครั้งแรก เขาเคยชินกับการประเมินผู้เข้าประกวดราวกับตัวเองเป็นผู้สูงส่ง แม้จะได้พบคนที่ยโสโอหังมาไม่น้อย แต่ถูกตบหน้าโดยตรงแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรก
ต่อให้เขาหน้าหนาแค่ไหนก็ทนไม่ได้!
นอกจากจวงเฮ่า จางเสี่ยวอันและเฉินเจินหนีก็ต่างรู้สึกเหมือนถูกลู่เฉินข่วนหน้าออกไปชั้นหนึ่ง
ลู่เฉินไม่ให้โอกาสพวกเขาตอบโต้กลับ พยักหน้าให้หลูหย่า แล้วเดินออกมาจากตรงนั้น
ในบรรดากรรมการทั้งสี่ เขารู้สึกดีกับหลูหย่าเพียงคนเดียว
ปัง!
จวงเฮ่าใช้ฝ่ามือตบลงบนโต๊ะเสียงดัง ด่าอย่างอับอายและโมโหว่า “คนหนุ่มสาวสมัยนี้ไม่มีมารยาท ไม่สำเหนียกตัวเองเลย มิน่าล่ะเพลงสมัยใหม่มันถึงได้แย่ลงเรื่อยๆ พวกนี้มันอะไรกัน!”
จางเสี่ยวอันพูดหน้าเคร่งว่า “นั่นน่ะสิ พวกเรายิ่งต้องเข้มงวดให้มากกว่านี้ พวกนิสัยไม่ดีต้องคัดทิ้งไปให้หมด ไม่อย่างนั้นจะทำให้สถานีโทรทัศน์เซียงหนานต้องขายหน้าคนดู”
เฉินเจินหนีหยิบสมุดจดขึ้นมาออกแรงพัดวี ยิ้มเยาะเอ่ยว่า “นิสัยแบบนี้ มิน่าล่ะถึงมีคนอยากสั่งสอนเขา ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเอาซะเลย เขาต้องได้เสียใจภายหลัง!”
จวงเฮ่าและจางเสี่ยวอันหันไปมองที่เธอพร้อมกัน สีหน้าแปลกประหลาด…คำแบบนี้พูดออกมาได้อย่างไร?
หลูหย่าเข้าใจในทันที ไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด
เฉินเจินหนีไม่สนใจสายตาของพวกเขา ในสถานที่ประกวดมีกล้องสี่ตัวตั้งอยู่แล้วอย่างไร คลิปวิดีโอช่วงนี้ต้องถูกตัดทิ้งไปแน่นอน ไม่มีใครสนใจนักร้องหน้าใหม่ตัวเล็กๆ คนหนึ่งหรอก
การคัดเลือกของรายการ ‘นักร้องนักแต่งสุดสตรอง’ ยังดำเนินต่อไป
ลู่เฉินเดินออกมาจากสนามกีฬาแห่งเมืองหลวง แสงแดดยามบ่ายที่ส่องกระทบใบหน้ายังคงร้อนแรงเหมือนเคย
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วผ่อนลมที่เจือปนโทสะออกมา
ผลของการคัดเลือกเป็นสิ่งที่ลู่เฉินคาดการณ์ไว้แล้ว แต่ในใจของเขามีหรือจะไม่คิดบางอย่าง ไม่แน่ว่าอคติที่เฉินเจี้ยนหาวมีต่อจินหงเหว่ย อาจทำให้ความถูกต้องของการวิเคราะห์คลาดเคลื่อนไป?
แต่ความเป็นจริงที่โชกเลือดกำลังสั่งสอนบทเรียนให้เขา!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar