ตอนที่ 882 คอนเสิร์ตส่งท้ายปีเก่า (จบ)
“หนึ่งเสียงหัวเราะจากทะเล คลื่นถาโถมซัดสาดกระทบสองฟากฝั่ง ลอยขึ้นลงตามเกลียวคลื่น จดจำเพียงยามนี้!”
“ฟ้าหัวเราะ โลกสับสนวุ่นวาย ใครเป็นผู้แพ้เป็นผู้ชนะมีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้…”
สนามกีฬาหวงหลงในเมืองหังโจว บนเวทีขนาดใหญ่ที่ได้รับความสนใจจากผู้ชมนับหมื่นนับพัน ลู่เฉินกับเลี่ยวเจี่ยกำลังร้องเพลง ‘ทะเลสรวล’ ซึ่งเป็นเพลงประกอบหลักของ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ภายใต้การบรรเลงดนตรีของวงดนตรีเดือนเก้า
ในภาพยนตร์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ลู่เฉินเป็นคนแต่งเพลงนี้ และเป็นผลงานที่หลิวกั่งเซิงและถานหงสองคนร้องร่วมกัน ใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์และเพลงปิดท้าย และก็เป็นเพลงธีมของละครฟอร์มยักษ์แนวกำลังภายในเรื่องนี้ด้วย
เนื่องด้วยความสำเร็จของภาพยนตร์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ‘ทะเลสรวล’ จึงกลายเป็นเพลงคลาสสิคที่ทุกคนรู้จักไปทั่วบ้านทั่วเมือง ดังนั้นตอนที่ทั้งสองคนร้องเพลงร่วมกัน แฟนคลับด้านล่างเวทีมากมายนับไม่ถ้วนต่างร้องประสานเสียงตาม
เดิมทีสถานีโทรทัศน์เจ้อตงตั้งใจเชิญหลิวกั่งเซิงและถานหงมาร่วมคอนเสิร์ตส่งท้ายปีเก่าด้วย แต่คนแรกถูกกำหนดให้ร่วมร้องเพลงกับสถานีโทรทัศน์ฮ่องกงแล้ว ส่วนคนหลังไม่อยากปรากฏตัวบนเวทีใหญ่อีก
ดังนั้นเพลงนี้จึงเปลี่ยนเป็นลู่เฉินกับเลี่ยวเจี่ยสองคนมาร้องแทน เลี่ยวเจี่ยตอบรับคำเชิญของสถานีโทรทัศน์เจ้อตงเพราะว่าลู่เฉิน และเขาก็ชื่นชอบเพลงนี้เป็นอย่างมากกระทั่งมากกว่าถานหง
ความจริงแล้วร้องเพลง ‘ทะเลสรวล’ ร่วมกับลู่เฉิน เขาเป็นคนเสนอขึ้นมาเอง
“ภูเขาหัวเราะ หมอกฝนเคลื่อนคล้อยลอยไกล คลื่นชะล้างความโสมมในโลกบ้างแล้วกี่มากน้อย!”
“สายลมเย็นหัวเราะ กระตุ้นความอ้างว้าง เพื่อนพบเจอแล้วจากลา ทิ้งไว้ซึ่งความเศร้าโศกา…”
บทเพลง ‘ทะเลสรวล’ มีความองอาจผึ่งผาย ท่ามกลางชีวิตที่ผันผวนแฝงไปด้วยความสง่างาม ทั้งเพลงราวกับแม่น้ำไหลเชี่ยวโหมซัดสาดไปไกล ให้ความรู้สึกสนุกมีความสุขสะใจ ขณะเดียวกันยังทำให้ภาพยนตร์ยิ่งเด่นมากขึ้น และถูกมองว่าเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ที่โดดเด่นที่สุดของภาพยนตร์ที่ผลิตในประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
นักวิจารณ์เพลงจำนวนไม่น้อยคิดว่า นี่คือหนึ่งในผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของลู่เฉิน
ถึงแม้ ‘ทะเลสรวล’ ลู่เฉินเป็นคนแต่งก็จริง แต่เขาไม่ใช่นักร้องต้นฉบับ ดังนั้นคืนนี้เขาร้องเพลงนี้ร่วมกับเลี่ยวเจี่ย จึงต้องนำดนตรีประกอบมาเรียบเรียงเปลี่ยนแปลงใหม่อยู่ไม่น้อย แต่ที่ไม่เปลี่ยนแปลงคืออารมณ์และจิตวิญญาณของเพลงที่ราวกับผู้กล้าถือดาบท่องไปในยุทธจักร ผู้ชมเจ็ดหมื่นกว่าคนที่นั่งอยู่ในสนามกีฬาหวงหลงคืนนี้ มีหลายคนเป็นแฟนคลับของลู่เฉิน พวกเขาเดินทางไกลมาหังโจวเพื่อลู่เฉินโดยเฉพาะ แน่นอนว่าต้องคุ้นเคยกับเพลง ‘ทะเลสรวล’ เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกัน ผู้ชมที่เคยดูภาพยนตร์ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ก็เยอะมาก ฟังทำนองเพลงและเสียงเพลงที่คุ้นเคยพร้อมกับมองดูวิดีโอที่ตัดต่อมาจากภาพยนตร์บนหน้าจอยักษ์ไปพลาง
สายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดเย็นสบายแม่น้ำกระจ่างใส เพื่อนสนิทสองคนนั่งอยู่บนเรือไม้ที่ปลิวไหวไปตามแรงลม ขับขานทำนองเสนาะอย่างอิสระเสรี บ้าระห่ำแต่ไม่ทิ้งความสง่างาม
บัณฑิตสวมเสื้อคลุมยาวกับหมวกบัณฑิตล่องเรือเที่ยว ภายใต้แสงอาทิตย์อัสดงเสียงพิณอ้อยอิ่ง หนึ่งเสียงหัวเราะจากทะเล ลืมเรื่องราวในโลกมนุษย์ ดื่มด่ำกับสายลมเย็นให้ชื่นใจไม่หวาดกลัวภัยอันตราย ความรู้สึกนี้ ฉากนี้ เพลงนี้ เสียงนี้ ใครบ้างจะไม่ซาบซึ้ง
“…ที่ทำได้คือยิ้มเยาะกับชีวิต…”
ตอนที่เลี่ยวเจี่ยร้องประโยคสุดท้ายจบ เขาสะบัดไมค์ในมืออย่างแรง แล้วตะโกนดังๆ ว่า “สะใจโว้ย!”
เสียงคำว่า ‘สะใจ’ นี้ได้รับเสียงตะโกนและเสียงปรบมือที่ดังสนั่นดั่งขุนเขาและท้องทะเลคำรามไปทั่วงาน ทำให้คอนเสิร์ตอันยิ่งใหญ่ในค่ำคืนนี้พุ่งสู่จุดพีกใหม่อีกครั้ง
เลี่ยวเจี่ยหัวเราะฮ่าๆ อ้าแขนสองข้างสวมกอดลู่เฉิน จากนั้นก็ลงเวทีไปอย่างสบายใจ
เขามาร่วมคอนเสิร์ตส่งท้ายปีเก่าครั้งนี้ไม่ได้อยากโชว์หน้าหรือทำกำไร แต่อยากมาร้องเพลงให้สนุกและสะใจเท่านั้น เมื่อร้องเพลง ‘ทะเลสรวล’ จบแล้วรู้สึกสบายใจมาก และพอใจเป็นอย่างยิ่ง
แล้วเขาก็มอบเวทีนี้ให้กับลู่เฉิน
บนเวทีขนาดใหญ่ ไฟสปอตไลต์ดวงหนึ่งส่องไปบนตัวของลู่เฉิน ทำให้เขากลายเป็นจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียวบนเวทีและทั้งสนามกีฬาแห่งนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar